เฟย์
www.faylicity.com
ชักชวนให้คุณรู้จักหนังสือน่าอ่านน่าสนใจในโลกกว้างใบนี้

 

Gone Girl เป็นนิยายขายดีที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่แล้ว  นอกจากจะขายดีแล้วยังเป็นที่กล่าวขวัญชื่นชมมากในแวดวงนักวิจารณ์และคนอ่านด้วยกัน

ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์แปลกประหลาด  เพราะส่วนใหญ่แล้ว หนังสือที่นักวิจารณ์ชอบมากๆ คนอ่านมักจะไม่ค่อยชอบ (เช่นหนังสือรางวัลต่างๆ)  ส่วนหนังสือที่คนอ่านชอบมากๆ ก็มักโดนนักวิจารณ์ดูถูกดูแคลน (เช่นนิยายขายดีร่วมกระแสทั้งหลาย)  แต่เล่มนี้มีแต่คนชมแบบสากลจนน่าทึ่งว่ามันเป็นเรื่องยังไงนะ ทำไมไม่มีคนไม่ชอบบ้างเชียวหรือ

เรื่องนี้ขายได้มากกว่า ๒ ล้านเล่มในปีแรกที่วางขาย เป็นเรื่องแนวลึกลับตื่นเต้นระทึกใจ สืบสวนหาคนร้ายว่าใครฆ่า  ปรกติแล้วต้องพูดตรงๆ ว่านิยายแนวนี้มักไม่ได้รับคำชมเยอะขนาดนี้ แปลว่าหนังสือเรื่องนี้ต้องมีอะไรพิเศษกว่าเล่มอื่นแน่ๆ

เมื่ออ่านแล้วต้องบอกว่ามีดีจริงๆ  หนังสือเล่มนี้จะทำลายชีวิตคุณเพราะอ่านแล้วจะติดลมจนไม่อยากกินอยากนอน  เป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก วางไม่ลงอย่างแท้จริง และเขียนดีกว่านิยายทั่วไปในแนวนี้ ทำให้คุณติดกับดักมันจนหัวปักหัวปำ  นี่เป็นเรื่องของคู่แต่งงานซึ่งสามีพบว่าภรรยาหายตัวไปอย่างลึกลับในวันแต่งงานครบรอบ ๕ ปี  ตำรวจย่อมสงสัยว่าสามีเป็นคนลงมือหรือไม่  และในเรื่องเราจะได้เห็นมุมมองสลับกันไประหว่างการเล่าเรื่องของสามี และไดอะรีของภรรยา

หากจะอ่านเรื่องนี้ให้สนุก ขอแนะนำว่าควรรู้เนื้อหาเพียงเท่านี้พอแล้ว อย่าได้ค้นหาหรือไปอ่านข้อมูลพล็อตเรื่องจากที่ไหนเป็นอันขาด เดี๋ยวจะหมดสนุก  เมื่อเราอ่านไปจะพบว่าถ้อยคำของสามีและภรรยานั้นเล่าเรื่องเดียวกันให้เป็นคนละเรื่องเลย  และนี่น่าจะเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้นิยายเรื่องนี้พิเศษกว่านิยายสืบสวนทั่วไป เพราะนี่เป็นเรื่องนาฏกรรมชีวิตสมรสที่เล่าได้เข้มข้นแหลมคมจนบาดใจ

ในเรื่อง นิกเป็นสามีหนุ่มวัย ๓๔ ปี  เขาเกิดและโตใกล้เมือง ฮันนิบาล รัฐมิสซูรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ มาร์ก ทเวน  นิกเป็นผู้ชายน่ารัก หน้าตาดี ทำงานเป็นนักเขียนคอลัมน์นิตยสารในนครนิวยอร์ก  แล้วเขาก็พบรักกับเอมี สาวสวยฉลาดเฉลียวผู้ร่ำรวยซึ่งเกิดและโตที่นิวยอร์ก  เมื่อเอมีหายตัวไป การต้องรำลึกถึงรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ของภรรยาเมื่อให้การกับตำรวจทำให้เขาได้คิดว่าเขาเป็นสามีที่เฮงซวยที่สุด  ในขณะที่เอมีหายตัวไป เธอกลับปรากฏตัวในความคิดคำนึงของเขาตลอดเวลาเหมือนเธอไม่ได้จากไปไหน เธอยังอยู่ใกล้เขามากกว่าใคร

เรื่องเล่าของทั้งคู่เผยชีวิตการแต่งงานที่ชวนให้ใจหาย  จากความรักที่ร่าเริงสนุกสนานกลายเป็นความโกรธชัง  นิกนึกถึงภรรยาด้วยความขมขื่นว่าความทรงจำที่เคยอบอุ่นแสนหวานกลับกลายเป็นความจริงร้ายกาจเยือกเย็นขนาดนี้ได้อย่างไร  ทั้งคู่ทะเลาะและพ่นด่าคำเหน็บแนมใส่กันบ่อยๆ  การสนทนาของทั้ง ๒ กลายเป็นการจู่โจมทำร้ายกัน  เมื่อแต่งงานครบ ๕ ปี นิกได้คิดว่าเขาโกรธภรรยาเรื่อยมา เป็นความสนุกสนานอันเจ็บปวด คล้ายเราคอยกัดเล็บตัวเอง
ให้เลือดซิบแต่ยังดึงดันจะกัดต่อไป  เขาได้แต่นึกถึงการกลับบ้านไปหาภรรยาที่ไม่ต้อนรับเขา

นิกสงสัยเสมอว่าภรรยาของเขาคิดอะไรอยู่ “ผมคิดว่าคำถามนี้เป็นพายุในการแต่งงานทุกคู่ เธอคิดอะไรอยู่ เธอรู้สึกอย่างไร เธอเป็นใคร เราทำอะไรให้เธอ เราจะทำอะไรต่อไปดี ” เอมีเชื่อว่าการแต่งงานคือการดำเนินรอยตามคำแนะนำเก่าแก่ที่ว่า “ให้ประนีประนอม คุยกัน อย่าเข้านอนโดยยังโกรธกันอยู่” แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องสงสัยว่าต่างฝ่ายรู้จักกันดีแท้แน่แล้วหรือไม่อย่างไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าชีวิตคู่มาถึงจุดจบแล้ว

ผู้เขียนเล่าเบื้องหลังว่านิกและเอมีเป็นคนแบบนี้เพราะเหตุใด โดยบอกถึงการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ซึ่งทำให้พล็อตเรื่องมีน้ำหนักน่าเชื่อ  น่าตกใจว่าภูมิหลังของตัวละครนั้นกัดกินจิตใจตัวละครและเปลี่ยนแปลงเขาและเธออย่างไร

เนื้อเรื่องยังบอกเล่าสภาพสังคมเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกาในช่วงเร็วๆ นี้ได้ดีมาก  นิกถูกให้ออกจากงานที่เขาเคยเป็นนักเขียนคอลัมน์ในนิตยสาร  เอมีตกงานจากการเขียนคอลัมน์เช่นกัน  สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของนักเขียนที่เธอก็ถูกให้ออกจากการเป็นนักเขียนคอลัมน์ให้ Entertainment Weekly ความเจ็บปวดของนิกเมื่อยามตกงานนั้นน่าเจ็บปวดไม่น้อย  เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป นักเขียนก็อยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อสู้กับอินเทอร์เน็ตที่เสนอเนื้อหาฟรี

นิกกลับบ้านเกิดในที่สุดและเปิดบาร์แห่งหนึ่ง  เขารู้ว่าเขาจะไม่พลาด เพราะไม่มีอินเทอร์เน็ตไหนจะสู้บาร์ได้ “ไม่มีโปรแกรมใดนำเสนอฟองเบอร์เบินในบาร์มืดๆ เย็นๆ ณ วันที่อากาศร้อน โลกนี้ต้องการเหล้าเสมอไป ” อาชีพของเขาจะไม่ถูกคุกคามโดยเทคโนโลยี (แต่จะว่าไปหากนักเขียนนิยายผู้นี้ไม่ได้ถูกให้ออกจากงาน เราก็อาจไม่ได้อ่านนิยายที่ดีเรื่องนี้)

นิกยังบรรยายสภาพสังคมในเมืองบ้านเกิดให้เห็นผลของวิกฤตเศรษฐกิจในอเมริกาที่ผู้คนตกงาน ห้างสรรพสินค้าต้องปิดตัวลง โครงการบ้านจัดสรรที่ตายก่อนคลอด และชีวิตผู้คนที่ต้องไร้บ้านไร้งาน

จิลเลียน ฟลินน์ เป็นนักเขียนที่เก่งมาก เธอเขียนนิยายมาแล้ว ๒ เล่มก่อนหน้าหนังสือเรื่องนี้ คือ Sharp Objects (๒๐๐๖) เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องในรัฐมิสซูรี และ Dark Places (๒๐๐๙) ซึ่งเกี่ยวกับการฆาตกรรมในครอบครัว  นิยายทั้ง ๒ เล่มได้รับคำชื่นชมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล ส่วนเรื่อง Gone Girl ถูกซื้อลิขสิทธิ์เพื่อสร้างเป็นหนังแล้ว  ตอนนี้ก็มีแต่คนเดาว่าใครกันหนอจะได้รับบทพระเอกนางเอกในเรื่อง  เท่าที่คาดกันตอนนี้มีรายชื่อ เช่น Emily Blunt และ Ryan Gosling  แต่เนื่องจากเรื่องนี้กำลังเขียนบทอยู่ จึงต้องรออีกพักใหญ่กว่าจะรู้ว่าใครเป็นใคร

นิยายเรื่องนี้อ่านสนุกมากจนอยากแนะนำ  เมื่ออ่านจบแล้วคุณจะอยากแนะนำให้คนอื่นอ่าน และอยากคุยกับคนที่อ่านแล้ว หรืออยากอ่านซ้ำอีกรอบทันที  คาดว่าหนังสือที่ขายดีขนาดนี้คงมีผู้ซื้อลิขสิทธิ์แปลไทยเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานเกินรอน่าจะได้อ่านกัน

เรื่องเยือกเย็นที่สุดในชีวิตคู่อยู่ตรงที่ทั้ง ๒ คนรู้จักกันดีมาก แม้ว่าจะไม่รู้ตัว  ไม่ว่าทั้งคู่จะรู้สึกเช่นไรต่อกัน แต่ ๒ คนนี้รู้ความลับของกันและกันดีกว่าใคร  “เพื่อนๆ เห็นข้อเสียส่วนใหญ่ของกันและกัน ส่วนสามีภรรยาเห็นความเฮงซวยทุกสิ่งอย่างชนิดละเอียดลออ” ซึ่งนิกบอกว่าสิ่งนี้เป็น “เรื่องโรแมนติกที่พังพินาศฉิบหาย ”

แม่ของนิกสอนเรื่องการแต่งงานได้น่าประทับใจ เธอบอกเอมีว่า “ไม่ง่ายหรอกนะที่จะจับคู่กับใครไปตลอดกาล เป็นเรื่องน่าชื่นชม ฉันยินดี…แต่…จะมีวันที่เธอคิดว่าไม่น่าเลย คราวที่เธอเสียใจเป็นวันๆ จะถือว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ แทนที่จะต้องเสียใจเป็นเดือนๆ …แต่เธอก็จะมีช่วงเวลาแห่งความสุขด้วยเช่นกัน ”

ความรักเป็นเรื่องน่าแปลก เมื่อแรกรักก็แสนหวาน แต่นานๆ เข้าความรักก็กลายเป็นความชังไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ  น้องสาวของนิกบอกว่าต่อให้เขาไปเจอคนอื่น แต่พอสนิทกันแล้วล่ะ “พอพี่คบกับเธอจริงๆ  ได้เจอกันบ่อยๆ เธอก็จะพบข้อเสียในตัวพี่ใช่ไหมล่ะ ?  เธอจะเจอสิ่งที่ทำให้เธอเป็นบ้าเป็นบอ แล้วเธอจะเรียกร้องในสิ่งที่พี่ไม่ชอบ แล้วเธอจะโกรธพี่ ”

หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราทบทวนเรื่องความรักและคำถามข้อที่ว่า “ที่ว่ารักรักนั้นประการใด”

เฟย์
www.faylicity.com
ชักชวนให้คุณรู้จักหนังสือน่าอ่านน่าสนใจในโลกกว้างใบนี้Gone Girl เป็นนิยายขายดีที่สุดเรื่องหนึ่งของปีที่แล้ว  นอกจากจะขายดีแล้วยังเป็นที่กล่าวขวัญชื่นชมมากในแวดวงนักวิจารณ์และคนอ่านด้วยกัน

ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์แปลกประหลาด  เพราะส่วนใหญ่แล้ว หนังสือที่นักวิจารณ์ชอบมากๆ คนอ่านมักจะไม่ค่อยชอบ (เช่นหนังสือรางวัลต่างๆ)  ส่วนหนังสือที่คนอ่านชอบมากๆ ก็มักโดนนักวิจารณ์ดูถูกดูแคลน (เช่นนิยายขายดีร่วมกระแสทั้งหลาย)  แต่เล่มนี้มีแต่คนชมแบบสากลจนน่าทึ่งว่ามันเป็นเรื่องยังไงนะ ทำไมไม่มีคนไม่ชอบบ้างเชียวหรือ

เรื่องนี้ขายได้มากกว่า ๒ ล้านเล่มในปีแรกที่วางขาย เป็นเรื่องแนวลึกลับตื่นเต้นระทึกใจ สืบสวนหาคนร้ายว่าใครฆ่า  ปรกติแล้วต้องพูดตรงๆ ว่านิยายแนวนี้มักไม่ได้รับคำชมเยอะขนาดนี้ แปลว่าหนังสือเรื่องนี้ต้องมีอะไรพิเศษกว่าเล่มอื่นแน่ๆ

เมื่ออ่านแล้วต้องบอกว่ามีดีจริงๆ  หนังสือเล่มนี้จะทำลายชีวิตคุณเพราะอ่านแล้วจะติดลมจนไม่อยากกินอยากนอน  เป็นหนังสือที่อ่านสนุกมาก วางไม่ลงอย่างแท้จริง และเขียนดีกว่านิยายทั่วไปในแนวนี้ ทำให้คุณติดกับดักมันจนหัวปักหัวปำ  นี่เป็นเรื่องของคู่แต่งงานซึ่งสามีพบว่าภรรยาหายตัวไปอย่างลึกลับในวันแต่งงาน
ครบรอบ ๕ ปี  ตำรวจย่อมสงสัยว่าสามีเป็นคนลงมือหรือไม่  และในเรื่องเราจะได้เห็นมุมมองสลับกันไประหว่างการเล่าเรื่องของสามี
และไดอะรีของภรรยา

หากจะอ่านเรื่องนี้ให้สนุก ขอแนะนำว่าควรรู้เนื้อหาเพียงเท่านี้พอแล้ว อย่าได้ค้นหาหรือไปอ่านข้อมูลพล็อตเรื่องจากที่ไหนเป็นอันขาด เดี๋ยวจะหมดสนุก  เมื่อเราอ่านไปจะพบว่าถ้อยคำของสามีและภรรยานั้นเล่าเรื่องเดียวกันให้เป็นคนละเรื่องเลย  และนี่น่าจะเป็นเหตุสำคัญที่ทำให้นิยายเรื่องนี้พิเศษกว่านิยายสืบสวนทั่วไป เพราะนี่เป็นเรื่องนาฏกรรมชีวิตสมรสที่เล่าได้เข้มข้นแหลมคมจนบาดใจ

ในเรื่อง นิกเป็นสามีหนุ่มวัย ๓๔ ปี  เขาเกิดและโตใกล้เมือง
ฮันนิบาล รัฐมิสซูรี ซึ่งเป็นบ้านเกิดของ มาร์ก ทเวน  นิกเป็นผู้ชายน่ารัก หน้าตาดี ทำงานเป็นนักเขียนคอลัมน์นิตยสารในนครนิวยอร์ก
แล้วเขาก็พบรักกับเอมี สาวสวยฉลาดเฉลียวผู้ร่ำรวยซึ่งเกิดและโตที่นิวยอร์ก  เมื่อเอมีหายตัวไป การต้องรำลึกถึงรายละเอียดเล็กๆ
น้อยๆ ของภรรยาเมื่อให้การกับตำรวจทำให้เขาได้คิดว่าเขาเป็นสามีที่เฮงซวยที่สุด  ในขณะที่เอมีหายตัวไป เธอกลับปรากฏตัวในความคิดคำนึงของเขาตลอดเวลาเหมือนเธอไม่ได้จากไปไหน เธอยังอยู่ใกล้เขามากกว่าใคร

เรื่องเล่าของทั้งคู่เผยชีวิตการแต่งงานที่ชวนให้ใจหาย  จากความรักที่ร่าเริงสนุกสนานกลายเป็นความโกรธชัง  นิกนึกถึงภรรยาด้วยความขมขื่นว่าความทรงจำที่เคยอบอุ่นแสนหวานกลับกลายเป็นความจริงร้ายกาจเยือกเย็นขนาดนี้ได้อย่างไร  ทั้งคู่ทะเลาะและพ่นด่าคำเหน็บแนมใส่กันบ่อยๆ  การสนทนาของทั้ง ๒ กลายเป็นการจู่โจมทำร้ายกัน  เมื่อแต่งงานครบ ๕ ปี นิกได้คิดว่าเขาโกรธภรรยาเรื่อยมา เป็นความสนุกสนานอันเจ็บปวด คล้ายเราคอยกัดเล็บตัวเอง
ให้เลือดซิบแต่ยังดึงดันจะกัดต่อไป  เขาได้แต่นึกถึงการกลับบ้านไปหาภรรยาที่ไม่ต้อนรับเขา

นิกสงสัยเสมอว่าภรรยาของเขาคิดอะไรอยู่ “ผมคิดว่าคำถามนี้เป็นพายุในการแต่งงานทุกคู่ เธอคิดอะไรอยู่ เธอรู้สึกอย่างไร
เธอเป็นใคร เราทำอะไรให้เธอ เราจะทำอะไรต่อไปดี ”  เอมีเชื่อว่า
การแต่งงานคือการดำเนินรอยตามคำแนะนำเก่าแก่ที่ว่า “ให้ประนีประนอม คุยกัน อย่าเข้านอนโดยยังโกรธกันอยู่” แต่แล้วทั้งคู่ก็ต้องสงสัยว่าต่างฝ่ายรู้จักกันดีแท้แน่แล้วหรือไม่อย่างไร ในเมื่อ
ต่างฝ่ายต่างรู้สึกว่าชีวิตคู่มาถึงจุดจบแล้ว

ผู้เขียนเล่าเบื้องหลังว่านิกและเอมีเป็นคนแบบนี้เพราะเหตุใด
โดยบอกถึงการเลี้ยงดูของพ่อแม่ ซึ่งทำให้พล็อตเรื่องมีน้ำหนักน่าเชื่อ  น่าตกใจว่าภูมิหลังของตัวละครนั้นกัดกินจิตใจตัวละครและเปลี่ยนแปลงเขาและเธออย่างไร

เนื้อเรื่องยังบอกเล่าสภาพสังคมเศรษฐกิจตกต่ำในอเมริกาในช่วงเร็วๆ นี้ได้ดีมาก  นิกถูกให้ออกจากงานที่เขาเคยเป็นนักเขียนคอลัมน์ในนิตยสาร  เอมีตกงานจากการเขียนคอลัมน์เช่นกัน  สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของนักเขียนที่เธอก็ถูกให้ออกจากการเป็นนักเขียนคอลัมน์ให้ Entertainment Weekly  ความเจ็บปวดของนิกเมื่อ
ยามตกงานนั้นน่าเจ็บปวดไม่น้อย  เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป นักเขียนก็อยู่ยากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะเมื่อต้องต่อสู้กับอินเทอร์เน็ตที่เสนอเนื้อหาฟรี

นิกกลับบ้านเกิดในที่สุดและเปิดบาร์แห่งหนึ่ง  เขารู้ว่าเขาจะไม่พลาด เพราะไม่มีอินเทอร์เน็ตไหนจะสู้บาร์ได้ “ไม่มีโปรแกรมใดนำเสนอฟองเบอร์เบินในบาร์มืดๆ เย็นๆ ณ วันที่อากาศร้อน โลกนี้
ต้องการเหล้าเสมอไป ” อาชีพของเขาจะไม่ถูกคุกคามโดยเทคโนโลยี
(แต่จะว่าไปหากนักเขียนนิยายผู้นี้ไม่ได้ถูกให้ออกจากงาน เราก็อาจไม่ได้อ่านนิยายที่ดีเรื่องนี้)

นิกยังบรรยายสภาพสังคมในเมืองบ้านเกิดให้เห็นผลของวิกฤต
เศรษฐกิจในอเมริกาที่ผู้คนตกงาน ห้างสรรพสินค้าต้องปิดตัวลง
โครงการบ้านจัดสรรที่ตายก่อนคลอด และชีวิตผู้คนที่ต้องไร้บ้าน
ไร้งาน

จิลเลียน ฟลินน์ เป็นนักเขียนที่เก่งมาก เธอเขียนนิยายมาแล้ว
๒ เล่มก่อนหน้าหนังสือเรื่องนี้ คือ Sharp Objects (๒๐๐๖) เกี่ยวกับฆาตกรต่อเนื่องในรัฐมิสซูรี และ Dark Places (๒๐๐๙) ซึ่ง
เกี่ยวกับการฆาตกรรมในครอบครัว  นิยายทั้ง ๒ เล่มได้รับคำชื่นชมและได้รับการเสนอชื่อชิงรางวัล ส่วนเรื่อง Gone Girl ถูกซื้อลิขสิทธิ์
เพื่อสร้างเป็นหนังแล้ว  ตอนนี้ก็มีแต่คนเดาว่าใครกันหนอจะได้รับบทพระเอกนางเอกในเรื่อง  เท่าที่คาดกันตอนนี้มีรายชื่อ เช่น
Emily Blunt และ Ryan Gosling  แต่เนื่องจากเรื่องนี้กำลังเขียนบท
อยู่ จึงต้องรออีกพักใหญ่กว่าจะรู้ว่าใครเป็นใคร

นิยายเรื่องนี้อ่านสนุกมากจนอยากแนะนำ  เมื่ออ่านจบแล้วคุณจะอยากแนะนำให้คนอื่นอ่าน และอยากคุยกับคนที่อ่านแล้ว
หรืออยากอ่านซ้ำอีกรอบทันที  คาดว่าหนังสือที่ขายดีขนาดนี้คงมี
ผู้ซื้อลิขสิทธิ์แปลไทยเรียบร้อยแล้ว อีกไม่นานเกินรอน่าจะได้อ่านกัน

เรื่องเยือกเย็นที่สุดในชีวิตคู่อยู่ตรงที่ทั้ง ๒ คนรู้จักกันดีมาก
แม้ว่าจะไม่รู้ตัว  ไม่ว่าทั้งคู่จะรู้สึกเช่นไรต่อกัน แต่ ๒ คนนี้รู้ความลับของกันและกันดีกว่าใคร  “เพื่อนๆ เห็นข้อเสียส่วนใหญ่ของกันและกัน ส่วนสามีภรรยาเห็นความเฮงซวยทุกสิ่งอย่างชนิดละเอียดลออ” ซึ่งนิกบอกว่าสิ่งนี้เป็น “เรื่องโรแมนติกที่พังพินาศฉิบหาย ”

แม่ของนิกสอนเรื่องการแต่งงานได้น่าประทับใจ เธอบอกเอมีว่า “ไม่ง่ายหรอกนะที่จะจับคู่กับใครไปตลอดกาล เป็นเรื่องน่าชื่นชม
ฉันยินดี…แต่…จะมีวันที่เธอคิดว่าไม่น่าเลย คราวที่เธอเสียใจเป็นวันๆ
จะถือว่าเป็นช่วงเวลาดีๆ แทนที่จะต้องเสียใจเป็นเดือนๆ …แต่เธอก็จะมีช่วงเวลาแห่งความสุขด้วยเช่นกัน ”

ความรักเป็นเรื่องน่าแปลก เมื่อแรกรักก็แสนหวาน แต่นานๆ
เข้าความรักก็กลายเป็นความชังไปได้อย่างไม่น่าเชื่อ  น้องสาวของนิกบอกว่าต่อให้เขาไปเจอคนอื่น แต่พอสนิทกันแล้วล่ะ “พอพี่คบกับเธอจริงๆ  ได้เจอกันบ่อยๆ เธอก็จะพบข้อเสียในตัวพี่ใช่ไหมล่ะ ?
เธอจะเจอสิ่งที่ทำให้เธอเป็นบ้าเป็นบอ แล้วเธอจะเรียกร้องในสิ่งที่พี่ไม่ชอบ แล้วเธอจะโกรธพี่ ”

หนังสือเล่มนี้จะทำให้เราทบทวนเรื่องความรักและคำถามข้อที่ว่า “ที่ว่ารักรักนั้นประการใด”