More Media

เก็บตกสาระ แนะนำสื่อภาพยนตร์ และสื่อแขนงอื่นๆ จากที่เห็นและเป็นไป ในและนอกกระแส


ยัติภังค์

taken-film
ในยุคที่ตลาดหนังแอ๊คชั่นถูกยึดความสำเร็จด้วยหนังซุปเปอร์ฮีโร่เต็มเมืองมากว่าสิบปีโดยเฉพาะการบุกตลาดของ มาร์เวล และดีซี คอมิคส์ รวมไปถึงซุปเปอร์ฮีโร่ทางเลือกอีกหลายคน ในปี ค.ศ.๒๐๐๘ Taken(ซึ่งผู้เขียนชอบตั้งชื่อเรียกเอาเล่นๆ แบบไทยว่า “ตาเขน”(ฮา)) ก็ปรากฎขึ้นมากลายหนังแอ๊คชั่นม้ามืดที่ประสบความสำเร็จขึ้นมา หนังทุนสร้าง ๒๕ ล้านเหรียญฯ ที่สร้างจากบริษัท EuropaCorp ของฝรั่งเศสเรื่องนี้ ทำเงินในสหรัฐอเมริกากว่า ๑๔๕ ล้านเหรียญฯ และสร้างที่ทางให้กับนักแสดงรุ่นลุงที่หลายคนคิดว่าไม่มีแรงจะเล่นอะไรใช้แรงกายแบบนี้แล้วได้ระดับหนึ่ง มิหนำซ้ำนักแสดงนำที่เล่นก็ไม่ใช่แอ๊คชั่นสตาร์แต่อย่างใด

เลียม นีสัน นักแสดงชาวไอริชที่ปัจจุบันวัย ๖๔ โด่งดังจากบทบาทที่ทำให้เข้าชิงออสการ์สาขานักแสดงนำชายอย่าง Schindler’s List(๑๙๙๓) แม้จะเคยรับเป็น ไควกอน จินน์ อาจารย์ของเหล่าเจไดใน Star Wars: Episode I – The Phantom Menace(๑๙๙๙) แต่ก็ห่างไกลจากการเป็นดาราหนังแอ๊คชั่น เขาเป็นที่รู้จักจากงานแสดงประเภทหนังชีวิตเสียเป็นส่วนใหญ่ Taken เป็นงานที่นีสันอยากลองทำอะไรใหม่ๆ ดูบ้าง โดยไม่คาดหวังเสียด้วยซ้ำว่าจะสร้างชื่อให้ตนแต่อย่างใด เขาคิดว่ามันจะเป็นหนังที่สร้างเพื่อส่งตรงตลาดโฮมวิดีโอเสียด้วยซ้ำ

Taken ถูกสร้างมาอีก ๓ ภาค เลียม นีสัน เองยังได้แสดงหนังกลุ่มแอ๊คชั่น และหนังระทึกขวัญสืบสวนสอบสวนอีกหลายเรื่อง อาทิ Unknown(๒๐๑๑), Non-Stop(๒๐๑๔), A Walk Among the Tombstones(๒๐๑๔) แม้ตัวนีสันเองจะเปรยๆ อยู่เหมือนกันว่าอาจจะแสดงหนังแนวนี้ได้อีกไม่กี่ปีเมื่อสองปีก่อน ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของตนว่าจะไหวแค่ไหนก็ตาม แต่ล่าสุดเขาก็อาจจะมีผลงานแสดงหนังที่เข้าข่ายในกลุ่มนี้ต่ออีกครั้งอย่าง Marlowe

ความสำเร็จของ Taken ยังทำให้เกิดกระแสแอ๊คชั่นสตาร์วัยเกษียณกลับมาเล่นหนังกันต่อเนื่อง อาทิ หนังชุด The Expendables หนังรวมดาราแอ๊คชั่นรุ่นเก่าผสมรุ่นใหม่ที่สร้างแล้ว ๓ ภาค, Red (๒๐๑๐) หรือ The Gunman(๒๐๑๓) ที่แม้แต่ ฌอน เพนน์ นักแสดงขายฝีมือก็มาชิมลางกับบทแอ๊คชั่นกับเขาเหมือนกัน

บทแทบทั้งหมดไม่ได้แปลกแตกต่างกันมันมาพร้อมบุคลิกตัวเอกผู้เป็นชายวัยเกษียณ รักครอบครัว แต่ในอีกด้านเขาก็มีทักษะทางการต่อสู้และเอาตัวรอดในระดับหาตัวจับยาก จัดการคู่ต่อสู้ในระยะประชิดทั้งปืน หมัด เท้า อย่างเลือดเย็น พละกำลังที่บ่อยครั้งก็ดูจะแกร่งเกินวัยไปมากระดับน้องๆ ซุปเปอร์ฮีโร่อย่างไรอย่างนั้น

ในอีกด้านการรับงานเหล่านี้ก็เป็นเสมือนการกอบกู้ชีวิตปกติของเลียม นีสัน เช่นกัน ดังเหตุผลในการรับงานแสดงต่อเนื่องแม้จะอายุมากแล้วของนีสัน ที่เปิดเผยกับ แอนเดอร์สัน คูเปอร์ ในรายการ 60 Minutes เมื่อปี ค.ศ. ๒๐๑๔ ว่ามาจากการเสียชีวิตของภรรยาที่อยู่กินกันมากว่า ๑๕ ปี เมื่อปี ๒๐๐๙ “ผมคงสภาพดูไม่จืดถ้าไม่มีงานทำ ไม่อยากดูเหมือนเป็นคนหมกมุ่นจมอยู่กับเศร้าโดยเฉพาะกับลูกๆ ครับ” เช่นเดียวกับที่เขาสัมภาษณ์กับนิตยสาร Esquire ในปี ๒๐๑๑ โดยมองว่าการฝึกซ้อมและจดจ่อกับงานให้ผลลัพธ์ออกมาดีนั้นเป็นเรื่องที่วางแผนได้ไม่ยากเลย

“แต่ความโศกเศร้านั้นเป็นเรื่องที่แปลก มันมาหาโดยไม่ทันตั้งตัว คุณคิดว่าจะร้องไห้แล้วก็ลืมๆ มันซะ คุณตั้งใจไว้เช่นนั้นแต่ไม่เคยทำได้เลย”

ไม่ต่างกันนักหากพิจารณาจากผลงานแจ้งเกิดของเขาอย่าง Taken ไบรอัน มิลส์ อดีตสายลับฝีมือดีที่หย่าร้างกับภรรยาซึ่งแต่งงานใหม่กับเศรษฐี เนื่องจากในอดีตมิลส์ทำแต่งาน แทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว เขาเกษียณตนเองมาอาศัยอยู่ใกล้ๆ ภรรยาและลูกเพื่อหวังจะทำหน้าที่พ่ออีกครั้ง แต่ก็ดูเหมือนจะสายไป…

ในภาคแรกมิลส์ต้องช่วยลูกสาวที่ถูกลักพาตัวให้รอดพ้นจากอาชญากรรมค้ามนุษย์ ในภาคสองเขาต้องช่วยภรรยาที่ถูกคนร้ายตามล้างแค้นตน และในภาคสามเขาต้องหาทางเอาตัวรอดจากการถูกปรักปรำ ทั้งสามภาคเกาะกุมอยู่กับประเด็นวิกฤตวัยกลางคน พ่อผู้เป็นห่วงลูกสาวที่ไม่อาจรับพฤติกรรมของเธอที่แตกต่างจากในวัยเด็กได้ ซึ่งอาจสรุปได้ว่ามันเป็นงานที่แสดงให้เห็นถึงการกอบกู้ชีวิตของคนรุ่นเก่าท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในชีวิต การต่อสู้กับคนร้ายสารพัดวิธีก็เพื่อทำความเข้าใจ และทำหน้าที่ของพ่อที่ดี หรือการใช้ชีวิตเช่นคนปรกตินั่นเอง

แหล่งอ้างอิง