๖๐ พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
๒ เมษายน ๒๕๕๘ นับเป็นวาระอันเป็นมหามงคลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีมีพระชนมายุ ๕ รอบ พระองค์ทรงเป็น “เจ้าฟ้า” ผู้เป็นที่เทิดทูนรักใคร่ของพสกนิกรชาวไทย ด้วยมีพระจริยวัตรอันงดงาม ไม่ถือพระองค์ โปรดฉลองพระองค์แบบเรียบง่าย มีพระอารมณ์ขันอยู่เป็นนิจ ที่สำคัญเราจะเห็นและรับทราบข่าวของพระองค์เสด็จพระราชดำเนินไปทรงปฏิบัติพระราชกรณียกิจเพื่อประโยชน์สุขของประชาชนมากมายแทบทุกวัน
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็น “เจ้าฟ้า” ผู้เปี่ยมด้วยพระอัจฉริยภาพหลายด้าน ทั้งวิทยาศาสตร์ ธรรมชาติวิทยา ประวัติศาสตร์ สังคมศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม ทรงได้รับการทูลเกล้าฯ ถวายพระสมัญญาว่า “วิศิษฏศิลปิน” ด้วยทรงมีผลงานด้านศิลปะหลายสาขา ทั้งวรรณศิลป์ สังคีตศิลป์ และทัศนศิลป์
นิตยสาร สารคดี จึงขอประมวลพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจสำคัญของพระองค์ใน ๖ ทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อร่วมเฉลิมพระเกียรติในวาระอันน่าปลื้มปีติยินดียิ่งนี้
นับถอยหลังอวสานกรุงศรี ฯ ๒๔๘ ปี “วันกรุงแตก”
คนไทยและแบบเรียนไทยนับเหตุการณ์ “เสียกรุงครั้งที่ ๒” เป็นความสูญเสียอันยิ่งใหญ่ของ “ประวัติศาสตร์ชาติไทย” ที่จะต้องจดจำและจารึกเพื่อเป็นบทเรียน
ต่อมาเรื่อง “กรุงแตก” กลายเป็น “ประวัติศาสตร์บาดแผล” ที่ทำให้เรามองเพื่อนบ้านอย่างพม่าไม่ดีนักในระดับจิตใต้สำนึก ด้วยมีภาพจำว่า “พม่ามาตีกรุง” และ “ลอกทอง” ไป ทั้งยังมองว่าหลักฐานยืนยันคือซากโบราณสถานภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาที่แทบไม่เหลืออะไรเป็นชิ้นเป็นอัน
ทว่า “ประวัติศาสตร์” ก็คือ “ประวัติศาสตร์” หลักฐานและข้อมูลใหม่ ๆ ทำให้สารคดี ชวนท่านผู้อ่านกลับมาทบทวนเรื่องราวที่เป็น “ปมใหญ่” ของประวัติศาสตร์ไทยอีกครั้ง
เพื่อที่ในอีก ๒ ปีข้างหน้า (๒๕๖๐) เราจะรำลึกการเสียกรุงครั้งที่ ๒ และเข้าใจเพื่อนบ้านได้อย่างแท้จริง