สารคดี ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒๐๑ เดือน พฤศจิกายน ๒๕๔๔ "เหรียญสองด้านของจีเอ็มโอ"
นิตยสารสารคดี Feature Magazine
นิตยสารสำหรับครอบครัว
www.sarakadee.com
ISSN 0857-1538
  ปีที่ ๑๗ ฉบับที่ ๒๐๑ เดือน พฤศจิกายน ๒๕๔๔
 กลับไปหน้า สารบัญ

หมาในกับลูกกวาง

ณรงค์ สุวรรณรงค์
 
       ผมกับวุฒิหรือ "อาจารย์วุฒิ" ของเด็ก ๆ ออกจากบ้านพักบริเวณทุ่งกะมังตั้งแต่เช้าตรู่ วุฒิเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายส่งเสริมเผยแพร่และประชาสัมพันธ์ ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว ป่าต้นน้ำลำธารที่สำคัญของภาคอีสาน ที่อุดมไปด้วยพรรณไม้และสัตว์ป่า ทั้งยังเป็นถิ่นกำเนิดของกระโถนฤาษี หรือบัวผุด ซึ่งเป็นพืชที่ใกล้สูญพันธุ์ หน้าที่อย่างหนึ่งของวุฒิคือ เป็นวิทยากรให้แก่นักเรียนนักศึกษา ที่ขออนุญาตเข้ามาจัดกิจกรรม เรียนรู้และศึกษาธรรมชาติบริเวณบ้านพักรับรองที่ตั้งอยู่ใกล้ ๆ หน่วยพิทักษ์ป่าศาลาพรหม ด้วยหน้าที่การงานที่ต้องเข้า - ออกบริเวณบ้านพักรับรองอยู่บ่อย ๆ ทำให้วุฒิรู้ว่าลูกไทรบนต้นปากทางเข้าบ้านพักกำลังสุก มีนกนานาชนิด แวะเวียนเข้ามาใช้บริการซูเปอร์มาร์เกตประจำผืนป่า กันอย่างคึกคัก โดยเฉพาะในช่วงเช้า
(คลิกดูภาพใหญ่)      เมื่อคืนฝนลงเม็ดมาบ้าง ทำให้เช้านี้บริเวณทุ่งกะมังท้องฟ้าค่อนข้างสดใส แต่พอออกเดินทางมาได้ไม่นานนัก ฟ้าก็เริ่มเปลี่ยน หมอกจับตัวหนาทึบกระทั่งแดดเช้าส่องไม่ถึงพื้นดิน ครึ่งชั่วโมงต่อมาเราก็ถึงหน่วยพิทักษ์ป่าศาลาพรหม ซึ่งบริเวณโดยรอบถูกโอบคลุมไปด้วยกลุ่มหมอก
     ก่อนหน้านี้ในครั้งที่วุฒิพาเด็ก ๆ มาดูนกที่ต้นไทร เขาพบว่าฝูงนกค่อนข้างจะคุ้นเคยกับผู้คน ทำให้ผมหวังว่าการปรากฏตัวของเราใต้ต้นไทรจะไม่ทำให้นกตื่นตกใจจนเกินไปนัก แต่เพื่อความแน่ใจ เราจึงเลือกนั่งกับพื้นตรงโคนต้นในตอนแรก เพื่อไม่ให้เตะตาพวกมันมากนัก รออยู่สักพักจึงค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนสังเกตการณ์ 
     เหนือหัวผมขึ้นไปไม่ไกล นกแก๊กคู่หนึ่ง กำลังกินลูกไทรอย่างเพลิดเพลินอยู่บริเวณกิ่งล่าง ๆ ของต้นโดยไม่สนใจเราเลย นกนานาชนิดกระจายหากินลูกไทรอยู่ทั่วทั้งต้น ไม่ว่าจะเป็นนกโพระดกหูเขียว นกโพระดกคอสีฟ้า นกโพระดกหน้าผากดำ นกปรอดเหลืองหัวจุก นกตีทอง ฯลฯ แต่เนื่องจากไทรต้นฤดูฝนเพิ่งแตกใบใหม่ แสงจึงส่องลอดพุ่มใบเข้ามาได้ไม่มากนัก ประกอบกับสภาพอากาศไม่เป็นใจ ทำให้เราต้องรอให้ดวงอาทิตย์ที่ถูกเมฆหมอกบดบังอยู่ส่องแสงลงมา จึงจะเริ่มถ่ายภาพได้บ้าง
     เช้า ๆ นกส่วนใหญ่จะหากินอยู่ตามกิ่งไทรด้านล่าง ๆ พอสาย แดดเริ่มออก นกจึงเริ่มหากินลูกไทรในระดับที่สูงขึ้นไป โดยมีนกเขาเปล้าธรรมดา นกขุนทอง นกเขียวคราม เข้ามาสมทบเมื่อเวลาผ่านไป 
(คลิกดูภาพใหญ่)      เสียงเป๊บ เป๊บ ของกวาง ดังขึ้นไม่ไกลนัก สลับกับเสียงเอะอะของนกแก๊กหลายตัว ในราวป่าด้านเดียวกัน แต่เรายังคงจดจ่ออยู่กับการดูนกและถ่ายภาพใต้ต้นไทร จึงไม่ได้ให้ความสนใจกับเสียงดังกล่าว ผ่านไปพักใหญ่ เสียงร้องบ่งบอกอาการตกใจสุดขีดของกวางก็ดังขึ้นติด ๆ กันในทิศทางเดิม ผมหันไปยังที่มาของเสียง ทันได้เห็นตัวอะไรสักอย่างวิ่งลงไปในบึงน้ำ ก่อนที่หมาในสองสามตัวจะกระโจนตามลงไปขย้ำ... 
     เร็วเท่าความคิด ผมถอดกล้องที่ติดอยู่บนขาตั้งกล้องออก พร้อมกับวิ่งลงจากเนินต้นไทรที่ยืนอยู่ไปยังริมบึงน้ำเพื่อให้เข้าใกล้ที่สุด แต่นั่นก็ยังห่างเป็นร้อยเมตร
     หมาในจัดการเหยื่อได้แล้ว พวกมันกำลังลากเหยื่อขึ้นจากน้ำอย่างรวดเร็ว ตัวหนึ่งงับที่ต้นคอ อีกสองตัวเลือกกัดที่ส่วนหน้าของเหยื่อ ผมยกกล้องขึ้นกดชัตเตอร์ก่อนที่พวกมันจะขึ้นพ้นน้ำ ความตื่นเต้นเหนื่อยหอบจากที่วิ่งมา ทำให้ผมถ่ายภาพโดยไม่ทันคิดอะไร จนเมื่อเสียงชัตเตอร์ทำงาน ผมจึงได้รู้ว่าระบบลดการสั่นไหวของภาพของตัวเลนส์ (image stabilizer) ยังไม่ทำงานเพราะถูกปิดอยู่ ทั้งยังไม่สามารถถ่ายภาพต่อเนื่องได้ เพราะกล้องถูกตั้งค่าให้ถ่ายภาพได้ทีละภาพ ผมรีบปรับเปลี่ยนระบบการทำงานของกล้องและเลนส์ เพื่อให้ได้การทำงานที่มีประสิทธิภาพสูงสุด ในการใช้มือถือกล้องที่ติดเลนส์ขนาด ๓๐๐ มิลลิเมตรที่เพิ่มเทเลคอนเวอร์เตอร์ขนาด 1.4X เข้าไปด้วย 
     ระหว่างการปรับเปลี่ยนกล้อง กวางตัวเมียที่โตเต็มที่แล้วตัวหนึ่ง ก็โดดเข้าโจมตีหมาในที่กำลังลากเหยื่ออยู่ แต่คงเพราะเป็นการโจมตีแบบกล้า ๆ กลัว ๆ หมาในจึงยังคงลากเหยื่อต่อไปได้โดยไม่สะทกสะท้าน ผมยกกล้องขึ้นถ่ายได้อีกภาพ ก็มีกวางตัวเมียอีกตัว พยายามเข้ามาช่วยกวางตัวแรก เล่นงานฝูงหมาใน แต่ก็ถูกสกัดจากหมาในอีกตัวที่โผล่เข้ามาไล่ ๆ กัน 
(คลิกดูภาพใหญ่)      ถึงตอนนี้ผมรู้แน่แล้วว่าเหยื่อของฝูงหมาในคือลูกกวาง หมาในสองตัวช่วยกันลากเหยื่อที่มีขนาดไล่เลี่ยกับตัวมัน หายลงไปในหุบอีกด้าน ซึ่งเป็นธารน้ำที่เต็มไปด้วยป่าไผ่ ขณะที่อีกสองตัวที่เหลือ คอยขัดขวางไม่ให้กวางทั้งสอง ตามเข้าไปรบกวนการลากเหยื่อ นี่เป็นการทำงานที่ลงตัวของฝูงหมาใน ผมวิ่งตามเข้าไป ทว่าก็ต้องชะงักเมื่อหนึ่งในสองตัวหันมาเห็นเข้า มันแยกเขี้ยวพร้อมส่งเสียงขู่คำรามอย่างน่ากลัว ก่อนจะวิ่งตามพรรคพวกลงไปในป่าไผ่
     เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นและจบลงอย่างรวดเร็ว วุฒิตามมาทันเห็นเพียงรอยกระเพื่อมของน้ำ บริเวณลำธารด้านล่าง พวกมันคงกินเหยื่ออยู่แถว ๆ นั้นเอง เมื่อมองจากจุดที่เรายืนอยู่ซึ่งชันเอาเรื่อง คงอันตรายมากหากตามลงไป แล้วถูกจู่โจมจากฝูงหมาป่าที่หวงเหยื่อ ถ้าเป็นเวลาปรกติ เมื่อมันเจอคนก็คงจะหลบไป แต่ตอนที่หิวและกำลังจะกินอาหาร อะไรก็อาจจะเกิดขึ้นได้ เรายืนพักเหนื่อยอยู่ครู่หนึ่งก็เดินกลับ ผมกลับไปที่ต้นไทร ขณะที่วุฒิเดินไปดูต้นฝรั่งที่ลูกกำลังสุก
     ราว ๑๕ นาทีต่อมา วุฒิก็เดินกลับไปยังบริเวณที่เกิดเหตุอีกครั้ง ผมเห็นเขาหายไปพักใหญ่จึงตามไปดู เดินมาได้ครึ่งทาง ก็เห็นหมาในตัวหนึ่ง กำลังข้ามลำน้ำพรหมกลับมาบริเวณลำธาร ที่พวกมันลากลูกกวางลงไป ผมเดินตามลงไปเรื่อย ๆ ก็เจอวุฒินั่งซุ่มดูอะไรสักอย่างอยู่ในพุ่มไม้ ครู่หนึ่งหมาในก็โผล่ออกมาจากแนวป่าไผ่ คงเป็นตัวเดียวกันที่เพิ่งข้ามมา พอมันเห็นผม มันก็หันหลังกลับ ค่อย ๆ กระโดดไปตามก้อนหินจนลับตาไป
     วุฒิเล่าว่าเมื่อเขาเดินกลับมาถึง ฝูงหมาในกำลังกินเหยื่ออยู่พอดี โดยมีตัวหนึ่งคอยคุมเชิงอยู่ด้านนอก ถ้าไม่ใช่ยามก็น่าจะเป็นจ่าฝูงที่คอยระวังภัยให้แก่ฝูง มีลูกหมาสองตัวอยู่ในฝูงหมาในที่กำลังรุมกินซากเหยื่อด้วย แต่พอเจอคน มันก็ช่วยกันฉีกลูกกวางออกเป็นชิ้น ๆ แล้วคาบวิ่งหายไป แม้แต่กระดูกสักชิ้นก็ยังไม่เหลือไว้ให้ดู
เราเดินกลับกันมาอีกครั้ง เสียงร้องของหมาในดังแว่วมาจากอีกฝั่งหนึ่งของลำน้ำพรหม ในขณะที่แม่กวางซึ่งดูเหมือนจะยังไม่ยอมรับผลของการสูญเสีย ยังคงเดินวนเวียนอยู่ไม่ไกลจากที่เกิดเหตุ พร้อมส่งเสียงร้องเป็นระยะ ๆ