ธัชชัย วงศ์กิจรุ่งเรือง
กาแฟเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่มีการซื้อขายมากเป็นอันดับ ๒ ของโลก ร้านกาแฟมักบริการเสิร์ฟลูกค้าด้วยถ้วยกระดาษหรือถ้วยพลาสติกขนาดต่างๆ บางร้านใช้ Single Cup ถ้วยพลาสติกขนาดเล็กสำหรับชงกาแฟเอสเปรสโซบรรจุเมล็ดกาแฟและที่กรองในตัว หลายร้านยังมีบริการกระดาษหุ้มถ้วยกาแฟกันร้อนหรือกันเปื้อนเพิ่มอีกด้วย
- ทั่วโลกใช้ถ้วยกาแฟมากถึง ๕๐๐,๐๐๐ ล้านถ้วยต่อปี
- ในปี ๒๕๕๔ สหรัฐอเมริกามีขยะเป็นถ้วยกาแฟพลาสติกมากถึง ๒๓,๕๐๐,๐๐๐ ตัน หรือ ๕๘,๐๐๐ ล้านถ้วย ในจำนวนนั้นเป็นถ้วยแบบ Single Cup ถึง ๓,๐๐๐ ล้านถ้วย
- ถ้วยกาแฟเกือบทั้งหมดยังไม่อาจนำไปรีไซเคิลได้ แต่ใช้วิธีกำจัดแบบฝังกลบซึ่งใช้เวลาย่อยสลายถึง ๕๐๐ ปี ทั้งนี้ถ้วยกาแฟกระดาษต้องเคลือบพลาสติกเพื่อกันร้อนและการรั่วซึม การย่อยสลายจะปล่อยก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกออกมา
- ถ้วยกาแฟกระดาษขนาด ๑๖ ออนซ์ ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ๑๑๐ กรัม ส่วนกาแฟดำ ๑ ถ้วย (๒๕๐ มิลลิลิตร) ปล่อย CO2 ๒๑ กรัม กาแฟใส่นมปล่อย CO2 ๕๓ กรัม คาปูชิโนและลาเต้ ๑ ถ้วยใหญ่ (๕๕๐ มิลลิลิตร) ปล่อย CO2 ปริมาณถึง ๒๓๕ กรัม และ ๓๔๐ กรัมตามลำดับ
- ปัจจุบันร้านกาแฟหลายแห่งเริ่มรณรงค์ให้ผู้บริโภคหันมาใช้แก้วกาแฟมากขึ้น หรือใช้ถ้วยกาแฟ-กระดาษหุ้มที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ และใช้ถ้วยพลาสติกที่ย่อยสลายได้แทน
ข้อมูลจาก : guardian.co.uk, epa.gov, pbs.org