ศศิน เฉลิมลาภ
เล่าเรื่องปัญหาการอนุรักษ์ป่าไม้ จากสถานการณ์ปัจจุบัน
ที่ผู้เขียนเข้าไปพบและทำงานเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะในผืนป่าตะวันตกและพื้นที่ธรรมชาติอื่นๆ
สมัยที่หัวหน้าสืบ นาคะเสถียร ใช้ปืนยิงตัวเองตาย ประเทศไทยมีป่าไม้ลดลงประมาณปีละ ๑ ล้านไร่ ค่อนหนึ่งของพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง เทียบกับสนามฟุตบอลได้ ๒ แสนกว่าสนาม เมื่อลองคำนวณเล่นๆ ใน ๑ ชั่วโมงป่าไม้หายไป ๒๕ สนามฟุตบอล เป็นเช่นนี้มาตลอดจนถึงปี ๒๕๔๙
สถิติพื้นที่ป่าไม้ระหว่างปี ๒๕๔๙-๒๕๕๒ ทำให้ผมดีใจอยู่หลายปีว่าพื้นที่ป่าประเทศไทยเพิ่มมากขึ้นถึง ๒.๕๒ เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศไทยหรือราวๆ ๘ ล้านไร่ เปรียบให้นึกภาพออก พื้นที่ขนาดนี้ก็อยู่ราวๆ แปดเท่าของกรุงเทพมหานคร หรือเทียบกับสนามฟุตบอลก็ได้เกือบ ๒ ล้านสนาม นั่นคือในภาพรวมประเทศไทยเราฟื้นฟูป่าและลดการตัดไม้ลงได้หลังจากที่สถิติบ่งชี้ว่าป่าไม้มีพื้นที่ลดลงมาโดยตลอด
ไม่น่าเชื่อว่าสถิติพื้นที่ป่าไม้ที่เพิ่มขึ้นชัดเจนถึง ๓๔ จังหวัด จะมีชื่อจังหวัดเจริญๆ อย่างภูเก็ต ลำปาง พังงา อยู่ด้วย แม้แต่จังหวัดอย่างเชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น อุบลราชธานี ชลบุรี สงขลา สุราษฎร์ธานี หรือสมุทรปราการ ก็ยังมีป่าเพิ่ม ส่วนจังหวัดที่ป่าลดลงมี ๒๒ จังหวัด ลดหนักๆ คือ น่าน แพร่ ตาก ประจวบคีรีขันธ์ นครพนม ตราด หลายจังหวัดป่าไม้เท่าเดิม
นั่นทำให้ผมใจชื้นอยู่หลายปี เพราะการสำรวจป่าไม้ทั้งประเทศไทยมิได้ทำกันทุกปี สี่ห้าปีถึงทำกันสักครั้ง ดังนั้นก่อนจะมีข้อมูลล่าสุดจากกรมป่าไม้ในปี ๒๕๕๖ ผมก็นำเสนอข้อมูลมาตลอดว่าป่าบ้านเราถึงยุคเพิ่มขึ้นแล้ว แต่ก็สร้างความสงสัยให้ใครต่อใครว่าจริงหรือๆ แม้แต่ตัวผู้พูดเอง เนื่องจากมีข่าวการทำลายป่าต่างๆ โดยเฉพาะทางภาคเหนือในจังหวัดน่าน ป่าริมแม่น้ำสาละวินที่แม่ฮ่องสอน การรุกป่าใต้เพื่อเปลี่ยนเป็นปาล์มน้ำมัน และการรุกป่าโดยรีสอร์ตหรูต่างๆ
เมื่อไม่มีสถิติใหม่ให้กล่าวอ้าง เราก็ต้องเชื่อไปพลางๆ ว่าป่าเราเพิ่ม แม้จะถูกสั่นคลอนความรู้สึกจากข่าวต่างๆ ปีที่แล้วผมลองนำคดีบุกรุกป่าช่วงหลายปีมาเปรียบเทียบก็พบว่ามีจำนวนคดีเพิ่มขึ้น
ถามว่า ทำไมป่าประเทศไทยยังคงถูกทำลาย ผมเคยวิเคราะห์ว่ามาจากสี่เรื่องหลักๆ
๑) ทุกภาคส่วนยังขาดจิตสำนึกในการรักษาป่าอย่างจริงจัง ทั้งภาคธุรกิจ-รัฐ-ชาวบ้าน ลองคิดดู หากอ้างการเชื่อมโยงการค้าขาย ตัดถนนเข้าป่าร่นระยะทาง กับป่า จะเลือกอะไร สร้างเขื่อนในป่า ไม่ต้องเวนคืนที่ชาวบ้าน ได้น้ำแก้แล้งลดท่วม เอาไหม คำตอบเป็นเรื่องรู้ๆ กันอยู่ หรือกรณีมีคนมาบอกขายที่ป่า ที่ไร่ในป่า มีหรือที่ธุรกิจท่องเที่ยวจะตรวจสอบข้อกฎหมายก่อนว่าสถานภาพของพื้นที่คืออะไร ไม่มีเอกสารที่ดินก็ยอมซื้อ กล้าๆ ก็ได้ เหมือนคนอื่นๆ ที่ได้มาก่อน
๒) ปัญหาความยากจนของชุมชนที่อยู่ในผืนป่า (ประกาศเขตป่าอนุรักษ์ทับที่ชุมชน-ชุมชนขยายพื้นที่ไม่หยุด) และชุมชนประชิดขอบป่า เมื่อบวกกับการส่งเสริมการปลูกพืชเชิงเดี่ยวของทั้งนโยบายรัฐ (ยางพารา ปาล์มน้ำมัน) และบริษัทการเกษตรเอกชน (เช่น มัน ข้าวโพด อ้อย ส้ม) มีหรือที่คนจะไม่รับความหวังนี้ ยิ่งมีประกันราคาขายพืชผลเกษตรเหล่านี้ด้วย เสี่ยงรุกป่าเพิ่มพื้นที่ก็เห็นอนาคตกว่าทำอยู่แค่นี้ (ประมาณว่ามีครอบครัวกลางป่าอนุรักษ์จำนวนเกือบ ๑ ล้านครอบครัว มีพื้นที่เกษตรกรรมในป่าอนุรักษ์เกือบ ๑๐ ล้านไร่)
๓) หน่วยป้องกันรักษาป่าขาดการบริหารจัดการที่มีประสิทธิ-ภาพ “หน่วยป้องกันรักษาป่า” เป็นชื่อเรียกหน่วยย่อยสุดของกรมป่าไม้ที่ทำงานรักษาพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติซึ่งมักถูกปล่อยปละละเลยมาตลอด เวลาผมเข้าไปที่หน่วยมักไม่ค่อยเจอหัวหน้า ลูกน้องมีไม่กี่คน ขาดทั้งพาหนะและเชื้อเพลิง งบประมาณน้อย ที่สำคัญคือขาดการกวดขันดูแลแก้ปัญหาจากผู้บริหาร มีชื่อเสียงรู้กันในการรับเคลียร์ เก็บก๊อก บางครั้งก็มีข่าวว่ารุกที่ป่าเองบ่อยๆ ขอบเขตป่าสงวนมีแค่ไหน คนนอกมักไม่รู้ พื้นที่ส่วนใหญ่มักถูกรุกเป็นที่ทำกินไปมาก ป่าที่เหลือบนภูเขาโดดอยู่กลางไร่ก็ดูไร้อนาคต แต่กระนั้นข้อมูลการบุกรุกป่าในช่วง ๖-๗ ปีที่ผ่านมาเกิดในพื้นที่ดูแลของป่าสงวนแห่งชาติของกรมป่าไม้มากกว่าป่ากรมอุทยานแห่งชาติฯ ถึงสองเท่า
๔) พนักงานพิทักษ์ป่าขาดขวัญ-กำลังใจ เรื่องนี้มุ่งมาที่พนัก-งานซึ่งทำหน้าที่เดินลาดตระเวนตรวจตราป่าอนุรักษ์ในเขตอุทยานแห่งชาติและเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ซึ่งเป็นป่าที่เหลืออยู่ส่วนใหญ่ของประเทศ สถานการณ์การบริหารจัดการยังดีกว่าป่าสงวนแห่งชาติ มีหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าซึ่งมีอำนาจหน้าที่ชัดเจน มีพื้นที่รับผิดชอบซึ่งประกาศขอบเขตชัดแจ้ง มีหน่วยพิทักษ์ป่ากระจายทั่วพื้นที่ และที่สำคัญคือมีภารกิจต้องลาดตระเวนตรวจตรา แต่พนักงานเหล่านี้ก็เป็นเพียงชาวบ้านที่มารับการฝึกอบรมบรรจุเป็นพนักงานหรือลูกจ้าง เมื่อเทียบความรับผิดชอบ และความเสี่ยงอันตรายกับการเดินป่าขึ้นเขาลงห้วย ค่าตอบแทนและสวัสดิการในตำแหน่งพนักงานราชการนับว่าน้อยนัก มินับว่าอีกหลายคนยังเป็นเพียงลูกจ้างชั่วคราว
จัดทำจากสถิติพื้นที่ป่าไม้ปกคลุมรายจังหวัดปี ๒๕๕๖ ของกรมป่าไม้
สถิติระหว่างปี ๒๕๕๒-๒๕๕๖ ทำให้ผมประจักษ์ในข้อสงสัย พื้นที่ป่าลดลงถึง ๑.๘๗ เปอร์เซ็นต์ของพื้นที่ประเทศไทย หรือราว ๕ ล้านไร่ ประมาณห้าเท่าของกรุงเทพมหานคร หรือเทียบกับสนามฟุตบอลกว่า ๑ ล้านสนาม
คำนวณเล่นอีกครั้งก็พบว่าป่าหายไปชั่วโมงละ ๒๖ สนามฟุตบอล น่าจะมากกว่าสมัยที่พี่สืบเสียชีวิตด้วยซ้ำ ไม่น่าเชื่อว่าเราจะย้อนกลับมาทำลายป่าได้ขนาดนี้อีก
เมื่อนำพื้นที่รายจังหวัดมาเปรียบเทียบกับข้อมูลในช่วงที่ผ่านมา ยิ่งชัดเจนว่าจังหวัดที่เคยมีสถิติป่าไม้เพิ่มขึ้นในการสำรวจครั้งก่อน ๓๔ จังหวัด กลับลดลงเหลือเพียง ๙ จังหวัด จังหวัดที่พื้นที่ป่าไม้ลดลง ๒๒ จังหวัด เพิ่มขึ้นเป็น ๔๓ จังหวัด อย่างหนักก็ยังคงเป็นน่าน ตาก เพิ่มอุตรดิตถ์ ลำปาง เชียงใหม่ อำนาจเจริญ พังงา ภูเก็ต
หลายจังหวัดที่ป่าลดลงเคยมีป่าไม้เพิ่มขึ้นมาแล้วด้วยซ้ำ หลายพื้นที่ซึ่งสถิติป่าไม้คงที่ ป่าไม้ก็ยังลดลง
ล่าสุดป่าไม้ประเทศไทยยังเหลือมากพอสมควร ประมาณ หนึ่งในสามของประเทศยังคงเป็นป่า แต่หากทุกชั่วโมงป่าหายไป ๒๖ สนามฟุตบอล อีก ๑๐๐ ปีป่าจะหมดจากประเทศไทย
แต่คงไม่ต้องรอ ๑๐๐ ปีครับ แค่ป่าหายไปมากกว่านี้ อีกหน่อย น้ำท่วม น้ำแล้ง ดินถล่มจากภูเขาลงแม่น้ำ โคลนไหลท่วมทับชุมชน ก็จะเพิ่มขึ้นและรุนแรงจนเดือดร้อนกันทั่วทุกจังหวัดในไม่ช้า