ปลายฤดูหนาว ผืนป่าเต็งรังในห้วยขาแข้งกำลังผลัดใบ ฤดูกาลแห่งป่าเปลี่ยนสีกลับมาเยือนอีกครั้ง ผมเลี่ยงจากหน่วยพิทักษ์ป่าเขาบันไดที่มีผู้คนเข้าไปใช้พื้นที่ค่อนข้างมาก และเลือกเดินทางมาที่หน่วยฯ กระปุกกระเปียงแทน หน้าแล้งอย่างนี้แม้เส้นทางจะไม่เฉอะแฉะเปียกลื่นเต็มไปด้วยโคลนเหมือนในหน้าฝน แต่การเดินทางก็ยังคงยากลำบากอยู่ดี ระยะทาง ๑๔ กิโลเมตรจากสำนักงานเขตฯ ห้วยขาแข้งไปยังหน่วยฯ กระปุกกระเปียง คงมีเพียงรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้นที่ใช้งานได้ดี แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังต้องใช้เวลาเดินทางไม่น้อยกว่าสองชั่วโมง อาศัยขับไปดูนกไปพอเพลิน ๆ เส้นทางสายนี้มีนกสีสันสวยงามหลายชนิด โดยเฉพาะนกหัวขวานเขียวตะโพกแดงที่ชอบหากินอยู่ตามป่าเต็งรัง อดคิดเล่น ๆ ไม่ได้ว่า ถ้าโชคดี ผมอาจได้เจอสัตว์แปลก ๆ บ้าง เพราะบนเส้นทางสายนี้เคยมีรายงานการพบเสือดำเสือดาวมาแล้ว เข้าป่าคราวนี้ผมไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก ถึงแม้ป่าตะวันตก โดยเฉพาะป่าห้วยขาแข้งซึ่งถือเป็นหัวใจของผืนป่า จะจัดเป็นป่าที่สมบูรณ์ที่สุดในประเทศ เป็นแหล่งอาศัยของสัตว์ป่าหายากหลายชนิด แต่เอาเข้าจริงโอกาสที่เราจะได้พบเห็นสัตว์ป่านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสัตว์ป่าเมืองไทยไม่ใช่สัตว์ที่ออกหากินตามทุ่งโล่ง เหมือนอย่างที่เราเห็นในภาพยนตร์สารคดีชีวิตสัตว์ป่าในแอฟริกา จุดที่เราพอจะไปเฝ้าดูสัตว์ได้ก็มีเพียงตามโป่งขนาดใหญ่ต่าง ๆ ซึ่งมักจะมีสัตว์ป่าลงหากินอยู่เป็นประจำ โป่งขนาดใหญ่ในเขตฯ ห้วยขาแข้งมีอยู่หลายแห่ง อย่างโป่งซับเก้า โป่งทะลุ โป่งกะลา ฯลฯ รวมถึงโป่งพุน้ำร้อนที่ผมตั้งใจมาในครั้งนี้