นี่คือข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์ ประชาธิปไตย ฉบับวันอาทิตย์ ๑๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ รายงานข่าวการเสด็จพระราชดำเนินเมืองโบราณ เมื่อวันศุกร์ที่ ๑๑ กุมภาพันธ์ เนื้อข่าวตอนหนึ่งกล่าวไว้ว่า "...พอเวลา ๑๗.๐๐ น. สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ และเจ้าชายฟิลิป เสด็จฯ ถึงเมืองโบราณ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จฯ ออกรับรองหน้ากำแพงเมืองโบราณ กรรมการฝ่ายสตรีของเมืองโบราณ ถวายพวงมาลัยคล้องข้อพระหัตถ์ และถวายหนังสือเมืองโบราณ แด่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ ประธานกรรมการเมืองโบราณ ขอพระราชทานเบิกคณะกรรมการเมืองโบราณ เข้าเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท แล้วพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถวายของที่ระลึกแด่สมเด็จพระราชินีนาถอลิซาเบธ จากนั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงเชิญราชอาคันตุกะเสด็จผ่านประตูเมืองโบราณ เสด็จขึ้นรถยนต์พระที่นั่ง ผ่านโบราณวัตถุสถานสำคัญต่าง ๆ เริ่มด้วยเจดีย์วัดมหาธาตุ นครศรีธรรมราช พระธาตุไชยา สุราษฎร์ธานี ศาลาการเปรียญ วัดใหญ่ เพชรบุรี แล้วเสด็จขึ้นทอดพระเนตรความเป็นอยู่ของคนไทยโบราณ บนเรือนทวารวดี ซึ่งแสดงการจัดห้องนั่งห้องนอนห้องพระ และสาธิตการปรุงของหวานไทย มีฝอยทอง ข้าวเกรียบปากหม้อ เป็นต้น ตลอดจนการร้อยมาลัย และการเจียนหมากจีบพลู รวมทั้งการแสดงมโหรีหญิง ซึ่งปรากฏว่าพระราชอาคันตุกะทั้งคู่ทรงสนพระทัยเป็นอย่างมาก หลังจากนั้น ได้เสด็จพระราชดำเนินต่อไป ณ พระที่นั่งสรรเพชรปราสาท ซึ่งตรงทางเสด็จฯ ขึ้นมีลาดพระบาทดอกบานไม่รู้โรย ร้อยเป็นลวดลายงดงาม สำหรับแทนพรมลาดพระบาท พรมนี้ทราบว่าใช้เวลาร้อยถึง ๖ วัน ๖ คืน ราคาประมาณ ๘,๐๐๐ บาท และภายในมีสตรีสาวแต่งกายแบบโบราณ คอยเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทอยู่ เมื่อเสด็จพระราชดำเนินขึ้นบนพระที่นั่งสรรเพชรปราสาทแล้ว ทุกพระองค์ทรงลงพระปรมาภิไธยในสมุดเยี่ยมเมืองโบราณ หลังจากนั้น... เสวยพระสุธารสชาและพระกระยาหารว่างที่บนพระที่นั่งสรรเพชรปราสาท... จนเวลา ๑๘ น. เศษ จึงเสด็จพระราชดำเนินกลับ...
ศรัณย์ ทองปาน จบการศึกษาระดับปริญญาโทจากคณะสังคมวิทยา และมานุษยวิทยา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปัจจุบันประจำกองบรรณาธิการวารสาร เมืองโบราณ เริ่มมีผลงานตีพิมพ์ในคอลัมน์ "มุมสะสม" มาตั้งแต่ปี ๒๕๓๓ ข้อเขียนขนาดยาวเรื่องล่าสุดใน สารคดี คือ "ปีที่เจ็บสิบสองของชีวิต : ประยูร อุลุชาฏะ" (พฤศจิกายน ๒๕๔๓)
เสี่ยเล็กที่ข้าพเจ้ารู้จักและเคยสัมผัสในที่นี้คือ การคุ้นเคยในด้านศิลปวัตถุและโบราณสถานต่าง ๆ เพราะในช่วงระยะหลังของอาเสี่ย ได้อุทิศชีวิต เวลา กำลังกายและใจให้แก่ศิลปะไทยและสถาปัตยกรรมไทย ทำคุณประโยชน์แก่การอนุรักษ์อย่างอเนกประการ ตั้งแต่ได้รู้จักกับอาเสี่ยประมาณปี พ.ศ. ๒๕๐๒ นับได้เป็นเวลา ๓๐ ปีปลาย ๆ ๔๐ ปีต้น ๆ มากกว่าครึ่งอายุคนบางคน ใคร ๆ เขาว่าอาเสี่ยดุลูกน้อง ลูกน้องหรือผู้ร่วมงานกลัวอาเสี่ย เพราะอาเสี่ยมุ่งแต่งานให้เสร็จเร็ว ๆ เลยบางครั้งก็มีเสียงดัง แต่ก็เป็นเรื่องธรรมดา บางครั้งจะได้ยินเสียงอาเสี่ยพูดประชด ผู้ร่วมงานที่ทำงานพลาด แต่ก็ไม่เคยเห็นมีใจเจ็บเอามาคิดเป็นอารมณ์ เพราะคนเราไม่ใช่ผู้ละได้ ทุก ๆ คนยังเป็นปุถุชนที่ยังหวั่นไหวอยู่ เห็นอาเสี่ยเป็นคนง่าย ๆ สมถะ เรือนที่พักอยู่ในเมืองโบราณ เป็นธรรมชาติแบบชาวบ้านคนไทยธรรมดา ๆ มีคนเคยช่วยอย่างไรก็อย่างนั้น อาหารการกินก็ง่าย ๆ ตอนบ่าย ๆ จะมีถั่วเขียวต้มน้ำตาลรสอ่อน ๆ กล้วยปิ้งสองลูก ผู้ที่ทำให้ข้าพเจ้าได้เข้ามาสัมผัสอาเสี่ยก็คือ ศาสตราจารย์ หลวงวิศาลศิลปกรรม (เชื้อ ปัทมจินดา) การทำเมืองโบราณระยะต้น ๆ ตั้งแต่เป็นทุ่งนาโล่ง ๆ การร่วมงานนั้นตัวเองไม่ได้เป็นผู้สำคัญใด ๆ เป็นเพียงเพื่อนคุย และขัดคอถ้าไม่เห็นด้วย เข้าไปบ้างไม่ไปบ้างตามอารมณ์ ตอนระยะหลังไม่ไปเลย เมื่อต้นปี พ.ศ. ๒๕๔๓ ไปเมืองโบราณ ได้คุยกับอาเสี่ยนิด ๆ หน่อย ๆ และก็ลากลับ ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของวัฏจักรทุกอย่าง มีเกิดแล้วก็มีดับ ได้รับทราบอีกทีก็ทางโทรศัพท์ถึงการจากไปของอาเสี่ย ได้ยินแล้วก็ใจหาย ทำให้ขาดคนที่จะเถียงกันอย่างออกรสเท่าเทียมกัน และไม่เคยผิดใจกัน อาเสี่ยและทีมงานที่อาเสี่ยได้ทุ่มเทก็คือ งานรังวัดรูปแบบสถาปัตยกรรมไทย ตลอดจนการอนุรักษ์วิถีชีวิตไทย ๆ จะยังคงอยู่นานเท่านาน เป็นประโยชน์มหาศาลที่มีคุณค่ายิ่ง ขอดวงวิญญาณของอาเสี่ยหรือคุณน้าผู้ชาย ประสบแต่สุคติในทิพยวิมานเทอญ ลาก่อนอาเสี่ย คุณน้าผู้ชายผู้เป็นเสมือนสหายอาวุโส (รุ่นพ่อ) ทางด้านศิลปะสถาปัตยกรรมไทย ขอคารวะด้วยความเคารพรัก เสนอ นิลเดช
ใคร ๆ เรียกท่านว่า "เสี่ยเล็ก" ท่านบอกผมว่าท่านไม่ใช่เสี่ย เพราะถ้าเป็นเสี่ยก็ต้องใช้เงิน เพื่อหาความสบายให้ชีวิต ท่านว่าท่านเป็นลูกจ้าง เป็นลูกจ้างของชีวิตที่เกิดมาเป็นมนุษย์ในโลก ต้องทำงานตั้งแต่เกิดไปจนตาย และงานที่ท่านเลือกแล้ว คือการใฝ่รู้และสร้างสรรค์งานศิลป์ เท่าที่กำลังความสามารถของตัวจะทำได้ สำหรับผมซึ่งมีโชคดีที่ได้พบ และมีความคุ้นเคยกับท่านพอจะเข้าใจว่า เป็นความจริงที่ใคร ๆ เรียกท่านว่า "เสี่ยเล็ก" ท่านเข้าใจวิธีสร้างฐานะด้วยสติปัญญา ความขยัน และความสุจริต ท่านเล่าว่า เมื่อท่านขอนามสกุลกับพระสงฆ์อาวุโสรูปหนึ่ง พระให้ท่านใช้นามสกุล วิริยะพันธุ์ เพราะแม้แต่พระก็รู้ว่าคุณเล็กเป็นคนขยัน ท่านจะเป็น คุณเล็ก หรือ เสี่ยเล็ก ก็ตาม สำหรับผมซึ่งเป็นคนหนึ่งที่ท่านเมตตาให้ความคุ้นเคย เป็นเหมือนเพื่อน (คุย) เป็นเหมือนน้องชาย เพราะท่านมีอาวุโสกว่าผมในทุก ๆ ด้าน เป็นนายจ้าง เพราะท่านเคยให้เงินเดือนผมอยู่ช่วงหนึ่ง เพื่อแลกกับรถยนต์เมอร์ซีเดส ๒๘๐ ที่ผมอยากได้ ตามประสาคนรสนิยมสูงแต่กระเป๋าเบา การได้ทำงานใกล้ชิดกับท่านระยะหนึ่ง ทำให้ผมอยากสรุปว่า คุณเล็กนั้นไม่ใช่คนเล็ก ท่านเป็นอะไรทุกอย่างที่คนอยากเป็น แต่เป็นไม่ได้พร้อม ๆ กัน ท่านเป็นเศรษฐี แต่จะหาเศรษฐีที่เป็นนักปราชญ์อย่างท่าน คงมีอยู่ในโลกไม่กี่คน และในจำนวนไม่กี่คนนั้น ถ้าจะหาเศรษฐีที่ทำมาหากินด้วยสติปัญญา ภูมิธรรม ความรู้ ความขยัน สุจริต โดยมีความคิด และคำพูดเป็นนักปราชญ์ และเป็นนักศึกษาที่รอบรู้ในศาสตร์ที่เกี่ยวกับศิลป์อย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะในด้านโบราณคดี จิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม รวมกันอยู่ในตัวตนเพียงคนเดียวอย่างท่าน ผมเองรู้จักคนมามากมายในโลก ใครจะมีคุณสมบัติครบถ้วนอย่างท่านไม่มีอีกแล้ว ที่สำคัญที่สุดก็คือ ท่านเป็นผู้มีรสนิยมสูงในงานศิลป์ทุกด้าน เพราะความคิดอ่านการรังสรรค์งานศิลป์ต่าง ๆ ที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของท่าน ที่ท่านใช้สายตา ใช้ปัญญา ใช้สมาธิ ใช้เวลาแรมสิบ ๆ ปีของชีวิตคลุกอยู่กับ อิฐ หิน ปูน ทราย ไม้ และเหล็ก ด้วยทุนทรัพย์ของตนเองและความตั้งใจสร้างสรรค์เมืองโบราณที่บางปู ช้างเอราวัณที่ปากน้ำ ปราสาทมหัศจรรย์แห่งยุครัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๙ ที่พัทยา และโดยมิได้มีความปรารถนาที่จะได้สิ่งตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากจะมอบไว้เป็นสมบัติอันมีค่าของมนุษยชาติ ท่านจากไปแล้ว ท่านจากไปแต่ร่างกาย แต่ผมเชื่อมั่นด้วยอาศัยคำสนทนาอย่างใกล้ชิดกับท่านหลายครั้งหลายหนว่า จิตวิญญาณของท่านมิได้จากไปไหน ท่านคงวนเวียนอยู่ในจิตใจของผู้ที่รู้จัก และเข้าใจสิ่งที่ท่านปรารถนาอย่างลึกซึ้งอยู่ในใจ คุณเล็กที่ไม่เล็ก เป็นผู้ที่คนไทยและชาวโลกควรจะได้รู้จัก ผมระลึกเสมอว่าท่านเคยพูดว่า "ยามสังคมการเมืองของเราเกิดปั่นป่วน เราควรทิ้งความสงบสุขส่วนตัว ไปยืนตระหง่านบนยอดภูเขาแห่งมนุษยธรรม ยอมรับการจู่โจมของลมหนาว อุทิศชีวิตของเราให้เป็นไป เชิดชูคบไฟแห่งการกอบกู้ชีวิตมนุษย์ ส่องทางอันรุ่งโรจน์ให้แก่คนที่กำลังดิ้นรน ท่ามกลางความทุกข์ร้อน ขอให้ผลงานของคุณเล็ก เป็นอมตะ... ขอให้ชื่อและชีวิตของคุณเล็กเป็นอมตะ เป็นคบไฟส่องทางให้คนที่กำลังดิ้นรน ท่ามกลางความทุกข์ร้อน ที่กำลังคุกรุ่นอยู่บนแผ่นดินไทยที่ท่านรัก แม้นท่านจากไปแล้ว ด้วยความเคารพรักอย่างยิ่ง พิชัย วาศนาส่ง
นับตั้งแต่คุณเล็ก วิริยะพันธุ์ ได้สร้างสถาบันศิลปะโบราณ ของเมืองไทยในที่ดิน ณ ตำบลบางปูใหม่ และใช้ช่างจากสถาบันมหาวิทยาลัยศิลปากร ให้มาร่วมงานกันจัดทำให้สมส่วน จนสามารถบรรจุลงในแปลนซึ่งได้เตรียมการไว้ อย่างไรก็ดี การดำเนินการส่วนใหญ่อยู่ในความอำนวยการของคุณเล็ก มีการสร้างโบราณสถาน ที่ขึ้นชื่อลือชาเป็นที่รู้จักกันเช่น พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท จากซากที่เห็นร่องรอยหรือแนวจากรากฐานของจริง ซึ่งเหลือแต่ฐานปูนเป็นร่องรอยไว้ให้เห็น จากนั้นได้เนรมิตภาพจากจินตนาการ จากกลุ่มผู้ทรงความรู้ร่วมกัน ก่อสร้างขึ้นมาเป็นฐานปราสาท เสา ตัวปราสาท มุขเด็จ และดูโบราณวัตถุของจริง ในสมัยเดียวกันมาประกอบ ซึ่งโดยแท้จริงไม่มีเหลือแล้ว นอกจากการเดาที่เรียกว่า reproduction ขึ้นเป็นภาพฝันร่วมกัน โดยเอาแบบอย่างของจริงแต่โบราณ เช่น จากรูปทรงธรรมาสน์ และคำพรรณนาของจริงจากหลักฐานในเอกสารต่าง ๆ เช่น ธรรมาสน์อยุธยาจากที่ต่าง ๆ มาประกอบเข้าด้วยกันโดยมิให้ผิดเพี้ยนจากของโบราณ การคลำโดยแบบอย่างของธรรมาสน์อยุธยา ที่ลอกมาจากปราสาทของจริง เช่นธรรมาสน์จากศาลาการเปรียญ วัดพระศรีมหาธาตุเมืองพิษณุโลก ธรรมาสน์อยุธยาที่เด่น ๆ ในจำนวนหลายสิบแห่ง เช่น หลังคาพระที่นั่งสรรเพชญปราสาทเอาแบบอย่างมาจาก ธรรมาสน์พิษณุโลก และวัดเชิงท่า มีบราลี และเนรมิตคันทวยช่างสมัยอยุธยาตอนต้น เช่นทวยคชกฤชจากวัดหน้าพระเมรุอยุธยา หลังคามุขหน้าและหลัง นำแบบมาจากวัดราชบรรทม แม่น้ำป่าสัก และหลังคาธรรมาสน์วัดเชิงท่า กระเบื้องหลังคาลูกฟูกเป็นกระเบื้องลอน มีกระเบื้องเชิงชายคา คุณเล็กได้วินิจฉัยร่วมกับนายช่างสถาปนิก และศิลปินผู้มีความรู้ และฝีมือ คัดเลือกส่วนประกอบดังกล่าว มาจากแบบครูสมัยอยุธยาตอนต้น ส่วนแบบประตูหน้าต่างมีหลักฐานว่านำมาแก้ไขโดยศิลปะอยุธยารุ่นหลัง การทำคันทวยเป็นของรุ่นหลังเช่นกัน ซึ่งจำเป็นที่ผู้เขียนแบบ จะต้องมีความรู้ดีในการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ในแต่ละสมัย ตัวอย่างนี้เห็นได้จากศิลปะแบบโบราณ แบบรุ่นหลังกว่านำมาผสมผสานกัน ถ้าไม่รู้จักแยกแยะก็ทำให้หลงไปได้ง่าย ดังนี้คงจะเห็นได้ว่า ผู้ทำการลอกแบบของเดิม จำเป็นจะต้องพินิจพิจารณาแบบอย่างของแต่ละสมัย อะไรเป็นของเดิมและอะไรมาทำขึ้นทีหลัง เรื่องเช่นนี้จะเห็นว่าศาลาไม้หลังหนึ่ง ถูกรื้อมาจากวัดเลียบซึ่งเป็นของอยุธยาเดิม ด้วยแบบแผนศาลานั้นเก่ากว่ารัตนโกสินทร์ คุณเล็กได้นำศาลาเก่าที่รื้อแล้ว เอามาประกอบขึ้นใหม่ไว้ ณ ตรงด้านหลังของศาลาการเปรียญวัดใหญ่ เพชรบุรี เพื่อจะให้ดูเป็นการอนุรักษ์ของเก่าไว้ โดยให้ดูเป็นกลุ่มก้อนอันเดียวกัน ในพื้นที่ดังกล่าว นายช่างผู้ก่อสร้างเมื่อได้เห็นแบบ ก็รู้และเข้าใจว่าตรงเสาประกอบเป็นเก้าต้น ที่ใกล้หลังคาท่านได้รักษาของเดิมเอาไว้ แต่รู้จักฉลาดเอามาไว้ในหมวดเดียวกัน โดยประสงค์จะให้ช่างรุ่นหลังได้เห็นฝีมือของโบราณ ไว้ว่ามีการแตกต่างกัน กับแบบของคนรุ่นหลังกว่านั้น ตรงศาลาไม้ใกล้กับของที่ซื้อมาจากของเก่าวัดเลียบ ท่านผู้เป็นนายช่างก็เอามาประกอบรูปศาลาขึ้นใหม่ ดังศาลาใกล้กับศาลาการเปรียญอยุธยาเป็นตัวอย่าง ผู้ที่ศึกษาฝีมือการช่างสมัยอยุธยา ก็จะได้ศึกษาแบบอย่างของอยุธยา ที่แปลกไปนั้น มีการแตกต่างจากฝีมือรุ่นหลังคือรัตนโกสินทร์ เรื่องเช่นนี้ผู้ที่สนใจในฝีมือการช่างรุ่นเก่าแต่ละสมัย เขามีเชิงช่างยักเยื้องศิลปะการช่าง ไม่ให้ดูซ้ำซ้อนกันแบบอย่างอันนี้ น่านับถือคุณเล็กผู้อำนวยการช่าง ซึ่งท่านได้รวบรวมมาศึกษาการช่างแต่ละสมัย ผู้ที่มีนัยน์ตาในการช่างจะได้ศึกษาแบบโบราณ ด้วยว่าวิธีการเดียวกัน แม้จะเป็นเรื่องเดียวกัน แต่คุณเล็กผู้อำนวยการสร้าง ได้คัดเลือกเอามาอนุรักษ์เก็บไว้ ของอย่างนี้ถ้าไม่เก็บงำไว้ให้นักศิลปะการช่างได้ศึกษากัน หรือรื้อทิ้งไปก็จะไม่เกิดประโยชน์อะไร ผู้ที่สนใจในการช่างจะต้องมีตาสูง ดังเช่นบันไดทางขึ้นปราสาทไม้ที่พัทยานั้น เป็นศิลปะแบบแผนทวารวดีตอนปลาย มีความแตกต่างจากรูปศิลา ที่เรียกว่าอัฒจันทร์ เรียกสั้นว่าศิลาพระจันทร์ครึ่งซีก สมัยทวารวดีตอนต้น เมื่อเทียบกับอัฒจันทร์สมัยทวารวดีตอนปลาย ซึ่งคุณเล็กได้เห็นมาไว้ ทำให้เรารู้ว่าแม้แต่สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ท่านผู้เป็นช่างก็ได้ปรับเปลี่ยนแปลงไป เป็นสิ่งหนึ่งที่สามารถจะได้เห็น เชิงฝีมือการช่างของคนโบราณว่า ท่านมีฝีมือที่จะแก้ไขแต่ละยุคแต่ละสมัย ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว สิ่งที่ออกแบบไว้อย่างดีในเมืองโบราณนั้น จะได้เห็นฝีมือ และความคิดของการช่างแต่ละยุคแต่ละสมัย เป็นเรื่องที่น่าจะต้องค้นคว้า ในประวัติศาสตร์ศิลป์แห่งชาติ ของบางอย่างถ้าเราไม่รู้จักพินิจพิจารณาก็เป็นการเสียเปล่า คุณเล็กเจ้าของเมืองโบราณ ซึ่งได้ศึกษาค้นคว้า และเก็บเอาแบบแผนไว้ ดังที่เราได้เห็นกันในขณะนี้ จากสิ่งก่อสร้างสมัยโบราณ ที่คุณเล็กได้ศึกษาไว้ ดังจากตัวอย่างเช่นครั้งหนึ่ง ตรงหลังคาพระที่นั่งหลังหนึ่ง โดนพายุสาดจนฝนรั่ว กรณีเช่นนี้ทำให้นึกถึงข้อวินิจฉัยของคุณเล็กว่า ท่านได้แก้ไขในปีต่อมา ฝนที่สาดนั้นได้ถูกแก้ไขจนดีขึ้น กรณีเช่นนี้เคยมีผู้เขียนเล่าถึงพระที่นั่ง ๕ ยอด หรือพระที่นั่งศิวาลัย ในพระบรมมหาราชวังกรุงเทพฯ เคยมีกรณีหลังคาถูกฝนสาดจนรั่ว เพราะพระที่นั่งหลังหนึ่ง มีการสร้างยอดเรียกว่า พระที่นั่ง ๕ ยอด ในปลายรัชกาลที่ ๕ บรรดาช่างก็ได้แก้ไข โดยเขียนรายงานหลังก่อสร้างไว้ว่า การทำหลังคาพระที่นั่งจะต้องศึกษาแบบแผนกันอย่างสุขุมประณีต กรณีเช่นนี้ เมื่อเกิดขึ้นกับเมืองโบราณท่านผู้เป็นเจ้าของเมืองโบราณ คงจะนึกถึงพระที่นั่งศิวาลัย จึงนำข้อเสียต่าง ๆ มาแก้ไขหลังคาในเมืองโบราณจนดีขึ้น เห็นได้ว่าคุณเล็กผู้อำนวยการช่าง เป็นผู้ที่มีความรอบรู้ โดยรู้จักการแก้ไข สิ่งที่เสียหายที่เกิดขึ้นเฉพาะหน้าให้ดีขึ้น และเป็นผู้ที่ทำงานด้วยความตั้งใจจริงตลอดเวลา น. ณ ปากน้ำ
- หลังจากคุณเล็กถึงแก่กรรม เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ มีข่าวลงในหน้า ๑ ของหนังสือพิมพ์หลายฉบับในวันรุ่งขึ้น เช่น มติชน ("พระราชทานน้ำอาบศพ "เล็ก วิริยะพันธุ์" เจ้าของเมืองโบราณ-สิ่งมหัศจรรย์โลก") และ ข่าวสด ("สิ้นแล้ว "เสี่ยเล็ก เมืองโบราณ" รูปปั้น "ช้าง ๓ เศียร" เจ้าสัวเบนซ์คนดังสิ้นลมสงบ") - ข้อความที่เป็นตัวหนา ตัดตอนมาจาก "ความประสงค์การสร้างเมืองโบราณ" หรือที่บางครั้งใช้เพียงว่า "ความประสงค์" มีพิมพ์อยู่ในหนังสือนำเที่ยวเมืองโบราณ แทบทุกฉบับทุกรุ่น - ข้อมูลเบื้องต้นเรื่องธนาคารไทย (ธนาคารมณฑล) ตลอดจนการควบกิจการกับธนาคารเกษตร ได้มาจาก หนังสือที่ระลึกในโอกาสเปิดอาคารสำนักงานใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (D&S ๒๕๒๕) - ข้อมูลเกี่ยวกับธุรกิจของธนบุรีพานิช ในช่วงก่อนที่คุณเล็กจะซื้อกิจการ ได้มาจากโฆษณาบริษัทที่ลงตีพิมพ์อยู่ใน The Siam Directory 2491 (1948) (Thai Company 1948) p. 34 - เรื่อง "เมืองเนรมิตที่บางปู" ของ น. ณ ปากน้ำ พิมพ์ครั้งแรกใน ชาวกรุง มิถุนายน ๒๕๑๔ ภายหลังรวมเล่มในชื่อ ศิลปไทยตามวัด (โอเดียนสโตร์ ๒๕๑๕) ข้อเขียนอื่น ๆ เกี่ยวกับเมืองโบราณ ในระยะเริ่มแรก ได้แก่ "เมืองโบราณที่บางปู" โดยคณิตา เลขะกุล อนุสาร อสท. ปีที่ ๑๒ ฉบับที่ ๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ - อาจลองดูประวัติและผลงานของ "พวกศิลปากร" บางท่านที่เคยทำงานให้กับเมืองโบราณ ในหนังสืออนุสรณ์ หรือหนังสืองานศพของท่านเหล่านั้น เช่น อนุสรณ์ในงานพระราชทานเพลิงศพ นายสนั่น ศิลากรณ์ (พิฆเณศ ๒๕๒๙) อนุสรณ์พระราชทานเพลิงศพ นายไกรษร ศรีสุวรรณ (วิสคอมเซ็นเตอร์ ๒๕๓๖) - รศ. ศรีศักร วัลลิโภดม เขียนเล่าเรื่องประวัติการทำงานของคุณพ่อ - อาจารย์มานิต วัลลิโภดม กับเมืองโบราณ ใน รอยต่อทางโบราณคดีจากความทรงจำ (เมืองโบราณ ๒๕๓๑) - รายละเอียดเกี่ยวกับแนวทางการออกแบบ ก่อสร้างพระที่นั่งสรรเพชญปราสาท ในเมืองโบราณ อาจดูได้ใน พระที่นั่งสรรเพชญปราสาท โดย ศรีศักร วัลลิโภดม และ มานิต วัลลิโภดม (เมืองโบราณ ๒๕๓๘) - บทสัมภาษณ์ "นายห้าง" ประไพ วิริยะพันธุ์ (น่าจะเป็นครั้งแรก และครั้งเดียว) คือ "หลังชั่วโมงทำงาน ประไพ วิริยะพันธ์ ผอ. เมืองโบราณ" ใน ประชาชาติธุรกิจ ไลฟ์-สไตล์ ๒๙ ตุลาคม ๒๕๒๙ - หนังสือนำเที่ยวเมืองโบราณที่อ้างถึง ได้แก่ เที่ยวเมืองโบราณ (Allied Printers ไม่ระบุปีพิมพ์) นำเที่ยวเมืองโบราณ (โรงพิมพ์พิฆเณศ ๒๕๒๐) เมืองโบราณ: สำนึกทางวัฒนธรรมที่เหนืออื่นใด (เมืองโบราณ ๒๕๒๙)นำเที่ยวเมืองโบราณ (เมืองโบราณ ๒๕๓๙) และหนังสือนำเที่ยวเมืองโบราณ ฉบับนักเรียน (เมืองโบราณ ๒๕๔๐) - อาจดูคำอธิบายแนวความคิด ในการสร้างเมืองโบราณใน เมืองโบราณ การสืบสานอารยธรรมสยามประเทศ โดย ศรีศักร วัลลิโภดม (เมืองโบราณ ๒๕๔๒) - ประวัติเล็ก วิริยะพันธุ์ อย่างย่อ ๆ มีอยู่ใน สูจิบัตรปูชนียบุคคลดีเด่น ทางด้านสถาปัตยกรรมไทย ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๓๘ ส่วนใน พลอยแกมเพชร ปีที่ ๘ ฉบับที่ ๑๗๙ วันที่ ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๔๒ ก็มีเนื้อหาหลากหลายแง่มุมเกี่ยวกับคุณเล็ก และผลงานต่าง ๆ ของเขา รวมทั้งอาจดูเรื่องเล่าอื่น ๆ เกี่ยวกับ "เสี่ยเล็ก" ได้ใน ชีวิตนอกวัง ๑ ของ ม.ล. เนื่อง นิลรัตน์ (ศรีสารา ๒๕๔๐)