โดย คำข้าว

“สะมาริตัน” หรือ “สะมาเรีย” ซึ่งมักถูกใช้เป็นชื่อของสมาคม คลินิก บ้านพักผู้ยากไร้ในที่ต่าง ๆ นี้ มาจากเรื่องเล่าในพระคัมภีร์ไบเบิล

เป็นเรื่องที่พระเยซูทรงตรัสเล่า เพื่อตอบคำถามที่ว่า ใครกันบ้างที่ควรถือว่าเป็น “เพื่อนบ้าน” ที่เราควรจะรักเหมือนที่เรารักตัวเอง

เรื่องนี้มีอยู่ว่า

ชายคนหนึ่งเดินทางจากกรุงเยรูซาเลมไปยังเมืองเจริโค ระหว่างทางเขาถูกโจรปล้น แย่งชิงเสื้อผ้า ทุบตี และทิ้งเขาไว้จนเกือบจะตาย บังเอิญมีพระคนหนึ่งเดินผ่านไปทางนั้น แต่เมื่อประสบเหตุ พระก็กลับเดินผ่านและข้ามถนนไปอีกฟากหนึ่ง ต่อมาชายชาวเลวีที่เดินผ่านมาเป็นคนที่ ๒ เขาก็ทำเช่นเดียวกับพระ คนที่ผ่านมาเป็นคนที่ ๓ เห็นชายเคราะห์ร้ายนอนบาดเจ็บอยู่ก็สงสาร ไม่เพียงแต่เข้าไปช่วยดูแลทำแผลให้ด้วยน้ำมันกับเหล้าองุ่นเท่านั้น เขายังพาชายคนนั้นขี่ลาของตน เดินทางมายังโรงแรมแห่งหนึ่ง แล้วให้การดูแลรักษาพยาบาล

วันรุ่งขึ้น ก่อนที่ชายผู้ใจดีจะจากไป เขาให้เงิน ๒ เหรียญแก่คนดูแลโรงแรม พร้อมฝากฝังว่า “จงดูแลเขา หากท่านใช้เงินเกิน เมื่อฉันกลับมาจะใช้คืนให้”

ชายคนที่ ๓ นี้เป็นชาวสะมาริตัน ซึ่งในยุคนั้นคนยิวไม่คบหากับคนสะมาริตันเลย

เมื่อเล่าเรื่องนี้จบ พระเยซูทรงตั้งคำถามว่า ในบรรดาชายทั้งสาม ใครที่เป็น “เพื่อนบ้าน” ที่แท้จริงของชายเคราะห์ร้ายที่ถูกปล้น

ตอบไม่ยากเลย

จะว่าไป เรื่องนี้ก็มีประเด็นอื่น ๆ ให้ขบคิดมากกว่าจะเป็นการตอบคำถามตรง ๆ

ไบเบิลไม่ได้บันทึกชื่อเสียงเรียงนามของชาวสะมาริตันคนนี้เอาไว้ ผู้คนจึงจำได้แต่เชื้อสายของเขา

มีผู้อ้างว่า เรื่องของชาวสะมาริตันผู้ใจดีนี้เป็นเรื่องราวในไบเบิ้ลที่โดนใจคนอเมริกันที่สุด และคำว่า The Good Samaritan เป็นคำที่สื่อมวลชนชอบใช้ ค่าที่มันจับใจและสร้างจินตนาการให้ผู้อ่านผู้ฟังมากที่สุดคำหนึ่ง