นิตยสารสารคดี Feature Magazine

www.sarakadee.com
ISSN 0857-1538
  ฉบับที่ ๑๙๓ เดือน มีนาคม ๒๕๔๔
 กลับไปหน้า สารบัญ

จากบรรณาธิการ

    ค่ำคืนของปลายเดือนกุมภาพันธ์ ที่ตลาดท่าเรือบ้านดอน จังหวัดสุราษฎร์ธานี ยังคงคลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยว ที่ออกมาซื้อของและกินอาหาร
     ที่ร้านขายเบียร์สดหน้าท่าเรือ ฝรั่งแบกเป้หลายสิบคน ซึ่งส่วนใหญ่เดินทางมาจากย่านถนนข้าวสาร ในกรุงเทพฯ กำลังนั่งดื่มเบียร์รอเวลาที่เรือโดยสาร หรือเรือนอนจะออกจากท่า มุ่งหน้าไปเกาะพะงัน เรือจะออกตอนห้าทุ่ม และถึงเกาะพะงันในตอนรุ่งสาง
   เรือโดยสารที่ว่านี้อันที่จริงก็คือเรือบรรทุกสินค้า สร้างด้วยไม้ แบ่งเป็นสามชั้น แต่ละชั้นมีเพดานต่ำมากชนิดต้องก้มหัวเดิน สองชั้นล่างบรรทุกสินค้า จำนวนมหาศาล ตั้งแต่ข้าวสารอาหารแห้ง ตู้เย็น โทรทัศน์ เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปจนถึงหมูเป็น ๆ อีกสิบกว่าตัว ทั้งยังเป็นที่นอนของผู้โดยสาร ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ส่วนชั้นบนสุดจัดไว้สำหรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ  แบ่งออกเป็นสองฝั่ง มีฟูกนอนเล็ก ๆ เรียงติดกันแน่นไปทั้งชั้น พอเสียงหวูดดังขึ้น เรือโดยสารก็ล่องจากท่าออกไปตามลำน้ำตาปี มุ่งหน้าสู่ทะเลใหญ่ ผู้โดยสารชั้นบนกว่า ๖๐ ชีวิตนอนเรียงกันเป็นตับแทบไม่มีที่ว่าง ดูไม่ต่างอะไรจากเรืออพยพที่บรรทุกผู้ลี้ภัยจากเวียดนาม หรือเขมรหนีภัยสงครามมาขึ้นฝั่งไทยเมื่อ ๑๐ กว่าปีก่อน เกือบทั้งหมดเป็นฝรั่งแบกเป้ มีคนไทยเพียงสองสามคน ซึ่งรวมถึงตัวผมด้วย
   ตามจริงจุดหมายปลายทางของผมอยู่ที่เกาะเต่า บังเอิญที่เรือโดยสารจากบ้านดอน ตรงไปเกาะเต่าเกิดเสียกะทันหัน จึงต้องลงเรือนอนลำนี้ เพื่อไปต่อเรือที่เกาะพะงันแทน อย่างไรก็ตาม การได้นอนเบียดเสียด กับคนแปลกหน้าจำนวนมาก ๆ อย่างนี้ ก็นับเป็นประสบการณ์การเดินทางกลางคืน ที่ได้รสชาติอีกครั้งหนึ่งในชีวิต
   เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น เสียงอึกทึกจากการขนถ่ายสินค้าขึ้นฝั่ง ปลุกผู้โดยสารให้รู้ว่า เรือมาถึงเกาะพะงันแล้ว ผมลงจากเรือนอน ไปรอต่อเรือที่จะเดินทางไปเกาะเต่า เรือเร็วขนาด ๓๐ ที่นั่งใช้เวลาเกือบสองชั่วโมงก็เดินทางถึงที่หมาย และเช่นเคย ผู้โดยสารเกือบทั้งหมดเป็นฝรั่งแบกเป้
   สี่ห้าปีมานี้ เกาะเต่า เกาะขนาดย่อมกลางอ่าวไทย ที่มีเนื้อที่เพียงหมื่นกว่าไร่ กลายเป็นสวรรค์ของฝรั่งแบกเป้ ที่มาเช่าเกสต์เฮาส์ราคาคืนละ ๒๐๐-๓๐๐ บาท ใช้ชีวิตอยู่เป็นเดือน ๆ นอนอาบแดด ว่ายน้ำดูปะการัง
     ในอดีต คนรู้จักเกาะเต่าในฐานที่เป็นที่คุมขังนักโทษการเมือง กรณีกบฏบวรเดช จนเมื่อ ๑๐ กว่าปีที่ผ่านมา เกาะเต่าจึงเริ่มเป็นที่นิยมของนักดำน้ำ จากความงดงามของท้องทะเล หาดทราย และปะการังใต้ผืนน้ำ เกาะเต่านับเป็นแหล่งปะการัง ที่งดงามที่สุดในทะเลด้านอ่าวไทย จนได้รับฉายาว่า "ไพลินแห่งอ่าวไทย" ทั้งยังติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ สถานที่หัดดำน้ำที่ดีที่สุดของโลกด้วย
   เราขึ้นฝั่งที่ท่าเรือแม่หาด เห็นชัดว่า "ความเจริญ" จากในเมืองแพร่เข้ามายังเกาะแห่งนี้อย่างเต็มที่ ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายอุปกรณ์ดำน้ำ- ของที่ระลึก รวมถึงบังกะโลนับร้อยแห่ง ผุดขึ้นรองรับนักท่องเที่ยว ที่มาเยือนเกาะแห่งนี้ วันละหลายพันคน ขณะที่ชาวเกาะเจ้าของพื้นที่ มีเพียงไม่กี่ร้อยคนเท่านั้น
   เราจ้างรถสองแถว ให้ไปส่งที่หาดทรายแดง ซึ่งต้องข้ามเขาไปอีกฝั่งหนึ่ง ที่นั่นเป็นหาดทรายเล็ก ๆ ที่ความเจริญยังไปไม่ถึง น้ำทะเลใสสีสวย สามารถดำน้ำดูปะการัง และปลาหลากสีได้จากตรงหน้าหาด หาดทรายแดง มีเกสต์เฮาส์เล็ก ๆ ราคาคืนละ ๓๐๐ บาท ซึ่งมักจะเต็มตลอดปี ผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่านนัก และเช่นเคยที่แขกแทบทั้งหมด จะเป็นชาวต่างชาติ
   "ฝรั่งที่มาเที่ยวส่วนใหญ่เป็นเยอรมัน มากันทุกปี จนเป็นเพื่อนสนิทกัน หลายคนอยู่เป็นเดือนๆ  และคนที่มาใหม่ ก็รู้จักที่นี่จากการแนะนำ ของคนที่เคยมาแล้ว" เข้ม เจ้าของเกสต์เฮาส์ อดีตดีไซเนอร์จากเมืองกรุง ที่มาปักหลักที่นี่ด้วยหลงเสน่ห์ท้องทะเล เล่าให้เราฟัง
ฉบับหน้า : เฟิน พืชโบราณรุ่นไดโนเสาร์
ฉบับหน้า
เฟิน พืชโบราณ รุ่นไดโนเสาร์
   เสน่ห์ของหาดทราย ความบริบูรณ์ของโลกใต้ทะเล  และความสงบเงียบของเกาะเต่า เป็นที่รู้จักของนักเดินทางทั่วโลกมานานแล้ว โดยไม่ต้องอาศัยการโฆษณา หรือประชาสัมพันธ์ใด ๆ ถึงวันนี้ หาดทรายสีขาว ท้องทะเลสีคราม และปลาสีสวย ก็ยังคงเป็นของจริง (สำหรับหาดบางแห่ง) บนเกาะแห่งนี้ และนาม "ไพลินแห่งอ่าวไทย" ก็ไม่ใช่สมญานามที่เกินเลย
   แต่ที่น่าเป็นห่วงก็คือ  เราไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้ จะยังคงอยู่คู่กับเกาะเต่า ไปได้อีกนานสักเท่าใด
   หลายปีก่อน ฝรั่งนักแบกเป้เหล่านี้ ก็เป็นกลุ่มนักเดินทางกลุ่มแรก ๆ ที่ไปเยือนเกาะสมุย เกาะพะงัน แต่บัดนี้คนเหล่านี้ ได้หันหลังให้เกาะเหล่านั้น และมุ่งหน้ามาที่เกาะเต่าแทน อาจด้วยเบื่อหน่ายต่อความเจริญ ความพลุกพล่านของผู้คน และผิดหวังกับสภาพแวดล้อมที่แปรเปลี่ยนไป (ซึ่งรวมถึงค่าครองชีพที่สูงขึ้นมาก จนแทบจะไม่สามารถหาที่พักราคาถูกได้อีก)
   "เมื่อปีก่อน มีนายทุนชื่อดังคนหนึ่งของเกาะสมุย มาขอซื้อที่ดินของผม มูลค่าหลายสิบล้านบาท เพื่อสร้างโรงแรมหรู เขามาหาผมบ่อย ๆ หิ้วไวน์ราคาแพงมาเลี้ยงผม เพื่อให้ผมเปลี่ยนใจ แต่ผมปฏิเสธ เพราะผมรักที่นี่ อยากให้สภาพมันเป็นแบบนี้" เข้มเล่าให้เราฟัง
   เช่นเดียวกับป้าเจ้าของที่ดินอยู่ตรงอ่าวถัดไป ยอมรับกับเราว่า มีนายทุนมาเสนอซื้อที่ดินติดหาดด้วยราคา ๔๐ ล้านบาท แต่ป้ายังไม่ยอมขาย บอกแต่ว่าราคายังไม่ยั่วใจพอ
   ฟังดูแล้ว โฉมหน้า "ไพลินแห่งอ่าวไทย" ในอนาคตจะเป็นเช่นไร คงพอจะนึกได้ไม่ยาก

 

วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์
Vanchai@Sarakadee.com
vanchait@hotmail.com