มันเป็นบ่ายที่แดดแผดแสงจ้า เมื่อชายวัยกลางคนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าอาคารสีขาว กลางผืนป่าเขาเขียว ในอ้อมแขนของเขามีร่างเล็ก ๆ ของลูกสัตว์ตัวหนึ่ง นอนคุดคู้อยู่ ไม่ต้องเข้าคิว ไม่ต้องทำทะเบียนประวัติ หมอตรงเข้าไปหาทันที "มันคลานออกมาเอง ตอนที่ผมเจอ ตัวมันสั่นไปหมดเลยครับ" เขาบอกขณะยื่นลูกสุนัขจิ้งจอกให้หมอ ธรรมชาติของแม่สุนัขจิ้งจอก เมื่อจะตกลูก มันจะไปซ่อนตัวเงียบอยู่ในโพรง จะเห็นอีกทีก็เมื่อลูก ๆ ของมันออกมาวิ่งเล่นข้างนอกแล้ว แต่สำหรับลูกสุนัขจิ้งจอกครอกนี้ มีเพียง ๒ ตัวเท่านั้นที่คลานออกมาจากโพรง คาดว่าตัวอื่น ๆ คงตายและถูกแม่กำจัดซากไปแล้ว และหนึ่งในสองนั้นก็คือเจ้าของร่างเล็ก ๆ ที่ใกล้จะสิ้นใจตัวนี้ ผู้ช่วยหนุ่มสาวสองสามคนเข็นเตียงผ่าตัดขนาด ๒x๑.๕ เมตรออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน นาทีเช่นนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาแห่งความชุลมุนวุ่นวาย แต่เปล่าเลย ทุกอย่างดำเนินไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ "โคม่า" หมอเดชาพูดขณะใช้หูฟังตรวจอัตราการเต้นของหัวใจ ขณะที่ผู้ช่วยใช้ปรอทเสียบเข้าไปทางทวารหนักของลูกสุนัขจิ้งจอก เพื่อวัดอุณหภูมิร่างกาย เท่าที่เห็น มันผอมมากทีเดียว "ปอดทึบมาก ฟังเสียงปอดไม่ออกเลย" เป็นเพราะร่างกายมันขาดน้ำนานเกินไปนั่นเอง ลูกสุนัขจิ้งจอกยังเล็กมากและอ่อนแอเกินกว่าที่จะทำอะไรได้ในขณะนี้ ร่างเล็ก ๆ ของมันนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง ถ้าคุณเคยเห็นแววตาของเด็กเล็ก ๆ ในยามเจ็บป่วย เด็กเล็ก ๆ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้ นั่นแหละคือสิ่งที่คุณจะมองเห็น ถ้าหากวันนั้นคุณได้มายืนอยู่ที่นี่ และจ้องมองเข้าไปในดวงตาของลูกสุนัขจิ้งจอกตัวจ้อยนี้ ยังไม่ทันวางมือ รถกระบะคันหนึ่งก็แล่นมาจอดเอี๊ยดอยู่หน้าโรงพยาบาล "เจอมันนอนอยู่ข้างทาง ท่าจะไม่ดี เลยจับมาให้หมอครับ" เจ้าของรถกระบะคันนั้นบอกขณะลากกระสอบท้ายรถลงมาอย่างทุลักทุเล มีบางสิ่งดิ้นขลุกขลักอยู่ข้างใน หมอและผู้ช่วยปรี่เข้าไปช่วยอุ้มมาวางกับพื้น นั่นยิ่งทำให้มันดิ้นหนักขึ้นไปอีก หลังจากถ่ายจากกระสอบมาลงตาข่าย จึงได้เห็นว่าเจ้าตัวที่ดิ้นขลุกขลักอยู่เมื่อกี้คือชะมดขนาดย่อมตัวหนึ่ง ทั้งที่บาดเจ็บสาหัส แต่สัญชาตญาณก็สั่งให้มันขู่ฟ่อและดิ้นสุดแรง หมอจัดการฉีดยาสลบไปหนึ่งเข็ม