cover382กว่านิตยสารสารคดี ฉบับเดือนธันวาคมนี้จะอยู่ในมือผู้อ่านก็น่าจะใกล้วันสิ้นปีเก่า-ขึ้นปีใหม่

ถือเป็นวาระการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็นปรกติประจำปี

แต่ปีที่ผ่านมาคงไม่มีความเปลี่ยนแปลงใดกระทบกระเทือนจิตใจประชาชนชาวไทยเท่าการเสด็จสู่สวรรคาลัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช

ทุกคืนวันที่ ๓๑ ธันวาคมต่อวันที่ ๑ มกราคม ถ้าใครรอฉลองช่วงเวลาเปลี่ยนผ่านพร้อมเปิดโทรทัศน์นับถอยหลังก็จะได้ชมภาพพระองค์พระราชทานพรปีใหม่แก่พสกนิกรเสมอ

เป็นความคุ้นเคย ความศรัทธา และความปลื้มปีติ ที่มีมานานตลอดช่วงชีวิตที่จดจำได้

หลายคนอาจถือพรปีใหม่จากพระองค์เป็นพรที่ดีที่สุดของการเริ่มต้นปีใหม่

แต่ปีนี้ภาพนั้นจะไม่มีให้เห็นแล้ว…

จำได้ว่าพรปีใหม่ที่พระราชทานหลายครั้งมักเกี่ยวเนื่องกับสถานการณ์ในปีที่ผ่านมาทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย

น่าทบทวนว่าแล้วปี ๒๕๕๙ ที่กำลังจะผ่านไปนี้เป็นอย่างไร

ในระดับโลก ปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังทวีความรุนแรงถึงจุดสำคัญ ด้วยโลกร้อนสูงสุดทุบทุกสถิติ อุณหภูมิเฉลี่ยที่พื้นผิวมหาสมุทรทั่วโลก ๖ เดือนแรกของปี ๒๕๕๙ สูงที่สุดในช่วง ๑๓๖ ปี (จากสถิติอุณหภูมิที่บันทึกมาตั้งแต่ปี ๒๔๒๓) และเป็นอุณหภูมิสูงเกินค่าเฉลี่ยอุณหภูมิของศตวรรษที่ ๒๐ ต่อเนื่องมา ๔๐ ปีแล้วติดต่อกัน

ประเด็นร้อนแรงที่สุด คือระดับความเข้มข้นของคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศ ถือว่าทะลุขีดเกินค่า 400 ppm (parts per million – ส่วนในล้านส่วน) โดยไม่ลดลงต่ำกว่าค่านี้อีกแล้วตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา (ไม่กี่ปีที่ผ่านมายังมีช่วงเดือนที่ความเข้มข้นต่ำกว่า 400 ppm)

หมายถึงนับจากนี้ไป โลกที่เราอาศัยจะมีคาร์บอนไดออกไซด์สูงเกิน 400 ppm อย่างไม่มีวันหวนกลับ

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่านี่คือจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญ และในอนาคตประวัติศาสตร์จะต้องบันทึกเดือนกันยายนที่ผ่านมานี้ไว้

นับจากนี้การสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพและความมั่นคงทางอาหารจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกที่กำลังมาถึงระดับมากกว่า ๑.๕ องศาเซลเซียส ซึ่งทั่วโลกพยายามหยุดยั้งไว้ที่ระดับนี้เป็นแนวป้องกันไม่ให้อุณหภูมิเพิ่มสูงเกินกว่า ๒ องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศโลก โดยที่ผ่านมาคือความพยายามตั้งเป้าจะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้ลงมาอยู่ที่ 350 ppm

แต่เมื่อขึ้นไปถึงระดับ 400 ppm เสียแล้ว นักวิทยาศาสตร์หลายคนจึงเชื่อว่าเป็นเรื่องยากมากที่จะบรรลุเป้าหมาย

๒๕๕๙ เป็นปีที่แนวปะการังเกรตแบร์ ริเออร์ในทวีปออสเตรเลียกำลังตายด้วยสภาพปะการังฟอกขาวรุนแรงที่สุด และเริ่มเป็นที่ยอมรับว่าปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาวจะกลายเป็นเหตุปรกติที่เกิดขึ้นทุกปีกับแนวปะการังไม่แห่งใดก็แห่งหนึ่งในมหาสมุทร นั่นหมายถึงการสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของทรัพยากรสัตว์น้ำที่เป็นอาหารของคนบนโลก

ส่วนในโลกการเมืองและเศรษฐกิจ

สงครามในตะวันออกกลางที่ส่งผลให้เกิดคลื่นผู้อพยพเข้าไปในทวีปยุโรป ความขัดแย้งในการแสวงหาประโยชน์ระหว่างมหาอำนาจโลกอย่างสหรัฐอเมริกา รัสเซีย และจีน การออกจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ และผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา จะเป็นตัวแปรที่ยังสร้างความเปลี่ยนแปลงต่อไปในปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง

สำหรับประเทศไทย หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในช่วงปลายปี ๒๕๕๙ คือการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคสมัยแห่งรัชกาลที่ ๑๐ ในราชวงศ์จักรี ซึ่งถือเป็นประวัติศาสตร์สำคัญอีกหน้าหนึ่งของประเทศไทย

ส่วนสภาพเศรษฐกิจ แม้ขณะที่เขียนบทบรรณาธิการนี้จะยังไม่มีรายงานสรุปออกมาจากสำนักข่าวไหนแต่ทุกคนคงมีคำตอบของตัวเองจากที่รับรู้ในการประกอบอาชีพและการค้าขาย โดยเฉพาะสำหรับสื่อสิ่งพิมพ์คนทำหนังสือ นับเป็นปีที่มีข่าวนิตยสารปิดตัวมาตลอดแทบทุกเดือน พร้อมข่าวตัวเลขขาดทุนหนักของค่ายสื่อยักษ์ใหญ่เกือบทุกค่าย

สาเหตุสำคัญอย่างหนึ่งคือการใช้งบโฆษณาของภาคธุรกิจที่ลดลงถึงร้อยละ ๑๐ เฉพาะงบโฆษณาในนิตยสารต่าง ๆ หายไปกว่าร้อยละ ๒๖ โดยปัจจัยหนึ่งคือการเปลี่ยนไปโฆษณาในสื่อออนไลน์ที่กำลังเป็นช่องทางเสพข่าวสารของคนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ

ต้องยอมรับกับคุณผู้อ่านว่า นิตยสารสารคดี ได้รับผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงในปีนี้มากพอสมควร แต่จะนำไปสู่ความเปลี่ยนแปลงอย่างไร มากน้อยแค่ไหน พวกเรากำลังวิเคราะห์และมองหาทางออกสำหรับปีใหม่ที่คาดว่าสถานการณ์น่าจะยิ่งดุเดือดร้อนแรงไม่แพ้ความเปลี่ยนแปลงในภูมิอากาศโลก

ถ้าใครจดจำได้ ประเทศไทยเคยประสบวิกฤตเศรษฐกิจครั้งใหญ่เมื่อปี ๒๕๔๐ ใช้เวลานานหลายปีกว่าจะฟื้นตัว และในโอกาสวันขึ้นปีใหม่นั้น พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชพระราชทานพรปีใหม่ให้กำลังใจแก่ทุกคน ความตอนหนึ่งว่า

“ในปีที่ล่วงไปแล้ว ประเทศของเราต้องประสบกับภาวะผันผวนหลายอย่าง ซึ่งเกิดจากเหตุปัจจัยทั้งภายในและภายนอกประเทศ ทำให้กระทบกระเทือนอย่างมากถึงฐานะทางเศรษฐกิจ การคลัง การเมือง ตลอดจนชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไป ในปีใหม่นี้สถานการณ์ต่าง ๆ ยังมิได้มีทีท่าว่าจะคลี่คลายลงแต่ประการใด ดังนั้นทุกคนจึงควรจะได้รับรู้ความจริงข้อนี้ และเตรียมตัวเตรียมใจที่จะเผชิญกับภาวะนี้อย่างผู้มีสติ มีปัญญา มีความเข้มแข็ง และกล้าหาญ เพื่อประคับประคองตัวให้อยู่รอด และพร้อมที่จะก้าวต่อไปอย่างมั่นคง…

“ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านทั้งหลายตั้งความหวัง ตั้งความเพียรอันมั่นคงไว้ ที่จะช่วยตัวช่วยชาติให้หนักแน่นยิ่งขึ้น ทั้งด้วยการขะมักเขม้นทำงานให้เต็มกำลังความสามารถ ทั้งด้วยการดำเนินชีวิตอย่างระมัดระวังและเป็นอยู่อย่างพอเหมาะสม จะประพฤติปฏิบัติการใด ก็ยึดมั่นในประโยชน์ส่วนรวมและประเทศชาติเป็นเป้าหมายสูงสุด

“ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัยและสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันเป็นที่เคารพเลื่อมใสของชาวไทย จงปกปักรักษาท่านทั้งหลายให้ปราศจากภัยอันตราย และเหตุชั่วร้ายทุกสิ่ง บันดาลให้แต่ละคนมีกำลังกาย กำลังใจ กำลังปัญญา และกำลังสามัคคีอันแข็งแกร่ง พร้อมเพรียง สามารถที่จะประกอบกรณียกิจ นำพาประเทศชาติให้ดำเนินต่อไปโดยสวัสดี และสามารถที่จะธำรงอิสรภาพ อธิปไตย พร้อมทั้งความเจริญร่มเย็นเป็นผาสุกของบ้านเมือง ให้สถาวรอยู่ตลอดไป”

ถึงเวลาจากลาปีเก่าและทุกสิ่งที่ต้องจากไปอย่างไม่มีวันหวนคืนพร้อมกับสวัสดีปีใหม่และความเปลี่ยนแปลงใหม่ ๆ ที่จะมาถึง

ขอให้คุณผู้อ่านมีความสุขทุกท่านครับ…

สุวัฒน์ อัศวไชยชาญ
บรรณาธิการบริหารนิตยสารสารคดี
suwatasa@gmail.com

ฉบับหน้า – สืบตำนาน ขนมลูกหลานจีน