นิตยสาร สารคดี: ฉบับที่ ๒๒๖ เดือนธันวาคม ๒๕๔๖ | ISSN 0857-1538 |
|
ฉบับหน้า แพนด้า จากเสฉวนสู่เชียงใหม่ |
สำหรับนักดูดาวแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดแห่งปี คือหน้าหนาว |
||
คืนนั้นเปี๊ยกพาเราท่องจักรวาล ตั้งแต่ดาวอังคารที่ห่างไกลออกไปเรื่อย ๆ แต่ยังเห็นเป็นดาวสีส้มอมแดงได้
วงแหวนของดาวเสาร์ที่ลอยเด่นอยู่ตรงหน้า
ราวกับมีใครตัดรูปดาวเสาร์มาแปะไว้ข้างหน้ากล้องดูดาว เขาพาเราดิ่งลึกเข้าไปในเอกภพ กาแล็กซี่แอนดรอเมดา ที่ห่างออกไปเกือบ ๓ ล้านปีแสง เป็นดาวฝ้า ๆ และดาวลูกไก่ที่ดูตาเปล่านับได้หกเจ็ดดวง แต่เมื่อผ่านกล้องกำลังขยาย ๓๐๐ เท่า กลายเป็นกระจุกดาวนับร้อยดวง "คุณเชื่อไหม เหล็กที่เรามาทำรถยนตร์ ไม่ได้กำเนิดมาจากโลกนี้หรอก มันมาจากซุปเปอร์โนวา หรือการระเบิดของดาวฤกษ์" เปี๊ยกให้ข้อคิดกับเรา "เช่นเดียวกับสิ่งมีชีวิตในโลกนี้ แรกเริ่มมันกำเนิดมาจากดาวฤกษ์" ยิ่งดึก ยิ่งมืดมิด ท้องฟ้ายิ่งระยับไปด้วยดาวนับล้านดวง เราเห็นระบบดาวคู่ หรือดาวสองดวงโคจรรอบกัน ดาวฤกษ์ทั้งคู่สีไม่เหมือนกัน ดวงหนึ่งสีน้ำเงิน กับสีเหลืองทอง เปี๊ยกบอกเราว่า อย่าเห็นอย่างเดียว แต่จงเฝ้าสังเกต แล้วจะพบการเปลี่ยนแปลงของดวงดาวตลอดเวลา ประมาณเที่ยงคืนเมื่อกลุ่มดาวนายพรานอยู่กลางฟ้า เราเล็งกล้องไปที่ ดาวบีทีจุส ดาวฤกษ์มหายักษ์แดงอยู่ไกล ๕๐๐ ปีแสง มีสีส้มแดงราวกับมีใครเปิดหลอดไฟกลางความมืดมิด และหันมาเยือนดาวโจร หรือซิริอุส ดาวฤกษ์สว่างไสวที่สุด มีสีขาวอมน้ำเงิน "ธรรมชาติลึกล้ำกว่าที่เราคิดนัก ผมเห็นการเปลี่ยนแปลงมากมาย ผมสังเกตเห็นดาวเกิด ดาวหนุ่มสาว ดาวแก่ และดาวดับ คุณรู้ไหม ดาวมีอายุนับพันล้านปี ยังดับสลายได้ ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน แล้วประสาอะไรกับชีวิตคนเรา มันช่างเป็นผงธุลีจริง ๆ" อากาศเย็นมากขึ้น ลมหนาวกรรโชกแรงกว่าที่คิด แต่วงสนทนาคืนนั้นกำลังออกรสชาติ "ผมดูดาวแล้วจิตใจสงบมากขึ้น รู้จักปล่อยวาง มนุษย์ไม่ได้เป็นศูนย์กลางของอะไรเลย มนุษย์มันกระจอกมากเมื่อเทียบกับจักรวาล แล้วยังอยากมีอีโก้กัน" เปี๊ยกตบท้ายด้วยคำพูดคืนนั้นว่า "ผมสังเกตเห็นหลายคนแล้วนะ พอดูดาวนาน ๆไปแล้วมันค่อย ๆ ซึมซับความคิดหรือพลังบางอย่างเข้าไป ทำให้คนดูดาวเป็นคนอารมณ์ดี ไม่ค่อยเครียด ไม่ค่อยยึดมั่นถือมั่นอะไร" ดูดาวให้อะไรมากกว่าที่คนข้างนอกคิดจริง ๆ |
|||
|