เกษร สิทธิหนิ้ว : เรื่อง
ประเวช ตันตราภิรมย์ : ภาพ
ศรัณยู วินัยพาณิช นักร้องผู้ชนะเลิศประกวดร้องเพลงจากเวทีเฟิร์สสเตจโชว์ วัย ๒๐ ปี
“ดูเหมือนว่าเด็กสมัยนี้จะใฝ่ฝันอยากเป็นนักร้อง อยากเข้ามาอยู่วงการบันเทิงกันมาก จนหลายคนพยายามหาทางลัดด้วยวิธีผิด ๆ ผมว่าจริง ๆ แล้วเปอร์เซ็นต์ที่เด็กอยากเป็นโน่น เป็นนี่ เป็นครู เป็นแอร์โฮสเตส เป็นผู้กำกับ ฯลฯ ไม่ว่ายุคนี้หรือยุคไหนมันไม่หนีกันเท่าไร เพียงแต่ไม่มีอาชีพไหนที่ได้รับความสนใจในวงกว้างเหมือนดารานักร้อง ซึ่งอยู่ในที่สว่าง มีคนเห็น มีคนให้ความสนใจ ก็เลยดูเหมือนว่าเด็กสมัยนี้อยากจะดัง ฉาบฉวยมากกว่าเด็กสมัยก่อน
“อาจเป็นเพราะภาพอันสวยหรูที่เด็กวัยรุ่นมักมองว่านักร้องดูเท่ ดูดี รวย เจ๋ง ทำให้พวกเขาใฝ่ฝันจะเป็นนักร้อง บางคนก็คิดแค่อยากจะดัง แต่ก็จะมีเด็กอีกส่วนหนึ่งที่รักการร้องเพลงจริง ๆ เมื่อมีเวทีประกวดร้องเพลงไม่ว่าจะเป็นเฟิร์สเตสโชว์ เดอะสตาร์ค้นฟ้าคว้าดาว หรือแม้แต่เวทีลูกทุ่ง เขาก็ทำทุกวิถีทางที่จะทำให้ตัวเองเข้าใกล้สิ่งที่ฝัน
“เมื่อก่อนผมคิดแบบมั่นใจตัวเองว่า เป็นพิธีกรอยู่แล้ว เดี๋ยวคงมีคนมาติดต่อเราเอง แต่ความจริงแล้วเป็นความคิดที่คับแคบ เป็นกบในกะลามาก ทำงานเล็ก ๆ น้อย ๆ โผล่หน้าออกทีวีให้คนเห็นสัปดาห์ละ ๒ นาที…ไม่มีใครจำได้หรอก ผมรักการร้องเพลงอยู่แล้ว ชอบฟังเพลงทุกแนวโดยเฉพาะเพลงลูกทุ่ง ชอบอา ชินกร ไกรลาส ก็เลยมาประกวดเฟิร์สสเตจฯ แล้วก็ตั้งใจทำให้ดีที่สุด “take the power to control your own to do the best” ผมถือเอาสิ่งนี้เป็นคติเลย เมื่อก่อนเราร้องเพลงเขาว่าเอื้อนเยอะไป ฟังแล้วน่ารำคาญ ลมหายใจไม่นิ่ง เสียงขึ้นจมูก ถูกว่าเยอะมาก แต่ตอนนี้ อุ๊ย เนี่ย เอกลักษณ์ของไอซ์ …ไม่เข้าใจ
“ถ้าเด็กคนหนึ่งอยากเป็นนักร้อง นั่งรอโอกาสคงไม่มีใครมาเชิญให้ไปเทสต์เสียง นั่งอยู่เฉย ๆ ไม่มีใครรู้หรอกว่าเราเก่งอะไร ถ้าอยากทำจริง ๆ เสนอตัวไปเลยดีกว่า แต่ไม่ใช่เสนอตัวแบบน่าเกลียด ไม่จำเป็นต้องถ่ายโป๊ นุ่งบิกินี เวทีประกวดเป็นอะไรที่เปิดโอกาสมากที่สุดแล้ว
“บางคนบอกว่าผมประสบความสำเร็จเร็ว ประกวดร้องเพลงเวทีเดียวก็ดัง ได้ออกเทป เป็นศิลปิน แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่าก่อนหน้านั้นผมทำอะไรมาบ้าง จริง ๆ การประกวดก็คือเวทีหนึ่งที่ต้องการหาผู้ชนะในเวทีนั้น แต่ผู้ชนะในชีวิตจริง ๆ ไม่มีใครชนะใคร ความสามารถไม่อาจวัดได้ในครั้งเดียว”