นิตยสารสารคดี Feature Magazine
นิตยสารสำหรับครอบครัว |
www.sarakadee.com ISSN 0857-1538 |
|
สงครามน้ำหอม ๓ (ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณ) กลับเข้าเรื่องที่ยังเขียนไม่จบ แฮ่ ๆ "หมูฯ" จะพยายามเร่งให้จบโดยเร็วจ้ะ เพื่อว่าคุณที่ไม่สนใจเรื่องร้านปลอดภาษี ที่ปารีสจะได้อ่านเรื่องอื่นกันต่อไป แต่ตอนนี้ถือเสียว่า "รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม" เอาไว้เป็นภูมิป้องกันตัว เวลาไปเที่ยวฝรั่งเศสกับบริษัททัวร์ คุณทั้งหลายที่ชอบ "ชอป" อย่างไม่ลืมหูลืมตา จะได้เปิดตาข้างหนึ่ง เปิดหูข้างหนึ่ง อย่างรู้เท่าทันไงล่ะ ขอกล่าวถึงพนักงานขายต่ออีกสักนิดจ้ะ เพราะเป็นบุคคลที่มีอิทธิพล ต่อการซื้อของลูกค้า พนักงานแต่ละคนจะพูดจาฉาดฉาน แต่งตัวสวยงาม ดูมีภูมิรู้ ตอบข้อซักถามของลูกค้าได้ทุกข้อ โดยเฉพาะคำถามเกี่ยวกับ การบำรุงความงามของคุณผู้หญิง ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ จะได้รับถ่ายทอดมาจากรุ่นพี่ ๆ สินค้าที่ต้องเรียนรู้มากคือ ครีมบำรุงสารพัดประเภท ต้องจดจำว่า กระปุกนี้ใช้ทาก่อน หรือหลังครีมกระปุกโน้น ครีมยี่ห้อนี้ต่างจากอีกยี่ห้ออย่างไร เป็นต้น หากโอกาสอำนวย พนักงานขายจะถูกส่งไปอบรม กับบริษัทเครื่องสำอางแต่ละยี่ห้อโดยตรง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
ในแต่ละเดือน
บริษัทผลิตเครื่องสำอางและน้ำหอม
จะผลัดเปลี่ยนกันจัดอบรมแนะนำผลิตภัณฑ์
ทั้งใหม่และดั้งเดิมของบริษัทฯ แก่พนักงานขายตามร้านทั่วไปโดยไม่คิดมูลค่า
ร้านปลอดภาษีสามร้าน
ที่ทัวร์ไทยลงประจำก็ส่งคนเข้าอบรมเช่นกัน
พนักงานขายชาวไทย
จากแต่ละร้านจ๊ะเอ๋กันโดยบังเอิญก็มีบ่อย ๆ การอบรมแต่ละครั้ง ครั้งละครึ่งวันบ้าง เต็มวันบ้าง ผู้เข้าอบรม จะได้รับการถ่ายทอดกระบวนวิชาจากผู้เชี่ยวชาญ ได้รู้ว่าผลิตภัณฑ์แต่ละชนิดของบริษัทฯ มีคุณสมบัติต่างกันอย่างไร ได้รู้วิธีนวดหน้า ได้รู้ว่ากว่าจะเป็นน้ำหอมหนึ่งขวด ต้องใช้วัตถุดิบสำคัญอะไรบ้าง ฯลฯ และได้รับแจกผลิตภัณฑ์ชุดใหญ่ จากบริษัทฯ ให้ไปลองใช้ พนักงานขายจึงหน้าสวยตัวหอมกันถ้วนหน้า โดยไม่ต้องเสียตังค์สักแดง เมื่อรับการอบรมบ่อยครั้งเข้า พนักงานขายก็จะมีความรู้พื้นฐาน เกี่ยวกับสินค้าแต่ละยี่ห้อ ดีพอที่จะแจกแจงให้ลูกค้า ผู้ภักดีต่อสินค้ายี่ห้อหนึ่ง ๆ เข้าใจถึงสรรพคุณที่แตกต่างกัน ของผลิตภัณฑ์แต่ละชนิด กรณีที่ลูกค้าถามหาสินค้าที่ต้องการ แต่เผอิญสินค้าหมดสต็อกชั่วคราว คนขายก็จะเริ่มโน้มน้าว... "พี่ลองเปลี่ยนมาใช้ครีมยี่ห้อนี้สิคะ หนูลองใช้แล้ว บำรุงผิวดีมากเลย" แน่ละว่าเป็นการจูงใจให้คุณซื้อสินค้า ที่ผู้แนะนำได้ผลประโยชน์ และเขาทำกัน "เนียน" มาก เพราะหากลูกค้าไม่แสดงความสนใจ คนขายจะไม่เซ้าซี้ให้รำคาญใจ แต่จะเปลี่ยนไปแนะนำยี่ห้ออื่น ดูประหนึ่งปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงใจ และซื่อสัตย์ต่อวิชาชีพ แต่เบื้องหลังนั้น เฮ่อ ๆ ๆ ๆ มันไม่ใช่การหลอกลวงหรอกจ้ะ แต่มันคือเทคนิคการขาย ในความเป็นจริง ครีมแต่ละยี่ห้อ ก็ให้ผลไม่แตกต่างกันนัก การโฆษณาต่างหาก ที่สร้างภาพลักษณ์ให้สินค้ายี่ห้อหนึ่ง ต่างจากอีกยี่ห้อหนึ่ง |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
รู้ดังนี้แล้วก็อย่ามีความรู้สึกไม่ดีกับคนขายเลยจ้ะ
เพราะพวกเขาต่างก็ทำมาหากินโดยสุจริต
จุดประสงค์ที่ "หมูฯ"
เขียนเรื่องนี้ไม่ใช่เพื่อต่อต้านใครหรืออะไร
แต่อยากบอกเล่าความจริงที่ได้รู้มา ขอสรุปไว้ตรงนี้ก็แล้วกันว่า หากคุณพึงใจกับสินค้ายี่ห้อเดิมที่ใช้ประจำ ก็จงใช้ต่อไป หรือพึงใจจะซื้อสินค้าที่คนขายแนะนำก็ทำไปเถิด แต่ขอให้สังเกตนิดเดียวว่า สิ่งที่คนขายแนะนำนั้น มักเป็นสินค้าที่ไม่เป็นที่รู้จักแพร่หลาย และเบื้องหลังการขาย คือเม็ดเงินที่ไหลเข้ากระเป๋าคนขาย คุณรู้ไหมว่าคนขายได้ค่าเหนื่อยเท่าไหร่ ในการแนะนำสินค้าใหม่ ๆ แก่ผู้ซื้อ โอย... "หมูฯ" ก็ไม่รู้อะไรมากหรอกจ้ะ แต่ที่ได้ข้อมูลมานั้น บางทีพนักงานขาย ก็ได้ค่าเหนื่อยจากการจำหน่ายสินค้าแต่ละชิ้นมากโขอยู่ เช่นสินค้าโนเนมยี่ห้อหนึ่ง ที่ร้านปารีสลุกรับมาจำหน่าย ให้คนขายชิ้นละ ๑๖๕ ฟรังก์ ทั้งนี้ยังไม่นับรวมรายได้ จากระบบสติกเกอร์ และค่าคอมฯ จากยอดขายรวมแต่ละเดือน ของสินค้าทุกยี่ห้อที่พนักงานแต่ละแผนกทำได้ สรุปอีกทีว่าคุณไม่ต้องจับผิดพนักงานขายหรอกว่า คุณเธอกำลังหลอกให้ซื้อของยี่ห้อไหนเป็นพิเศษ เพราะไม่ว่าคุณจะซื้อสินค้าอะไรในร้าน คุณเธอก็ยินดียิ่งแล้ว ยิ่งซื้อปริมาณมาก ๆ คุณเธอยิ่งรักคุณจับใจ คลุกคลีกับวงการน้ำหอมเครื่องสำอางได้ระยะหนึ่ง คำถามหนึ่งที่ "หมูฯ" อยากรู้มาก คือ ต้นทุนของสินค้าแต่ละประเภท "หมูฯ" เคยซื้อของในร้านพวกนี้ ได้ส่วนลดเกือบ ๕๐ เปอร์เซ็นต์นะคุณ ก็เลยเกิดปุจฉาว่า ไอ้ที่เราจ่ายไป ๕๐ เปอร์เซ็นต์นั้น ร้านเขาคงไม่ยอมขายขาดทุน เพื่อเห็นแก่หน้า "หมูฯ" เป็นแน่ แต่เขายอมขาดทุนกำไร คือเอากำไรแต่พอควรต่างหาก ถ้าเช่นนั้นต้นทุนของสินค้า ที่เขารับมาขายจะเป็นเท่าไรกัน และต้นทุนจริง ๆ ที่บริษัทผลิตเครื่องสำอางต้องจ่ายนั้นเป็นเท่าไหร่ บรื๋อ... |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
อย่าคิดมากเลยคุณ ตัวอย่างง่าย ๆ
ในบ้านเรา อย่างซีดีเถื่อน
หรือวิดีโอเกมเถื่อนไงคุณ ของเถื่อนราคาถูกกว่าของจริงกี่เท่า
ผู้ผลิตของจริงเขาเดือดร้อนมาก
เพราะลงทุนทางสติปัญญาทางการตลาดไปเยอะ
แล้วมาโดนของเถื่อน
ราคาถูกกว่าไม่รู้กี่เท่าตีตลาด
ยกตัวอย่างเรื่องนี้
เพื่อแสดงให้เห็นว่า
ที่จริงแล้วต้นทุนที่แท้จริงของสินค้า
มันไม่กี่อัฐหรอก แต่พอบวกต้นทุนอย่างอื่นเข้าไปแล้ว ของชิ้นนั้นก็มีราคาหลายอัฐ วงการน้ำหอมเครื่องสำอาง ก็ไม่ต่างกันหรอกจ้ะ เท่าที่ "หมูฯ" รู้มา ว่ากันว่า ต้นทุนน้ำหอมยี่ห้อดัง ๆ ขวดละ ๓๐ ฟรังก์เท่านั้น ขณะที่ราคาหน้าร้านคือ ๓๐๐-๔๐๐ ฟรังก์ขึ้น ส่วนน้ำหอมโนเนมนั้นต้นทุนขวดละ ๕ ฟรังก์ ขณะที่ราคาหน้าร้านร้อยกว่าฟรังก์ ส่วนราคาเครื่องสำอางที่แท้จริงนั้น ยังไม่มีรายงานเข้ามาจ้ะ แต่ "หมูฯ" ส่งนักสืบไปหาข่าวแล้ว ผลคืบหน้าจะรายงานต่อไป เฮอ ๆๆๆ กลับมาเรื่องบริษัท เอ.ไอ.เอ. ที่ยกพลบุกฝรั่งเศส งานนี้บริษัทแม่ที่สิงคโปร์ เซ็นสัญญากับสี่บริษัททัวร์ในเมืองไทย ให้พาทัวร์ร้อยกว่าคณะจำนวน ๔,๐๐๐ คนไปเที่ยวฝรั่งเศสและประเทศยุโรปใกล้เคียง พร้อมกันนี้ยังดอดไปทำสัญญากับร้านเบนลักซ์ ในการส่งลูกทัวร์ทั้งหมด ไปชอปที่ร้านนี้เพียงร้านเดียว โดยงานนี้ไกด์หมดสิทธิ์ได้ค่าคอมฯ เพราะผลประโยชน์ทั้งหมด ถูกส่งกลับบริษัทแม่ที่สิงคโปร์ งานนี้ปารีสลุก และเฮเลนดาล ไม่ยอมให้เบนลักซ์รับยอดขาย เละเพียงฝ่ายเดียว สงครามกองโจรแย่งลูกค้าจึงบังเกิด !!! ถึงเนื้อที่เฉลยปัญหาแล้ว โปรดติดตามความเร้าใจตอนต่อไปฉบับหน้าจ้ะ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
คำตอบที่ได้รับรางวัลจากปัญหาฉบับที่
๑๙๙ เดือนกันยายน ๒๕๔๔ คำถามฉบับที่ ๑๙๙ ถามว่า คนไทยเรียกกล้วยลูกเล็ก ๆ ที่อยู่ปลายเครือว่าอย่างไร คำตอบคือ กล้วยตีนเต่า จ้ะ ผู้โชคดีได้รับหนังสือ คนกล้า ของ วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ เป็นของรางวัล ได้แก่
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
เรียงเบอร์ครับ...เรียงเบอร์
จงเติมตัวเลข ๑ ถึง ๒๕ ลงในช่องว่างที่ให้มา
โดยให้ผลบวกของแต่ละแถว
ไม่ว่าแนวนอน แนวตั้ง แนวทแยง เท่ากับ ๖๕ เสมอ |
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
|