วิชาสารคดี ๑๐๑ ศาสตร์ ศิลป์ เคล็ดวิธี ว่าด้วยการเขียนสารคดี


finalproject

1

“ค่ายสารคดี” เป็นค่าย “สร้างคนบันทึกสังคม”  ที่ไม่ได้มุ่งเพียงจะสร้าง “นักเขียน” และ “ช่างภาพ” ที่มีฝีมือเท่านั้น หากปรารถนาจะสร้างคนรุ่นใหม่ให้เป็นนักสารคดีที่ดีด้วย

กระบวนการพัฒนาทักษะฝีมือจึงดำเนินควบคู่ไปกับการปลูกสร้างจิตสำนึกในมิติอาสา-สร้างสรรค์  ท้ายกิจกรรมทุกครั้งจะมีช่วงเวลาสำหรับการแบ่งปันประสบการณ์และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดกับตัวเอง สะท้อนการเติบโตผลิบานด้านใน ในเชิงนามธรรม

ในเชิงรูปธรรม นักเขียนและช่างภาพรุ่นใหม่ทุกคนที่ได้ร่วมห้องเรียนกันมา จะมีผลงานที่ได้จากการลงมือทำ 3 ชิ้นหลัก และอีกหลายชิ้นย่อย  ดังที่ได้นำเสนอบางส่วนสู่สาธารณะแล้ว และจะนำเสนอต่อไป

 

2

“ค่ายสารคดี” เป็น “ห้องเรียน” จึงต้องมี”หลักสูตร” ซึ่งบางคนกังวลว่าจะเป็นกรอบเกณฑ์ที่กักหรือเกลาจนจิตวิญญาณอิสระของศิลปินเหี้ยนหาย ทำลายหน่ออ่อนแห่งความหลากหลายของปัจเจกชน จนกลายเป็นพิมพ์เดียวกันไปหมด

แต่ความจริงค่ายเพียงแค่สอนพื้นฐาน และตำราก็เป็นสิ่งที่โยนทิ้งได้  แต่ขอให้เป็นหลังจากที่เธอรู้จักและเข้าใจมันอย่างถ่องแท้แล้ว  และเธอโยนมันทิ้งก็เพื่อจะไปให้ไกลกว่านั้น

“หลัก” หรือ “สูตร” เป็นเรื่องชั่วคราวสำหรับการเริ่มต้น ในขณะที่ยังไม่รู้ว่าจะเขียนสิ่งที่อยากเล่าออกมาอย่างไร  เมื่อเป็นแล้วต้องไปต่อ แผ้วถางทางของตัวเอง

เมื่อนั้นแหละถึงจะเป็นนักเขียนเต็มตัว–นักเขียนที่มีลายมือของตัวเอง

 

3

4 เดือนที่เรียนรู้อยู่ด้วยกันมา ยาวนานพอที่จะทำให้ทุกคนเขียนได้ถ่ายรูปเป็น  ถือเป็นช่วงเวลาของการฝึกมือ ปูพื้นฐาน โดยมีครูคอยช่วยประคับประคอง ชี้แนะ ให้คำปรึกษาแบบ “พาขึ้นทางลัด” ทำให้นักสารคดีดีมือใหม่ไม่ต้องเสียเวลาลองผิดลองถูกกับสิ่งที่แน่นอนตายตัวอยู่แล้ว

แต่เมื่อค่ายจบ เป็นช่วงที่เธอจะต้องก้าวเดินเองอย่างเต็มตัว  ฐานะและความสัมพันธ์ของเราจะไม่ใช่แบบศิษย์กับครูอีกต่อไป  แต่ถือเป็นมิตรน้ำหมึกร่วมวงการ

ถัดจากนี้เมื่อได้อ่านงานของเธอ ครูจะไม่ขีดกาสั่งแก้แบบอ่านการบ้านนักเรียนอีกแล้ว แต่จะอ่านในฐานะผู้อ่านคนหนึ่ง

และครูจะไม่รับผิดหรือรับชอบ ต่อตัวตนหรืองานเขียนของเธอ

ถ้าเธอเติบโตไปเป็นนักเขียนฝีมือดีเด่นดังเป็นที่นิยมยกย่องในวงการ  ครูรู้ว่านั่นเป็นความสามารถของตัวเธอเอง ที่ค่ายอาจมีส่วนเสริมบ้างเพียงเล็กน้อย  และครูก็คงไม่ตามไปกล่าวอ้างว่า นี่ลูกศิษย์ฉันปั้นมากับมือ

หรือหากแม้นเธอแกว่งไปในทางตรงกันข้าม เป็นนักสารคดีที่แย่ของวงการ ครูก็จำต้องทำใจ  ไม่เหยียบย่ำ และคงไม่อาจปกป้อง

เธอและวิญญูชนย่อมรู้และเข้าใจ  ทุกคนต่างต้องเป็นตัวของตัวเอง เดินไปตามเส้นทางของตัวเอง รับมือ รับผิดชอบ และยอมรับกับผลที่เกิดขึ้นด้วยตัวเอง

ครูจะเพียงแต่ชื่นชมยินดี เอาใจช่วย และเป็นกัลยาณมิตร–บทบาทนี้เป็นให้กันได้ไม่มีวันจบ

 

4

ท้ายค่ายก่อนๆ ทุกปี ครูอรสม สุทธิสาคร พูดเสมอว่า นักเรียนอย่ามาเดินตามครู แต่ต้องไปให้ไกลกว่าครู

ผมจะพูดให้แรงขึ้นว่า ค่ายสารคดีศิษย์คิดล้างครูได้ ไม่ถือเป็นการอกตัญญูแต่อย่างใด

มาทำงานแข่งกัน ไม่ต้องออมมือ เอางานมาล้มล้างงานครู ให้เหนือกว่าที่ครูเคยทำมา

และไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไร มิตรภาพระหว่างเราจะยังแน่นแฟ้นไม่เสื่อมคลาย

 

5

ทำค่ายกันมา 13 รุ่น พวกเราทีมงาน-จัดกระบวนการกันอยู่ ณ ที่เดิม เหนื่อยแล้วหายเหนื่อย  ผ่านวันผ่านวัยไปทุกปี  และทุกปีก็มีคนรุ่นใหม่วัยเดิมเดินเข้ามาให้เราพบเจอ

การมาของเยาวมิตรทำให้พวกเราไม่เป็นคนรุ่นเก่าที่ล้าหลัง  ได้พบปะปฏิสัมพันธ์กับคนหนุ่มสาวของยุคสมัย พลอยพาให้เราได้เท่าทันชีพจรแห่งปัจจุบันไปด้วย

เธอมาเพื่อรับการสอน  แต่โดยที่เธอไม่รู้และครูไม่เคยบอก  พวกเธอก็ได้สอนครูไปด้วยในขณะเดียวกัน

มากมายหลายเรื่องราวที่ครูได้เรียนรู้จากศิษย์ทุกรุ่น  ในชั่วโมงเรียนเธอรับวิชาความรู้จากครู  แต่นอกชั้นเรียนมีหลายๆ เรื่องราวเธอรู้มากกว่าและครูต้องเป็นฝ่ายรับจากเธอ  ส่วนหลังนี้ครูต้องเป็นฝ่ายขอบคุณเธอ

เป็นการพบเจอที่เราต่างได้เป็นแสงสว่างให้แก่กัน

 

6

ค่ายจบแล้ว ถึงเวลาที่ทุกคนต้องไปตามเส้นทางของตัวเอง  และส่วนใหญ่คงไม่ใช่ทางสายสารคดี

เป็นเรื่องธรรมดาและไม่ได้มีปัญหาอันใด โลกต้องการความหลากหลาย จะให้ทุกคนเป็นนักสารคดีกันหมดได้อย่างไร  แต่ไม่ว่าเธอจะไปอยู่กับการงานในสาขาอาชีพใด ความรักการอ่านการเขียนก็ย่อมติดตัวเธอไปด้วยแล้ว

สำหรับคนที่ปักใจว่าจะไปต่อในสายสารคดี หนทางยังอีกยาวไกล  4 เดือนในค่ายเป็นเพียงจุดเริ่มต้น

งานเขียนหรือถ่ายภาพ ไม่ใช่จะเอาชนะได้ด้วยความเก่งด้านไอคิว และไม่สามารถเร่งบ่มให้รีบสุกอย่างผลไม้พาณิชย์  แต่ต้องอาศัยการสุกงอมแบบค่อยเป็นค่อยไปตามธรรมชาติ ต้องอาศัยระยะผ่านและการฝึกฝน

ยามเห็นความสำเร็จของคนอื่น พึงระลึกรู้เสมอว่านั่นเป็นปลายทางซึ่งมีเบื้องหลังอันนานไกล

หากตั้งใจมั่นต่อเส้นทางสายนี้ ก็ขอจงอดและทนรอได้  ไม่หันหลังจากไปเสียก่อนจะได้รับเสียงปรบมือ

ครูส่งเธอขึ้นฝั่งแค่ตรงนี้  ขอให้เดินทางต่อโดยสวัสดิภาพ

จนกว่าจะพบกันใหม่ บนเส้นทางสายนี้


veeวีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง

นักเขียนประจำกองบรรณาธิการ นิตยสาร สารคดี ที่มีผลงานตีพิมพ์ทั้งในนิตยสาร และตีพิมพ์รวมแล่มมากมาย อาทิ แผ่นดินนี้ที่อีกฟากเขา และแสงใต้ในเงามรสุม และ อีสานบ้านเฮ