นิตยสาร สารคดี: ฉบับที่ ๒๒๑ เดือนกรกฎาคม ๒๕๔๖ | ISSN 0857-1538 |
|
วันชัย ตัน : รายงาน /ภาพประกอบ : Din-Hin | |||
รู้กันมานานแล้วว่า คนอ้วน หรือคนที่เป็นโรคขาดอาหาร (ไม่ได้) ต้องกินอาหารด้วยความเอร็ดอร่อยตลอดเวลา มักเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจ เบาหวาน ไขข้ออักเสบ โรคถุงน้ำดี ฯลฯ และมีอาการอ่อนเพลียง่าย ล่าสุด โรค (เก่า) ที่ค้นพบใหม่ว่าอาจมีสาเหตุมาจากความอร่อยปากของมนุษย์ ก็คือ มะเร็ง จากงานวิจัยของสมาคมมะเร็งแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ใช้เวลาศึกษานานถึง ๑๖ ปี ระบุว่า การมีน้ำหนักเกินมีส่วนในการก่อให้เกิดมะเร็งทุกชนิด ยกเว้นมะเร็งปอด กระเพาะปัสสาวะ และสมอง ส่วนเหตุที่คนอ้วนมักไม่ค่อยเป็นมะเร็งปอด เพราะคนที่เป็นมะเร็งปอดส่วนใหญ่สูบบุหรี่จัด และคนติดบุหรี่ส่วนใหญ่ก็มักจะมีรูปร่างผอม ไม่ใช่คนอ้วน (แต่ขี้ยาที่คนเขียนรู้จัก ส่วนใหญ่มีรูปร่างอ้วนถึงอ้วนมากครับ) ผลการวิจัยนี้ได้จากการติดตามประวัติของประชาชนจำนวน ๙ แสนคนนับตั้งแต่ปี ๒๕๒๕ ที่คนเหล่านี้ยังมีสุขภาพแข็งแรง ไปจนถึงปี ๒๕๔๑ พบว่าหลังจาก ๑๖ ปีผ่านไป มีคนตายด้วยมะเร็ง ๙ หมื่นคน ในจำนวนนี้ร้อยละ ๑๔ เป็นชายอ้วน และร้อยละ ๒๐ เป็นหญิงอวบ สาเหตุที่คนอ้วนมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงนั้น เนื่องจากการมีน้ำหนักมาก มีส่วนทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ ออกมามากเกินไป อาทิ สเทียรอยด์ อินซูลิน การผลิตฮอร์โมนในระดับที่มากเกินไป อาจจะไปกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิดปรกติขึ้น ในอวัยวะของร่างกาย และพัฒนาต่อมากลายเป็นเซลล์มะเร็ง อาทิ ฮอร์โมนเอสโตรเจนในเพศหญิง อาจไปกระตุ้นให้เกิดมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งปากมดลูก สาวขนาด XXL จึงมีโอกาสเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าสาวขนาด SSS นอกจากนี้คนอ้วนยังเสี่ยงต่อการเป็นนิ่วในถุงน้ำดีมากกว่าคนที่มีน้ำหนักปรกติ ซึ่งนิ่วในถุงน้ำดีนี้ก็อาจเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดมะเร็งในถุงน้ำดี ที่น่าสนใจ ไขมันตัวดีมักปกปิดเนื้อร้าย กล่าวคือ ความหนาของชั้นไขมันทำให้การตรวจหามะเร็งในคนอ้วนเป็นไปด้วยความยากลำบาก งานวิจัยยังพบว่า คนที่มีน้ำหนักเกินตั้งแต่เป็นเด็กจะมีโอกาสเสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ กล่าวคือ เด็กอ้วนในวันนี้ มีโอกาสเป็นมะเร็งในวันหน้า ผู้ปกครองบางท่านที่นิยมขุนให้ลูกของตัวเองเป็นเด็กสมบูรณ์ ปรนเปรอด้วยเนื้อล้วน ๆ แฮมเบอร์เกอร์ เฟรนช์ฟราย ขนมเค้ก ช็อกโกแล็ต ไอกรีม คุกกี้ ฯลฯ คงต้องคิดใหม่ทำใหม่ หันมาให้เด็กสนใจรับประทานผักผลไม้บ้างก็จะดีนะครับ ล่าสุดสมาคมมะเร็งได้ให้คำแนะนำว่า การออกกำลังกายคือสิ่งที่ดีที่สุดในการลดความอ้วนและต้านมะเร็ง โดยควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ ๓๐ นาที อาทิตย์ละ ๕ ครั้ง ในขณะเดียวกันก็ลดอาหารจำพวกแป้ง ไขมัน เนื้อแดง น้ำตาล ที่มีส่วนกระตุ้นให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนมากเกินไป อันเป็นสาเหตุสำคัญประการหนึ่งของการเกิดเนื้อร้าย แล้วหันมาสนใจอาหารจำพวกพืชผักผลไม้ ข้าวซ้อมมือ ถั่ว งา เมล็ดธัญพืช ฯลฯ อันอุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุให้มากขึ้น อันที่จริงก็เป็นเรื่องเดิม ๆ ที่รู้กันอยู่ แต่ปล่อยตามใจปากจนเคยชิน แล้วบอกตัวเองอยู่ทุกวันว่า พรุ่งนี้จะออกกำลังและกินอาหารสุขภาพ ระวังเนื้อร้ายจะมาเคาะประตูที่ริมรั้วนะจ๊ะ |