ตลอดชีวิตช่างเขียน เหม เวชกร (พ.ศ. ๒๔๔๖-๒๕๑๒) วาด "ภาพประกอบ" ไว้มากมายเหลือคณานับ จนแทบจะเรียกได้ว่าไม่มีวรรณกรรมประเภทใดในบรรณพิภพสยาม ที่จะไม่เคย "ผ่านมือ" เหมเขียนมาแล้วทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นวรรณกรรมศาสนา เช่น พุทธประวัติ นรกสวรรค์ ชนิดที่ติดตามศาลาวัด ชาดก วรรณคดีไทยทุกยุค จากคลาสสิกอย่าง สังข์ทอง ไกรทอง พระลอ พระอภัยมณี กากี เงาะป่า สาวเครือฟ้า จนถึงบรรดา "นิยายสิบสตางค์" รูปประกอบหนังสือเรียน ประวัติศาสตร์ชาติไทยแต่ครั้ง "ภูเขาอัลไต" ตราบเท่ารัชกาลปัจจุบัน แล้วยังจะเรื่องพม่ารามัญ คือ ราชาธิราช และ ผู้ชนะสิบทิศ เรื่องจีนเช่น สามก๊ก ตลอดถึง กามนิต และ มหาภารตยุทธ แห่งมัธยมประเทศ แม้เรื่องลิเกฝรั่งอย่างโศกนาฏกรรมความรักระหว่างพระนางคลีโอพัตรา ราชินีไอยคุปต์ กับ มาร์ก แอนโทนี ขุนทัพโรมัน ก็ไม่พ้นมือเขา คำสรรเสริญฝีมือของ เหม เวชกร หรือที่ลูกศิษย์ลูกหามักเรียกขานกันว่า "ครูเหม" นั้น โดยมากแล้วจะอยู่ที่ความสามารถในการแสดงอารมณ์ ความรู้สึก ตลอดจนบรรยากาศของเนื้อเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างสมจริงสมจัง เช่น "ครูเหมถ่ายทอดความรู้สึกต่างๆ ของคนเราลงไปไว้ในดวงหน้า ลักษณะ อากัปกริยาในรูปตัวละครที่ท่านเขียนได้ทุกชนิด ภาพต่างๆ ที่ครูเขียน จึงเป็นภาพที่มีชีวิตชีวาเหมือนมนุษย์จริงๆ" หากแต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่ดูเหมือนจะยังไม่ค่อยได้รับการหยิบยกมากล่าวถึงนัก เช่น ตลอดระยะเวลาอันยาวนานในวงการศิลปะ งานของเหมมีพัฒนาการไปเช่นไร หรือจนชั้นแต่ว่าเหมเขียนภาพชุดใดเมื่อไรบ้าง ก็ยังไม่เคยมีการค้นคว้ารวบรวมกันเลย และในที่นี้ก็จะเป็นอีกประเด็นหนึ่งว่าด้วยงานของครูเหม โดยจะกล่าวถึง แสง องค์ประกอบภาพ และ มุมมอง บางชนิดที่เหมนิยมใช้ และได้มีส่วนส่งเสริมให้ "ภาพประกอบ" จำนวนไม่น้อยของเหม มีลักษณะเฉพาะตัวและมีพลังโดดเด่น จนสามารถขึ้นทำเนียบเป็น "งานชิ้นเยี่ยม" ได้ ในการนี้จำเป็นต้องสร้างบริบทแวดล้อมของ เหม เวชกร และ "ศิลปะร่วมสมัย" ในยุคของเขาเสียก่อน เริ่มต้นด้วย "ภาพยนตร์" อันเป็นศิลปะชนิดใหม่แห่งศตวรรษที่ ๒๐ และเป็นรูปแบบความบันเทิงที่เติบใหญ่ขึ้นไล่เลี่ยกับ เหม เวชกร
ตราบถึงยุคของโรงภาพยนตร์ ผู้ชมก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่ในความมืด คอย "ถ้ำมอง" จ้องดูการกระทำกิจกรรมของ "คนอื่น" บนจอเงินที่สว่างไสว ดูพวกเขาพูดคุย ร้องเพลง ด่าทอ รักใคร่ ตบตี และอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย เมื่อดูจากภูมิหลังความใกล้ชิดผูกพันระหว่าง เหม เวชกร กับโรงภาพยนตร์ที่สืบเนื่องมาตั้งแต่การที่เหมเป็นนักดูหนังตัวฉกาจในวัยเยาว์ จนถึงการมีอาชีพในโรงหนังสมัยหนุ่ม ๆ แล้ว ก็อาจเป็นไปได้ว่าภาพยนตร์จะมีอิทธิพลต่อมุมมองแบบนี้ของเหมอยู่ไม่น้อย