ด.ญ. อาภาศรี แสงเดือน

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จังหวัดเพชรบุรี

เรื่อง หนังสือคู่ใจ กับการเดินทางไปสู่อดีต

หนังสือ คือ ตา
หนังสือ คือ แว่น
หนังสือ คือ กล้อง
หนังสือ คือ กุญแจ
หนังสือ คือ ครู อาจารย์
หนังสือ คือ มิตร
หนังสือ คือ เข็มทิศ
หนังสือ คือ ป้ายบอกทาง
หนังสือ คือ แสงสว่าง

นี่คือบทความจากหนังสือประมวลแนวปฏิบัติธรรม ของพระนิโรธรังสีคัมภีรปัญญาจารย์ ซึ่งท่านได้เปรียบเทียบหนังสือกับสิ่งต่างๆ เพื่อให้เห็นว่าการอ่านหนังสือมีประโยชน์มากมาย ทั้งเป็นแนวทางให้ผู้อ่านได้เดินไปในทางที่ถูก โดยการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ คือ การอ่านหนังสือ มีคำสอนสาระ ทำให้ผู้อ่านได้รับความรู้อย่างเต็มเปี่ยม เป็นวิสัชนาสำหรับไขปัญหาข้อสงสัยที่หาคำตอบได้เฉพาะในหนังสือ เป็นเสมือนเพื่อนยามเหงา เป็นเหมือนละครโรงเล็กบนตัวหนังสือที่ถ่ายทอดให้ความบันเทิง และสำคัญที่สุดมันยังสามารถพาเราเดินทางไปสู่อดีตได้ จนเราเริ่มคิดถึง ร่วมสืบสานอนุรักษ์มรดกอันล้ำค่า ระลึกถึงความมหัศจรรย์ในยุคอดีต นอกจากนี้ยังสามารถเป็นหนังสือที่จะนำไปพบสิ่งใหม่ๆ อีกด้วย เพียงเท่านี้เพื่อนๆ คงจะเห็นประโยชน์ของหนังสือที่มีมากมายมหาศาลแล้ว ดังนั้นเพื่อนๆ ควรหันกลับมาทำกิจกรรมที่เคยมองข้ามกันไป คือ การอ่านหนังสือ มาเริ่มรักการอ่าน รักต่อไป รักตลอดไป และรักการอ่านชั่วนิรันดร จนเรียกหนังสือได้ว่า “คู่ใจ”

สมัยพุทธศักราช 2325 จนถึงปัจจุบัน กาลเวลามันช่างผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน จาก 1 วัน 1 เดือน 1 ปี 1 ทศวรรษ 1 ศตวรรษ มาถึงตอนนี้ ผ่านไปเป็นเวลา 222 ปีแล้วที่ประวัติศาสตร์ไทยได้มีกรุงเทพมหานครเป็นราชธานีแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ แต่ละยุคแต่ละสมัยพร้อมกับเวลาเปลี่ยนแปลงไป ได้ทำให้เกิดเหตุการณ์ต่างๆ ที่น่าสนใจขึ้นมากมาย บรรพบุรุษไทยได้จารึกประวัติศาสตร์ไว้ให้ลูกหลานชาวไทยได้ศึกษาเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตต่อไปในอนาคตด้วย เพราะมันเป็นเหตุการณ์ที่น่าจดจำซึ่งหาความรู้ได้ยาก ในปัจจุบันมีเพียงโบราณวัตถุให้ค้นหา จดหมายเหตุเล่มหนา ที่อ่านเข้าในยาก ซึ่งบุคคลที่เคยอยู่ในยุคประวัติศาสตร์นี้ก็จากโลกนี้ไปหมดแล้ว หากต้องการมารื้อฟื้นความหลังในอดีตนี้ก็สามารถหาได้อย่างง่ายดาย จากหนังสือคู่ใจทั้งสองเล่มที่จะพาเพื่อนๆ เดินทางไปสู่ยุคอดีตพร้อมกัน และดิฉันขอแนะนำหนังสือที่น่าอ่านสองเล่มนี้

ต้นรัตนโกสินทร์ ของนายแพทย์วิบูล วิจิตรวาทการ เป็นหนังสือคู่ใจเล่มแรกที่ดิฉันขอแนะนำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกัน หนังสือคู่ใจเล่มนี้เป็นแนวสารคดีประวัติศาสตร์ ที่พาเพื่อนๆ เดินทางไปในช่วงต้นกรุงรัตนโกสินทร์ แสดงถึงเหตุการณ์เรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่การสถาปนากรุงฯ การขึ้นครองราชย์ของพระมหากษัตริย์ทั้งสามพระองค์ คือ รัชกาลที่ 1 รัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 โดยเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นภายในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งสมัยก่อน ยากนักที่ชาวบ้านสามัญชนธรรมดาจะได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้นในรั้วในวัง แต่สามารถหาอ่านได้จากหนังสือคู่ใจเล่มนี้ ซึ่งนอกจากจะพาเพื่อนๆ ท่องเที่ยวไปในอดีตช่วงต้นรัตนโกสินทร์แล้ว ยังให้ความรู้แก่เพื่อนๆ อีกด้วย เช่น รู้จักประเพณีวัฒนธรรมในพระบรมมหาราชวัง เข้าใจการเมืองการปกครอง สังคม และศิลปะ สมัยต้นรัตนโกสินทร์ เป็นต้น พร้อมสอดแทรกความบันเทิงที่เกิดขึ้นจริงจากบุคคลต่างๆ เช่น พระมหากษัตริย์ พระมเหสี ขุนนาง ตลอดจนนางสนมด้วย แม้ต้นรัตนโกสินทร์ จะไม่มีความละเอียดลออเท่ากับจดหมายเหตุเล่มหนาที่อ่านเข้าใจยาก หรือหนังสือเรียนที่ให้ความรู้ด้านวิชาการเพียงอย่างเดียว หนังสือเล่มนี้เมื่ออ่านแล้วสามารถทำความเข้าใจได้ง่าย เพราะแบ่งออกเป็นตอนๆ และให้สาระ ความรู้เต็มเปี่ยมแถมด้วยความสนุกสนาน ความบันเทิงอย่างมากมาย เพียงเท่านี้เพื่อนๆ คงคิดอยากเดินทางไปในอดีตกับหนังสือคู่ใจเล่มนี้แล้ว...สิ...นะ

สิ่งที่ทำให้ดิฉันร่วมเดินทางไปในยุคอดีตกับหนังสือคู่ใจ ต้นรัตนโกสินทร์ เพราะความสนใจในตัวผู้แต่งด้วยท่านเป็นนายแพทย์ แต่มีความสามารถในด้านการเขียนหนังสือ ซึ่งสามารถถ่ายทอดผลงานได้เป็นอย่างดี ส่วนนามสกุลของท่านก็น่าสนใจยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นนามสกุลพระราชทาน โดยท่านผู้แต่งก็สืบเชื้อสายมาจากหลวงวิจิตรวาทการ ผู้เป็นกำลังสำคัญในการพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ให้เจริญรุ่งเรืองและเป็นบุคคลสำคัญในสมัยนั้นด้วย ดังนั้นเนื้อเรื่องในหนังสือคู่ใจเล่มนี้ก็เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงน่าเชื่อถือได้ ตอนนี้ดิฉันเรียนอยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ปีหน้าจะขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยต่อไปวิชาสังคมศึกษาจะต้องมีการเรียนเรื่องกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้นด้วยซึ่งเป็นการดีที่ได้อ่าน ต้นรัตนโกสินทร์ เล่มนี้ก่อน คือเป็นหนังสือเสริมความรู้นอกเวลาที่ต่อไปต้องเกี่ยวข้องในบทเรียนด้วย และไม่ว่าเพื่อนๆ จะอยู่ชั้นอะไร เรียนที่ไหน แต่เพื่อนๆ ก็สามารถหาความรู้เติมสมอง หาความบันเทิงเติมอารมณ์ได้จากการอ่าน ต้นรัตนโกสินทร์ หนังสือคู่ใจเล่มนี้ นอกจากนี้ยังสามารถเปรียบเทียบยุคปัจจุบันกับยุคประวัติศาสตร์ช่วงรัตนโกสินทร์ได้ด้วย แล้วเพื่อนๆ จะพบความแปลกใหม่จากการเดินทางไปในอดีตกับหนังสือคู่ใจ ต้นรัตนโกสินทร์

เมืองไทยในอดีต ของนายชาลี เอี่ยมกระสินธุ์ เป็นหนังสือคู่ใจของดิฉันที่อยากแนะนำอีกเล่มหนึ่ง ซึ่งสามารถพาเพื่อนๆ เดินทางไปสู่อดีตช่วงรัตนโกสินทร์ตอนกลางได้ เมืองไทยในอดีต มีเนื้อหาแนวสารคดีประวัติศาสตร์จึงให้ความรู้ทางประวัติศาสตร์มากมาย เช่น การปฏิบัติหน้าที่ของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ในช่วงนั้น อาชีพการทำมาหากิน เป็นต้น และยังสอดแทรกความบันเทิง ความสนุกสนานอย่างเต็มเปี่ยม จนทำให้เพื่อนๆ ที่เคร่งเครียดจากเรื่องต่างๆ เมื่อมาอ่านหนังสือคู่ใจเล่มนี้ พร้อมเดินทางไปในอดีต สิ่งที่เพื่อนๆ จะได้กลับมาเป็นของระลึกอย่างแรกคือรอยยิ้มที่เปื้อนปนอยู่บนใบหน้า แทนที่ริ้วรอยแห่งความเครียดเลยทีเดียว และอีกอย่างคือสาระความรู้ ความเข้าใจในเนื้อเรื่องที่บอกเล่าถึงชีวิตผู้คนธรรมดาสามัญ ในช่วงรัตนโกสินทร์ตอนกลางตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 ถึงรัชกาลที่ 6 โดยเหตุการณ์ในหนังสือคู่ใจเล่มนี้ค่อนข้างจะทันสมัยกว่าหนังสือคู่ใจเล่มแรก เพราะช่วงรัตนโกสินทร์ตอนกลางนี้เริ่มมีการนำแนวคิดแบบตะวันตกมาผสมผสานกับแบบไทย จนประเทศไทยได้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย และเป็นสาธารณสมบัติของประชาชนถึงปัจจุบัน เช่น ถนนสายต่างๆ สถานีรถไฟ มีไฟฟ้า–ประปา เป็นต้น ซึ่งได้นำมาถ่ายทอดในเนื้อเรื่องให้ผู้อ่าน เหมือนได้เดินทางไป ในยุคประวัติศาสตร์ตอนกลางรัตนโกสินทร์ เมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านหนังสือคู่ใจเล่มนี้

การเดินทางไปในอดีตครั้งนี้ มีสิ่งที่ทำให้ดิฉันรู้สึกอยากไปอีกรอบพร้อมกับหนังสือคู่ใจเล่มนี้ เพราะวิธีการเล่าเรื่องราวของเหตุการณ์นั้นได้สื่อสารออกมาในตัวหนังสือ แต่เมื่อดิฉันอ่านแล้วสามารถรู้สึกถึงอารมณ์ ความรู้สึกของตัวละครที่กล่าวถึงได้ด้วยแนวการเขียนเป็นการพรรณนาโวหาร เน้นให้เห็นภาพเหตุการณ์ อิริยาบถของตัวละคร จนทำให้มีความรู้สึกเหมือนอยู่ในเรื่องด้วย และยังร่วมเผชิญเรื่องราวไปด้วย ทั้งมีความตื่นเต้นในการเสี่ยงโชคแบบสมัยก่อน คือ หวย ก.ข. ความหวาดกลัวมีโจรผู้ร้ายชุกชุมปล้นจี้กันไม่เว้นแต่ละวัน ความสนุกสนานจากการเชียร์ ในการต่อสู้ระหว่างผู้พิทักษ์สันติราษฎร์กับโจรผู้ร้าย และความสุขที่ชาวบ้านมีความรัก ความผูกพันกันภายในครอบครัว นอกจากนี้ยังนำสาระข้อคิดเกี่ยวกับการทำมาหากินประกอบอาชีพสุจริตมาสอดแทรก ทำให้ดิฉันและเพื่อนๆ มีแนวทางในการทำงานในอนาคตอีกด้วย โดยหนังสือคู่ใจเล่มนี้มีความแตกต่างจากหนังสือคู่ใจเล่มแรกตรงที่ เนื้อเรื่องในต้นรัตนโกสินทร์ นำเสนอเรื่องราวของบุคคลชนชั้นปกครอง หรือบุคคลที่อยู่ในพระบรมมหาราชวังนั่นเอง แต่เมืองไทยในอดีต จะนำเสนอเหตุการณ์ของสามัญชนชาวบ้านที่พบเห็นได้ง่ายในชีวิตประจำวันซึ่งก็มีความแตกต่างจากปัจจุบันมาก อย่างไรก็ตามสาระความรู้ ความบันเทิง ที่กำลังรอคอยให้เพื่อนๆ ได้ศึกษา สัมผัส ชื่นชม ไปในการเดินทางสู่อดีตพร้อมกับหนังสือคู่ใจ ก็มีอยู่เต็มเปี่ยมใน เมืองไทยในอดีต เล่มนี้

หนังสือคู่ใจ ที่จะพาเพื่อนๆ ไปสู่อดีตได้ทั้งสองเล่มที่ดิฉันแนะนำไปแล้ว คงเริ่มทำให้เพื่อนๆ มีความรู้สึกอยากลองอ่านแล้วสินะ แต่ถ้ายังดิฉันผู้แนะนำขอรับรองความสนุกสนาน สาระ ความรู้ที่มีบรรจุอยู่อย่างเต็มเปี่ยมในหนังสือคู่ใจเล่มกะทัดรัดทั้งสองเล่มนี้ จากที่กล่าวมาแล้ว หากเพื่อนๆ อยากออกเดินทางไปท่องเที่ยว ดิฉันขอแนะนำสถานที่แห่งอดีต ซึ่งเพื่อนๆ ไม่ต้องกังวลหรือกลัวถึงความไม่ปลอดภัยเหมือนสถานการณ์ในภาคใต้ เพราะเพื่อนๆ สามารถเดินทางท่องเที่ยวไปได้เพียงเพื่อนๆ เปิดตาดู เปิดสมองอ่าน หนังสือคู่ใจสองเล่ม คือ ต้นรัตนโกสินทร์ และเมืองไทยในอดีต เท่านั้น แล้วเพื่อนๆ จะพบความแตกต่างของกาลเวลา ที่ผ่านพ้นมาแล้วหลายศตวรรษ ความเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆ เช่น จิตใจของผู้คน วัตถุ เหตุการณ์ เป็นต้น เมื่อเพื่อนๆ ได้อ่านหนังสือคู่ใจของดิฉันทั้งสองเล่มแล้ว ดิฉันเชื่อว่า มันจะต้องเป็นหนังสือคู่ใจของเพื่อนๆ ด้วยเช่นกัน แล้วเพื่อนๆ จะมีทัศนคติต่อหนังสือสารคดีแนวประวัติศาสตร์ ...เปลี๊ยนไป๋ “มาเร็วๆ หนังสือรออยู่ ...หนังสือคู่ใจพร้อมแล้วที่จะพาคุณเดินทางไปในอดีต แล้วคุณล่ะพร้อมหรือยัง...” “พร้อมแล้ว” “ถ้ายังงั้น...ก็เปิดหนังสือคู่ใจอ่านเลยซิจ๊ะ”

     หนังสือ คือ เข็มทิศพาชีวิตให้สดใส
อ่านนิด ฉลาดหน่อยอ่านมาก ฉล้าด ฉลาด
ด.ญ. อาภาศรี แสงเดือน เกิด 8 กุมภาพันธ์ 2533ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ที่อยู่ 45 หมู่ 2 ถ. ราชเสวก ต. ธงชัย อ. เมือง จ. เพชรบุรี 76000
โทร. 0-3242-6415
โรงเรียนเบญจมเทพอุทิศ จังหวัดเพชรบุรี
ที่อยู่ ถ. คีรีรัฐยา อ. เมือง จ. เพชรบุรี 76000
โทร. 0-3242-5404, 0-3242-5052