เรื่องและภาพ : พ่อนก
http://9dokkma.blogspot.com/
อยากเล่าเรื่องราวความประทับใจของวัยเด็กที่เกิดแรงบันดาลใจลุกขึ้นมาทำโน่นทำนี่อยู่เสมอ บางครั้งผู้ใหญ่มักเหมาว่า “เป็นการเล่นซนไปวันๆ” มองลึกลงไป การละเล่นทั้งหมดของเด็กนำพาไปสู่สิ่งสร้างสรรค์เสมอ ผมมองเห็นความสนใจของดลและแดนในแต่ละเรื่องซึ่งมักเกิดขึ้นเป็นช่วงๆ ถ้าแรงบันดาลใจยังมิได้บรรลุเป้าหมาย ความสนใจก็จะวนเวียนอยู่กับสิ่งเหล่านั้นจนกว่าจะได้ก้าวไปข้างหน้า เมื่อเรียนรู้และสัมผัสเพียงพอต่อความต้องการแล้วจะค่อยๆ เบนความสนใจให้สิ่งใหม่ๆ มาแทนที่ ขึ้นอยู่กับว่ามีความต่อเนื่องและเชื่อมโยงกับประสบการณ์เก่ามากน้อยแค่ไหน
ผีเสื้อยักษ์
ช่วงเด็กของดลและแดนที่มีแต่หนอนและผีเสื้อ ระยะนั้นมีผีเสื้อยักษ์หรือผีเสื้อแอตลาส (Attacus atlas) เป็นตัวชูโรง ด้วยเป็นผีเสื้อใหญ่ที่สุดในโลกโดยนับรวมทั้งผีเสื้อกลางวัน (butterfly) และผีเสื้อกลางคืน (moth) ผีเสื้อแอตลาสคือผีเสื้อกระท้อนนั่นเอง มันแปลงกายมาจากหนอนที่กินใบกระท้อน มีปีกลายสีน้ำตาลและขาว ลวดลายสีเข้มสลับอ่อน หนวดมีลักษณะเป็นขนนก ไม่เหมือนผีเสื้อกลางวันที่ดลและแดนเคยเห็นหลายชนิด ที่ตัวใหญ่สุดน่าจะเป็นผีเสื้อถุงทอง แต่ยังไม่เคยเห็นผีเสื้อแอตลาสซึ่งใหญ่กว่าและมีขนาดถึง ๓๐ เซนติเมตรตอนกางปีก นั่นคือมอธที่ใหญ่ที่สุด เวลาไปไหนมาไหนเด็กๆ จึงมักมองหาต้นกระท้อน ทุกครั้งที่ขี่จักรยานผ่านก็ไม่เคยพบสักที ความคิดของเด็กสองคนอัดอั้นอยู่ในใจ พ่อจึงหาวิธีถ่ายทอดจินตนาการออกมาให้เป็นรูปธรรมเสียบ้าง
มาทำผีเสื้อยักษ์กัน
เราลองทำหุ่นจำลองผีเสื้อแอตลาสด้วยไม้ ลอกแบบให้เหมือน…ให้ขยับปีกได้ด้วย พ่อเองพยายามนึกคิดไปตามลูกแล้วก็ชวนกันทำสิ่งที่เป็นไปได้ ดลได้ศึกษาลักษณะปีกและลำตัวอย่างละเอียดแล้ววาดลงกระดาษ แบ่งชิ้นส่วนเป็นปีกคู่บนและล่าง โดยวาดภาพชุดปีกไว้ข้างเดียวแล้วพับกระดาษเขียนก๊อบปี้คู่ปีกอีกข้าง ได้ปีกคู่เท่ากันแบบสมมาตร จึงลอกแบบลงบนไม้ฉลุ ดลพยายามเลื่อยไม้ฉลุอย่างทุลักทุเล พ่อต้องคอยช่วยและประกอบเป็นตัวจนสำเร็จ จากนั้นดลจัดการทาสีเลียนแบบผีเสื้อแอตลาสและทำให้ขยับปีกได้ แล้วพามันบินร่อนไปมาทั่วบ้านโดยมีน้องแดนวิ่งตามผีเสื้อยักษ์ไปด้วยความระทึกใจ
ไปจับหนอนยักษ์
จินตนาการกับความจริงที่สัมผัสได้แตกต่างกันมาก การที่จะลงลึกไปในโลกธรรมชาตินั้น ถ้ามีโอกาสและจังหวะเรามักจะไม่รีรอ คราวที่ “อาตู่” โทรศัพท์มาบอกให้ไปดูหนอนตัวโตเต็มต้นกระท้อนในสวนที่นครชัยศรี เรายกเลิกสิ่งที่จะทำในวันนั้นโดยไม่ต้องชั่งใจ “เราจะไปสวนอาตู่ที่นครชัยศรีกัน ไปดูหนอนตัวโต” เมื่อไปถึงเห็นต้นกระท้อนหน้าบ้านที่เหลือใบอยู่หร็อมแหร็ม มีหนอนสีเขียวอ่อนลำตัวประมาณกล้วยเล็บมือนาง ซึ่งถือว่าตัวใหญ่มากในบรรดาหนอนด้วยกัน บนหลังมีหนามและประแป้งขาวบางๆ ทั้งตัว คลานเกาะตามลำต้นเต็มไปหมด
ดลและแดนไม่รั้งรอ ลองจับหนอนใส่มือเหมือนชั่งน้ำหนัก หนอนหลายตัวไต่ลงมาจากต้นเพื่อไปกินใบไม้ต้นข้างเคียง ดลเตรียมกล่องใส่หนอนมาสองกล่องใหญ่ ถึงอย่างนั้นก็เห็นท่าจะเล็กไปสำหรับหนอนรุ่นใหญ่อย่างหนอนกระท้อน ดลกับแดนเก็บหนอนตามลำต้นด้านล่าง ส่วนแม่หน่อยปีนบันไดเก็บตามกิ่งบนต้น หนอนกระท้อนสองลังกระดาษและสองกล่อง ทั้งหมดประมาณ ๓๐ กว่าตัว จำนวนมากขนาดนี้จึงตัดสินใจกันว่า จัดแบ่งไว้เลี้ยงส่วนหนึ่ง ที่เหลือนำไปให้ “อาสุนันท์” ที่สวนผีเสื้อกรุงเทพฯ ดูแลโดยตรงจะดีกว่า ลำพังเราคงจะหาใบกระท้อนมาให้หนอนทั้งหมดกินไม่พอแน่ อาสุนันท์เตรียมพร้อมรอรับเจ้าหนอนด้วยต้นกระท้อนปลูกในกระถางใบโตสี่ต้น เด็กๆ ไปถึงก็รีบจัดการย้ายหนอนสู่บ้านใหม่ทันที อาสุนันท์บอกว่า ที่มีทั้งหนอนตัวโตและตัวเล็กก็เพราะมันกินอาหารไม่เท่ากันและออกจากไข่ในเวลาไล่เลี่ยกัน แต่ดูทีท่าว่าพวกหนอนจะกินอาหารอีกไม่นานแล้วก็จะเข้าดักแด้ซึ่งนานหลายเดือน ต้องรอคอยอย่างอดทนจนกว่าจะได้เห็นผีเสื้อแอตลาส ที่มหัศจรรย์สุดๆ ก็คือเมื่อเป็นผีเสื้อตัวเต็มวัยแล้วมันจะไม่กินอาหารอีกเลย
“แล้วมันเกิดมาทำไม ?” ดลตั้งคำถาม
ความรู้และเรื่องราวของผีเสื้อไม่ได้มีอยู่แค่ตัวหนังสือ แต่คือการถ่ายทอดข้อมูลที่เด็กๆ สนใจไปสู่ประสบการณ์สำคัญตามครรลองจากโลกจินตนาการสู่ความเป็นจริง และบางครั้งจากโลกความเป็นจริงกลับสู่โลกจินตนาการ