ส. แม่ปิง
คนแถบต้นแม่น้ำปิง จังหวัดเชียงใหม่ จบปริญญาโทด้านรัฐศาสตร์ (เกียรตินิยมอันดับ ๒) จากประเทศอินเดีย เคยทำงานประจำโต๊ะต่างประเทศของหนังสือพิมพ์ชั้นนำฉบับหนึ่ง เคยเล่นการเมืองท้องถิ่น ปัจจุบันเป็นนักโทษประหาร แดน ๒ เรือนจำกลางบางขวาง ได้เข้าร่วมอบรมในหลักสูตร “โครงการเรื่องเล่าจากแดนประหารรุ่น ๑” และมีผลงานตีพิมพ์ในหนังสือ อิสรภาพบนเส้นบรรทัด ๑๓ นักโทษประหาร สำนักพิมพ์สารคดี งานเขียนชุด “วิ่ง…สู่อ้อมกอด” นี้ถือเป็นผลงานลำดับที่ ๒ ของเขาคือบทบันทึกแห่งความผิดพลาด และความฝันที่ไม่มีใครต้องการจะเผชิญแม้เพียงเสี้ยววินาทีเดียว |
– ๑ –
แม้เวลาแต่ละวันระหว่างโลกภายนอกกำแพงกับโลกภายในกำแพงจะมี ๒๔ ชั่วโมงเท่ากัน แต่ดูเหมือนว่ากาลเวลาในกำแพงสี่เหลี่ยมช่างเดินไปอย่างเชื่องช้า เนิบนาบ บางขณะเหมือนกับจะหยุดนิ่ง แม้แต่ใบไม้ก็ยังไม่เคลื่อนไหว ชีวิตก็ไม่เคลื่อนไหว ชีวิตหลังกำแพงช่างน่าเบื่อหน่ายที่สุด
เคยมีคนจำนวนไม่น้อยตั้งคำถามกับผมว่า การติดคุกนั้นมีความทุกข์ทรมานอย่างไร เป็นทุกข์มากแค่ไหน ผมมักจะตอบเสมอว่า ความทุกข์ที่สุดนั้นคือชีวิตอันจำเจภายในกำแพงสี่เหลี่ยม รสชาติของการติดคุกนั้นจะทรมานขนาดไหน สุดที่จะบรรยายจริงๆ
และด้วยชีวิตอันจำเจซ้ำซากภายในกำแพงสี่เหลี่ยมนี้เองที่ทำให้ชมรมนักวิ่งริมขอบกำแพงของพวกผมมีสมาชิกเพิ่มขึ้นทุกวัน มีทั้งเก่าไปใหม่มา สับเปลี่ยนหมุนเวียนไม่เคยขาดหาย เบค ตามัง ก็เป็นสมาชิกนักวิ่งริมขอบกำแพงอีกคนผู้มาร่วมกิจกรรมวิ่งออกกำลังกายยามเช้าทุกวันด้วยท่าทางคึกคักกว่าใครๆ
เบคเป็นชนเผ่าตามังจากเทือกเขาหิมาลัยแห่งเนปาล ดินแดนอันสวยงามดังเทพนิยายที่ทุกคนปรารถนาจะเดินทางไปสัมผัส
หนุ่มน้อยจากดินแดนเทพนิยายเล่าถึงชีวิตในวัยเด็กว่า เขาเกิดที่หมู่บ้านซัตยาคีวี หมู่บ้านเล็กๆ เชิงเขาหิมาลัยในจังหวัดบังมะติทางตอนใต้ของเนปาล ครอบครัวของเบคมีอาชีพทำไร่ทำนา บางครั้งก็รับจ้างนำทางนักท่องเที่ยวชมธรรมชาติอันงดงามของเทือกเขาหิมาลัย
ชีวิตของเบคนั้นช่างเต็มไปด้วยความสุข เนื่องจากเป็นลูกชายคนเล็กของครอบครัว เขาจึงเป็นที่รักของพ่อแม่ พี่สาว และพี่ชายทั้งสี่คน ในวัยเด็กเขาชอบชวนเพื่อนๆ ไปเดินเล่นที่ลำธารท้ายหมู่บ้าน ซึ่งมีน้ำใสสะอาดจนมองเห็นเม็ดทรายได้ หนุ่มน้อยจากเทือกเขาหิมาลัยไม่เคยคิดมาก่อน แม้กระทั่งในฝันก็ไม่เคยฝันว่าจะได้มาวิ่งออกกำลังในสถานที่เช่นนี้
ชีวิตเหมือนฝันจริงๆ แต่เป็นฝันร้าย
นับย้อนไป ๑๐ ปีขณะนั้นเขากำลังมีความสุขสนุกอยู่กับชีวิตวัยรุ่น มีสาวน้อยสาวใหญ่หมายปองมากมายเพราะเบคเป็นนักฟุตบอลรูปหล่อฝีเท้าดีของท้องถิ่น ทีมของเบคเคยได้เข้าไปแข่งขันในรายการคิงพิเรนทราพิกรมสหเทพส์คัพ ซึ่งถือเป็นฟุตบอลรายการใหญ่ระดับประเทศคล้ายกับฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทานคิงส์คัพของบ้านเรา
ชีวิตนักฟุตบอลทำให้เบคเริ่มมีรายได้ เขาจึงคิดวางแผนที่จะเดินทางไปท่องเที่ยวโลกกว้างเพื่อหาประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ชีวิต
แม้ในใจเบคต้องการเดินทางไปสหรัฐอเมริกา อังกฤษ หรือประเทศในยุโรปแห่งใดแห่งหนึ่ง แต่เพราะเงินในกระเป๋ายังไม่มากพอ อีกประการหนึ่งชนเผ่าตามังมีหน้าตาผิวพรรณคล้ายคลึงคนไทย และเขาเคยอ่านนิตยสารท่องเที่ยวหลายฉบับเขียนถึงเมืองไทยว่ามีความสวยงามทั้งด้านศิลปะและวัฒนธรรม รวมทั้งผู้คนก็มีอัธยาศัยอ่อนโยนให้เกียรติชาวต่างชาติ
เขาจึงเลือกที่จะเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทยเป็นแห่งแรก
นอกจากความงามของกรุงเทพมหานคร เมืองฟ้าอมรของไทย ที่ทำให้เบคหลงใหลติดใจแล้ว หนุ่มน้อยจากดินแดนธาราหิมาลัยยังเดินทางไปเมืองท่องเที่ยวอันมีชื่อเสียงของไทยอีกหลายเมือง เช่น พัทยาและภูเก็ต
ระหว่างอยู่ที่ภูเก็ตนี่เอง ไม่รู้โชคชะตาหรือสวรรค์แกล้ง เบคได้พบกับเพื่อนชาวปากีสถาน ๒ คน และเป็นที่มาของเหตุการณ์ที่ทำให้ชีวิตหนุ่มน้อยแห่งชนเผ่าตามังต้องมาพลิกผันครั้งสำคัญ จนเจ้าตัวแทบไม่อยากเชื่อว่าจะมีวันนี้เกิดขึ้นมา
หลังจากที่หนุ่มเบคใช้ชีวิตวัยรุ่นตะลุยท่องเที่ยวทั้งพัทยาและภูเก็ตเกือบ ๒ เดือน เงินในกระเป๋าก็ร่อยหรอลงอย่างรวดเร็ว เขาจึงปรึกษากับเพื่อนชาวปากีสถานที่เพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วัน โดยไม่รู้มาก่อนว่าหนุ่มใหญ่จากเมืองละฮอร์ทั้งสองจะเป็นพ่อค้ายาเสพติดข้ามชาติที่แฝงตัวมาในคราบนักท่องเที่ยวหลังจากเสร็จภารกิจส่งยาเสพติดให้ลูกค้าที่เมืองไทยเรียบร้อยแล้ว
ขณะนั้นเบคอายุเพิ่งจะย่างเข้า ๒๒ ปีเท่านั้น ด้วยความที่เขาอายุยังน้อย และอาจเป็นเพราะหนุ่มใหญ่จากปากีสถานทั้งสองคนได้วางแผนไว้ล่วงหน้ามาก่อนแล้ว หลังจากเบคได้ปรึกษาเรื่องต้องการหาเงินเที่ยวต่อ หนุ่มปากีสถานจึงยื่นข้อเสนอให้เบครับจ้างขนยาเสพติดให้กับพวกเขา จากการพูดจาหว่านล้อมอันชำนาญของ
๒ หนุ่มผู้ไม่หวังดีจากเมืองละฮอร์ เบคได้ตอบตกลงที่จะไปขนยาเสพติดจากปากีสถานในวันรุ่งขึ้นทันที
หารู้ไม่ว่านี่เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดมากที่สุดในชีวิตของเบค
หลังจากนอนรอรับยาเสพติดที่เมืองละฮอร์ ๒ วัน เบคก็ได้รับกระเป๋าเดินทางจากชายลึกลับคนหนึ่ง มองดูอย่างผิวเผินภายในกระเป๋าก็ไม่มีอะไรที่น่าสงสัย มีเพียงเสื้อผ้าเก่าบ้างใหม่บ้างถูกพับใส่ไว้เต็มเท่านั้น
เบคถูกสั่งให้เดินทางมายังกรุงนิวเดลีด้วยสายการบินแอร์อินเดีย ก่อนจะเปลี่ยนเที่ยวบินมาเป็นสายการบินคาเธย์แปซิฟิค บินมาลงสนามบินดอนเมืองเพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ เพราะหากบินมาจากกรุงละฮอร์ ประเทศปากีสถานโดยตรงจะถูกจับตามองเป็นพิเศษ
แต่เทพเจ้าแห่งความโชคดีไม่เคยเข้าข้างคนผิด หลังจากเบคเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง ด้วยความที่เป็นมือใหม่หัดขนหนุ่มน้อยจากเทือกเขาหิมาลัยเก็บอาการไม่อยู่ เจ้าหน้าที่ศุลกากร และเจ้าหน้าที่จากสำนักงานปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) จึงพบพิรุธ ขอเข้าตรวจค้นตัวและกระเป๋าเดินทางอย่างละเอียดถี่ถ้วน
แม้การตรวจค้นตัวอย่างละเอียดจะไม่พบสิ่งผิดกฎหมายใดๆ แต่ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. ใช้มีดกรีดกระเป๋าเดินทางก็ต้องตกตะลึง เมื่อพบว่ามีถุงพลาสติกใสบรรจุวัตถุเป็นเกล็ดสีน้ำข้าวคล้ายเกลือป่นซุกซ่อนอย่างมิดชิดภายในกระเป๋าเดินทาง และหลังจากตรวจอย่างละเอียดก็พบว่าเป็นยาไอซ์น้ำหนักรวมกว่า ๑ กิโลกรัมเลยทีเดียว
อิสรภาพของเบคสิ้นสุดลงในทันที
เขารับสารภาพในทันทีทันใด
อีก ๑๘ เดือนต่อมาศาลอาญารัชดาได้มีคำพิพากษาประหารชีวิต แต่เนื่องจากเบคให้การรับสารภาพตลอดข้อหา ทั้งในชั้นจับกุมและชั้นสอบสวน ตลอดจนในชั้นพิจารณา ศาลจึงมีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ คงเหลือโทษจำคุกตลอดชีวิต
นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้เป็นเวลากว่า ๑๓ ปีแล้วที่เบคไม่ได้เดินทางกลับไปสัมผัสบรรยากาศบริสุทธิ์ ไม่ได้ฟังเสียงสายน้ำไหลลงมาจากเทือกเขาศักดิ์สิทธิ์อีกเลย ไม่รู้ว่าจะต้องรออีกสักกี่สิบปี
เบคเล่าให้ผมฟังว่า หลังจากที่ถูกส่งตัวเข้าเรือนจำใหม่ๆ ชีวิตของเขาเหมือนกับตกนรกทั้งเป็น พูดภาษาไทยไม่ได้ กินอาหารไทยก็ไม่เป็น โดยเฉพาะอาหารชาวคุกเขาแทบกินไม่ลงเลย กลางคืนก็นอนไม่เต็มอิ่ม เนื่องจากที่นอนคับแคบแออัด บางคืนต้องทนนั่งตลอดทั้งคืน แถมมีสายโซ่สนิมเขรอะผูกติดทั้งสองขาอีกด้วย
ทุกวันเบคจะนั่งอยู่มุมเสาใต้ถุนเรือนนอน เฝ้ามองเพื่อนๆ นักโทษชาวไทยออกรับการเยี่ยมญาติวันแล้ววันเล่า ไม่เคยมีใครมาเยี่ยมเขาเลยแม้จนกระทั่งทุกวันนี้ เขาไม่เคยพบหน้าพ่อและแม่อีกเลยนับตั้งแต่วันที่เขาจากบ้านมาเป็นเวลากว่า ๑๓ ปีแล้ว ช่างเป็นความทุกข์ทรมานมากกว่าความทุกข์ใดๆ ณ เวลานี้เขาเพียงแต่เห็นใบหน้าพ่อและแม่จากภาพถ่ายที่ทางบ้านส่งมาให้เท่านั้น
ผมและเบคมักจะเดินออกกำลังกายคู่กันเพื่อผ่อนคลายหลังจากที่พวกเราวิ่งออกกำลังคนละหลายสิบรอบสนามแล้ว เบคบอกว่าเขาเสียใจมากที่ต้องมาประสบชะตากรรมเช่นนี้ ขณะที่เขากำลังมีชีวิตที่รุ่งโรจน์ทั้งทางด้านกีฬาและการศึกษา แต่ต้องมาติดคุกเพียงเพราะความคิดชั่ววูบ ต้องการเงินเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่คุ้มเลยจริงๆ
เขาว่าหากย้อนเวลากลับคืนไปได้ เขาจะไม่ตัดสินใจอย่างนั้นเด็ดขาด
– ๒ –
หนุ่มน้อยจากเทือกเขาหิมาลัยบอกผมว่า นอกเหนือจากที่เขาเป็นนักกีฬามาก่อน เหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่งที่ทำให้เขาต้องวิ่งออกกำลังกายยามเช้าคือต้องการลดความเจ็บปวดจากพิษรัก
หนุ่มน้อยจากดินแดนงดงามดุจสรวงสวรรค์สนทนากับผมระหว่างที่พวกเราเดินผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังวิ่งจนเหงื่อโชกแล้วว่า ก่อนที่เขาจะเดินทางมาเที่ยวเมืองไทยและหลงผิดจนต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในกำแพงสี่เหลี่ยมครั้งนี้ เบควางแผนจะเข้าพิธีวิวาห์กับสาวสวยจากหมู่บ้านเดียวกันในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เขาและเธอตั้งใจว่าหลังจากที่เบคกลับจากการหาประสบการณ์ชีวิตที่เมืองไทย พวกเขาจะแต่งงานกันทันที
แต่ชะตามนุษย์หรือจะฝืนฟ้าลิขิต หลังจากศาลมีคำพิพากษาจำคุกเบคตลอดชีวิตได้ไม่นาน เบคก็ได้รับจดหมายจากแฟนสาวว่า เธอกำลังจะแต่งงานกับชายหนุ่มหมู่บ้านเดียวกันซึ่งเบคก็รู้จักเขาดี เธอขอโทษที่ความรักของเธอและเบคต้องมาจบลงเช่นนี้
หลังอ่านจดหมายฉบับนั้นจบลง เบคพูดอะไรไม่ออก อัดแน่นในอกแทบหายใจไม่ออก คิดมาก นอนไม่หลับติดต่อกันหลายคืน จนคิดว่าหากปล่อยให้ตัวเองคิดมากอย่างนี้ต่อไปเขาคงไม่มีชีวิตรอดไปจากขุมนรกบนดินแห่งนี้แน่ๆ
เผอิญเช้าวันนั้นเขาเห็นพวกเราชมรมนักวิ่งริมขอบกำแพงพากันวิ่งออกกำลังกายรับอรุณอย่างมีความสุข เบคจึงเกิดความคิดว่า การวิ่งออกกำลังกายน่าจะช่วยให้เขาคลายความคิดถึงเธอลงไปบ้าง
อย่างน้อยในช่วงที่เขาวิ่งออกกำลังกาย เบคจึงเข้ามาเป็นสมาชิกชมรมนักวิ่งริมขอบกำแพงตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา
พูดถึงเรื่องของความรักระหว่างหนุ่มสาวแล้ว ผมอยากจะเขียนเป็นเครื่องเตือนใจสำหรับผู้ที่จะทำความผิดหรือผู้ที่กำลังเดินบนเส้นทางสายโจรว่า คุณพร้อมสำหรับการสูญเสียคนที่คุณรักไปแล้วหรือยัง เพราะแม้กระทั่งเมียคุณเอง ไม่ว่าเธอจะมีอายุมากแค่ไหน มีลูกด้วยกันกี่คน นั่นไม่ใช่หลักประกันว่าคนรักของคุณจะไม่ทอดทิ้ง ชีวิตของนักโทษนั้นเหมือนตายแล้วทั้งเป็น ใครก็ตามที่ติดคุกจะต้องป่วยเป็นโรคเมียทิ้งเกือบทุกคน
ผมก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้รับประสบการณ์จากการถูกคนรักทิ้ง ในช่วงเดือนแรกคนรักของผมแทบจะร้องไห้ทุกคราวที่มาเยี่ยม เธอบอกผมว่าไม่ว่าจะเสียเงินทองเท่าไหร่ เธอก็จะวิ่งเต้นสู้คดีให้ผมออกจากคุกไปให้ได้
แต่หลังจากนั้นเพียง ๓ เดือนก็ได้ข่าวว่าเธอมีคนรักใหม่เสียแล้ว
– ๓ –
อย่างไรก็ตามการติดคุกทำให้ผมได้พบความจริงอีกด้านหนึ่งของความรักที่ผมไม่เคยได้ตระหนักมาก่อน ผมเรียกประสบการณ์นี้ว่า
“จุดจบแห่งรักเทียม จุดเปลี่ยนสู่รักแท้”
นั่นคือความรักระหว่างครอบครัว แม้ผมจะไม่โชคดีเหมือนคนอื่นที่ยังมีแม่ให้คิดถึง มีแม่ให้ได้กอด แต่ผมก็ยังมีพี่สาวที่ตอนนี้ผมยกตำแหน่งแม่ให้เธออีกตำแหน่งหนึ่งไปแล้ว
ย้อนไปสัก ๓๐ ปีผมเคยได้ยินพี่สาวบอกว่ารักผมมาก วันนั้นผมกำลังนอนอยู่บนบ้าน พี่สาวได้พาเพื่อนจากกรุงเทพฯ ไปเที่ยวที่บ้าน เมื่อพี่สาวและเพื่อนเดินขึ้นมาบนบ้าน ผมแกล้งหลับต่อ ผมได้ยินพี่สาวพูดแนะนำเพื่อนว่า “นี่ น้องชายที่เรารักมากที่สุด” ผมนอนหลับตาแอบยิ้มในใจ
แม้ผมจะไม่ได้อยู่กับพี่สาวมาตั้งแต่เด็ก เพราะครอบครัวเรามีฐานะยากจน ผมต้องถูกส่งตัวเข้าวัดตั้งแต่อายุ ๑๑ ขวบ ส่วนพี่สาวก็เข้ามาทำงานรับจ้างที่กรุงเทพฯ แม้คำพูดของพี่สาวในครั้งนั้นจะทำให้ผมแอบภูมิใจ แต่พี่สาวก็ไม่เคยมีโอกาสแสดงความรักต่อผมเหมือนที่พูดกับเพื่อนในวันนั้นแต่อย่างใด
จนกระทั่งผมถูกจับเข้าเรือนจำ ผมจึงได้สัมผัสกับความรักแท้จริงที่พี่สาวมอบให้แก่ผม เพราะนับตั้งแต่วันที่ผมเดินเข้าคุกพี่สาวมาเยี่ยมผมไม่เคยขาด โดยเฉพาะในช่วงแรกๆ ที่ผมถูกส่งตัวเข้าทัณฑสถานบำบัดพิเศษกลางลาดยาว พี่สาวจะมาเยี่ยมทุกวัน แม้ผมจะถูกย้ายมาอยู่ที่เรือนจำกลางคลองเปรมที่เขาอนุญาตให้เยี่ยมสัปดาห์ละ ๓ วัน พี่สาวก็มาเยี่ยมครบทั้งสามวัน และเมื่อถูกย้ายมาอยู่ที่เรือนจำกลางบางขวาง ที่นี่เขาให้เยี่ยมสัปดาห์ละ ๒ วัน พี่สาวก็มาเยี่ยมทั้งสองวัน
เดิมทีผมคิดว่าพี่คงขยันมาเยี่ยมในช่วงแรกๆ เท่านั้น อีกไม่นานก็คงจะเลิกไปเอง แต่จนแล้วจนรอด พี่สาวก็ไม่ยอมลดวันเยี่ยมจนผมต้องเป็นคนเอ่ยปากให้ลดวันเยี่ยมลงบ้างเพราะต้องอยู่อีกนาน ปัจจุบันพี่สาวยังคงมาเยี่ยมเดือนละ ๒ ครั้ง จนถึงวันนี้ย่างเข้าปีที่ ๑๑ แล้ว พี่สาวบอกว่า เมื่อถึงวันเยี่ยมก็คิดถึงและเป็นห่วงก็เลยอดที่จะไม่มาเยี่ยมไม่ได้
วันใดหากพี่สาวฝันถึงผมไม่ว่าจะทางดีทางร้าย พี่สาวจะรีบมาเยี่ยมทันที พี่บอกว่า ยามใดที่ฝันมักจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นกับผม ต้องรีบมาดูก่อนเพื่อให้สบายใจ ผมเองสัมผัสได้ถึงความรักที่แอบได้ยินพี่สาวคุยกับเพื่อนเมื่อ ๓๐ ปีที่แล้ว และอยากจะบอกว่า
ผมก็รักพี่มากเช่นกัน
ผมขอย้อนไปถึงเรื่องราวความรักของแม่อีกสักครั้ง เป็นภาพความประทับใจในความรักระหว่างแม่กับลูกที่ผมได้สัมผัสตลอด ๑๑ ปีที่ติดอยู่ในเรือนจำกลางบางขวาง ทุกครั้งที่ผมออกเยี่ยมญาติผมมักจะเห็นภาพของหญิงชราหลายต่อหลายคนหิ้วของพะรุงพะรังมาเยี่ยมลูก
โดยเฉพาะเพื่อนของผมคนหนึ่งเวลากลับมาจากชั่วโมงเยี่ยมญาติเขาจะหิ้วของเยี่ยมกลับมาที่แดนแทบไม่ไหว แม้ว่าเพื่อนของผมคนนี้จะมีรูปร่างสูงใหญ่กล้ามเป็นมัดๆ แม่ของเขาแก่มากแล้วจนเวลาเดินไปไหนมาไหนต้องมีไม้เท้าช่วย แต่แกก็อดทนหอบหิ้วของมากมายมาจากบ้าน และที่น่าประทับใจมากที่สุดก็คือของที่แม่นำมาเยี่ยมทุกครั้งนั้นมีขนมสารพัดเหมือนกับมาเยี่ยมเด็กๆ
ลูกไม่เคยโตในสายตาแม่จริงๆ
ในแต่ละปีผมมักจะเห็นภาพประทับใจเกี่ยวกับความรักของแม่ที่มีต่อลูกอยู่เสมอ นั่นก็คือทุกปีทางกรมราชทัณฑ์จะให้เรือนจำต่างๆ จัดกิจกรรมวันพบญาติใกล้ชิด เปิดโอกาสให้นักโทษชั้นดีได้พบกับญาติอย่างใกล้ชิด ทุกปีผมจะเห็นภาพนักโทษถือพวงมาลัยยืนรอแม่อยู่ที่บริเวณลานจัดกิจกรรม
หลังจากเจ้าหน้าที่ปล่อยให้ญาติเดินเข้าสู่บริเวณซึ่งจัดกิจกรรม ก็จะมีภาพนักโทษวิ่งเข้าไปกราบเท้าแม่ ก้มหน้าซบกับพื้นดินบริเวณปลายเท้าแม่ ขณะที่แม่จะใช้มือเหี่ยวย่นลูบศีรษะของลูกไปมา ปากก็พร่ำบอกว่า ไม่เป็นไรลูก ลูกสบายดีไหม
ทุกปีผมจะแอบอิจฉาปนเหงาในหัวใจ ผมอยากกอดคนที่ผมรักมากที่สุดเช่นนี้จัง แต่ท่านไม่อยู่ให้ผมได้กอดเสียแล้ว
ผมยังจำภาพเก่าๆ ได้อย่างตราตรึงใจ เป็นภาพแห่งความทรงจำในวัยเด็กหนึ่งในไม่กี่ภาพที่ยังเหลืออยู่
ตอนนั้นผมบวชเป็นสามเณรน้อย อายุประมาณ ๑๒ ปี ปรกติจะมีข้อห้ามสามเณรถูกเนื้อต้องกายสตรี ไม่เว้นแม้แต่แม่บังเกิดเกล้า แต่วันนั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะแม่ลืมตัวหรือเป็นเพราะทนแรงความคิดถึงไม่ได้ พอสามเณรน้อยเดินเข้ามาภายในบ้านแม่ก็โผเข้ากอด แถมยังฝากหอมอันชื่นหัวใจที่แก้มเณรน้อยอีกฟอดหนึ่ง จนป้าต้องมาสะกิด แม่จึงยอมปล่อยตัวสามเณรน้อยออกจากอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่น
วันนั้นสามเณรน้อยฉันอะไรไม่ลงเลยเพราะอิ่มใจในรอยจูบของแม่
จากวันที่พวกเราเริ่มต้นวิ่งออกกำลังกายยามเช้ารอบสนามหญ้าริมขอบกำแพงที่มองเห็นป้อมปืนรักษาการณ์ไกลออกไปจนกระทั่งวันนี้เป็นเวลาร่วม ๑๑ ปีแล้ว แต่ทั้งผมและชายหนุ่มแห่งชนเผ่าตามัง ยังคงมุ่งมั่นที่จะวิ่งออกกำลังกายต่อไป เพื่อรอคอยว่าสักวันหนึ่งพวกเราจะวิ่งไปถึงจุดหมายปลายทาง นั่นก็คืออ้อมกอดของพ่อแม่ที่มีความรักรอคอยเราอยู่