อังคาร-เก็บตกจากลงพื้นที่
บางเรื่องที่ไม่ได้เขียนลงสารคดี…จากการลงพื้นที่ภาคสนาม
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมแถลงข่าวออกหมายจับ ๑๒ ผู้เกี่ยวข้องกับคดีล้มบอล เมื่อบ่ายวันอังคารที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ (ที่มาภาพ : fathailand.org)
>
ศึก โตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล ๒๕๖๐ เพิ่งรูดม่านปิดฉากเมื่อวันที่ ๑๘ พฤศจิกายน พร้อมความสำเร็จของสโมสร บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ลีกสูงสุดไปนอนกอดเป็นสมัยที่ ๕ ด้วยแต้มสูงสุดเป็นประวัติการ ๘๖ แต้ม ทิ้งห่างอันดับสอง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด ๑๔ แต้ม และมี ๓ ทีมที่ต้องร่วงหล่นชั้น
ก่อนสิ้นปี แฟนบอลไทยยังเหลือบอลถ้วยให้ได้ลุ้นกันอีก ๒ รายการ คือ ลีกคัพ ระหว่าง เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด กับ เชียงราย ยูไนเต็ด และเอฟเอคัพ นัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง เชียงราย ยูไนเต็ด กับ แบงค็อก ยูไนเต็ด
แล้วก่อนการแข่งขันที่ยาวนานจะสิ้นสุดลง ก็กลับเกิดเรื่องไม่คาดคิด
เมื่อสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติตั้งโต๊ะแถลงคดีประวัติศาสตร์ “การจับกุมขบวนการล้มบอลไทย”
หน้าตาของแอพลิเคชั่น AFC Integrity ซึ่งสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) พัฒนาร่วมกับบริษัทสปอร์ตเรดาร์ เพื่อให้แฟนบอล นักเตะ เจ้าหน้าที่ ร่วมตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของผลการแข่งขัน
>
เรื่อง “ล้มบอล” หรือ “ล็อคผลการแข่งขันล่วงหน้า” ไม่ใช่เรื่องใหม่ ทว่าไม่เคยมีครั้งใดที่การประกาศจับ “แก๊งค์ล้มบอล” จะชัดเจนเป็นรูปธรรมเหมือนบ่ายวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
ณ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ และ พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แถลงข่าวออกหมายจับผู้ต้องหา ๑๒ คน ประกอบด้วยนักฟุตบอลอาชีพ ๕ คน กรรมการผู้ตัดสิน ๒ คน ผู้บริหารสโมสร ๑ คน กลุ่มนายทุนหรือตัวแทนนายทุน ๔ คน จากการสอบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งทั้งหมดได้รับการประกันตัวไปแล้ว พร้อมชี้แจงว่าผู้ต้องหาน่าจะมีจำนวนมากกว่านี้ ขอตรวจสอบก่อนประกาศอีกครั้ง
พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า นี่เป็นคดีประวัติศาสตร์ ต้องรอดูต่อไปว่าศาลจะตัดสินอย่างไร ขณะที่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กล่าวว่าหากเปรียบคดีนี้เหมือนมวย นี่เพียงแค่การชกยกแรกเท่านั้น ยังไม่จบแค่นี้ ยังมีอีกหลายคนที่เกี่ยวข้อง จะพยายามสืบสวนหาหลักฐานและดำเนินการขจัดปัญหาให้หมดสิ้นให้ได้
ทั้งนี้ การแถลงข่าวเกิดขึ้นไม่กี่ชั่วโมงหลังสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี) ออกแอพลิเคชั่นใหม่ AFC Integrity ซึ่งเป็นแอพลิเคชั่นบนมือถือ พัฒนาร่วมกับพันธมิตรคือ บริษัทสปอร์ตเรดาร์ จัดทำขึ้นให้แฟนบอล นักเตะ และเจ้าหน้าที่ ร่วมตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของผลการแข่งขัน เพื่อช่วยให้เกมลูกหนังมีความโปร่งใส
ชีค ซัลมาน บิน อบราฮิม อัล คาลิฟา ประธานสมาพันธ์ฟุตบอลเอเชีย ออกแถลงการณ์ชื่นชมสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่แสดงจุดยืนต่อต้านการกำหนดผลการแข่งขัน
>
จากการสืบพยานหลักฐานของเจ้าหน้าที่ ตัวอย่างการแข่งขันที่ไม่ชอบมาพากล เช่น
วันที่ ๑๐ กันยายน ๒๕๖๐ การแข่งขันระหว่าง นครราชสีมา กับ สุพรรณบุรี
นัดนี้เว็บไซด์พนันบอลออกราคาจำนวนการทำประตูไว้ที่ ๒.๕ ประตู หมายความว่าจะต้องมีการทำประตู ๓ ลูกขึ้นไปถึงจะชนะพนัน คาดว่ามีการจ่ายเงินให้ผู้เล่นตำแหน่งผู้รักษาประตู ๓.๕ แสนบาท ก่อนที่ผลการแข่งขันจะออกมาเสมอกัน ๒-๒ ประตู เป็นไปตามที่นายทุนผู้ว่าจ้างกำหนดให้ล็อคผล
วันที่ ๒๖ กรกฎาคม ๒๕๖๐ การแข่งขันลีกคัพ รอบ ๓๒ ทีมสุดท้าย ระหว่าง อุบล ยูเอ็มที กับ ศรีสะเกษ
เซียนพนันกับผู้บริหารทีมฟุตบอล ติดต่อกรรมการกับนักฟุตบอล ๔ คน กำหนดผลการแข่งขันล่วงหน้าให้ทีมเป้าหมายชนะในครึ่งเวลาแรก ผลเมื่อจบครึ่งแรกทีมเป้าหมายขึ้นนำ ๑-๐ เป็นไปตามที่กำหนดไว้
>
หลังแถลงข่าวมีความเคลื่อนไหวตามมาจากต้นสังกัดของนักเตะทันที
สโมสร นครราชสีมา ประธานสโมสรออกมายืนยันว่าทีมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำของนักเตะ ขณะเดียวกันถือว่าทีมเป็นผู้ถูกกระทำ ทีมได้รับความเสียหาย หากศาลตัดสินว่านักเตะมีความผิดจริงก็จะตั้งทนายเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายเช่นกัน
สโมสร ราชนาวี เตรียมตั้งคณะกรรมการสอบสวนนักเตะในสังกัด หากผิดจริงจะให้ออกจากราชการ เป็นไปตามระเบียบราชการ
ส่วนสโมสรราชบุรี มิตรผล อาจตัดสินใจยกเลิกการเซ็นสัญญากับนักเตะที่ถูกตั้งข้อสงสัย
>
ทางด้าน ธเนศ เครือรัตน์ ประธานสโมสร ศรีษะเกษ เอฟซี ต้นสังกัดของ เชิดศักดิ์ บุญชู ผู้อำนวยการสโมสร ที่ตกเป็นผู้ต้องหา ยอมรับว่าทีมกำลังเผชิญกับผลกระทบครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ เมื่อบุคคลากรของสโมสรเข้าไปเกี่ยวข้องกับการล้มบอล แต่ก็ต้องเดินหน้าต่อไปและจะไม่มีการประกาศยุบทีมแต่อย่างใด
ธเนศให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ฟุตบอลสนามว่าทีมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ
“ตัวผมเองในฐานะประธานสโมสร และเจ้าหน้าที่ทุกคน ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เหล่านี้เลย และขอยืนยันว่าจะให้ท่านนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง เอาผิดให้ถึงที่สุด ถ้าเกิดต้องถึงสโมสรก็เอาให้ถึงที่สุด”
ทั้งนี้ ธเนศ เครือรัตน์ เคยเป็นผู้รับหน้าที่ประธานร่าง พรบ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.๒๕๕๖ ที่กำหนดโทษผู้กระทำผิดในจากการล้มกีฬา ประกาศใช้ในรัฐบาล นส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร กำหนดให้ผู้ตัดสินที่เรียกรับ หรือยอมรับทรัพย์สินต้องถูกลงโทษจำคุก ๑-๑๐ ปี ปรับ ๓-๖ แสนบาท หรือทั้งจำและปรับ ส่วนนักบอลและผู้ว่าจ้างมีโทษจำคุกตั้งแต่ ๕ ปี ปรับ ๒-๕ แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
หน้าแรกของ พ.ร.บ.ส่งเสริมกีฬาอาชีพ พ.ศ.๒๕๕๖
หน้า ๑๕ มาตรา ๖๔-๖๘ กล่าวถึงโทษอาญา
>
จากเหตุการณ์นี้ หนึ่งในรายชื่อที่สร้างความฮือฮาอย่างยิ่ง คือ ภูมรินทร์ คำรื่น ผู้ตัดสินที่ทำงานเต็มเวลาให้กับสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ และมีชื่ออยู่ในโผเชิ้ตดำของฟีฟ่า ค.ศ.๒๐๑๗
เฉพาะการแข่งขันฟุตบอลโตโยต้า ไทยลีก ฤดูกาล ๒๐๑๗ ภูมรินทร์ ลงเป่าถึง ๒๓ เกม ถือเป็นผู้ตัดสินที่ลงทำหน้าที่มากที่สุด และแจกใบเหลืองเยอะที่สุด ๘๙ ใบ สโมสรแบงค็อก ยูไนเต็ด กับ สุพรรณบุรี เอฟซี รับไปมากที่สุดทีมละ ๑๐ ใบ ส่วนบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด กับ ศรีสะเกษ เอฟซี รับไปทีมละ ๙ ใบ
หลังถูกตั้งข้อสงสัย เบื้องต้นคาดว่าภูมรินทร์จะถูกถอดออกจากสถานะพนักงานของสมาคม เช่นเดียวกับพ้นสภาพผู้ตัดสินฟีฟ่า ถึงแม้ว่าคดีจะยังไม่สิ้นสุด สามารถต่อสู้ในชั้นศาล ทั้งศาลชั้นต้น อุทธรณ์ ฎีกา
>
เชื่อว่าขบวนการล้มบอลในเมืองไทยนั้นมีแก๊งค์ใหญ่มากกว่า ๕ แก๊งค์ แต่ละแก๊งทำงานในพื้นที่ของตัวเอง
จากการแข่งขันฟุตบอลลีกที่แบ่งออกเป็น ๔ ระดับ ประกอบด้วยลีกสูงสุดเรียกว่า โตโยต้า ไทยลีก รองลงมาเป็น เอ็ม150 แชมเปียนชิพ, ยูโร่เค้ก ลีกโปร และยูโร่เค้ก ลีก
แต่ละแก๊งค์จะเน้นล็อคผลหรือล้มบอลเฉพาะบางลีก รวมถึงลีกล่างๆ ที่โต๊ะรับพนันบอลเปิดรับแทง แต่ไม่ค่อยถูกตรวจสอบผลการแข่งขันมากนัก อาจเพราะไม่ค่อยมีคนให้ความสำคัญ หรือจ้องจับผิดเหมือนลีกระดับสูง
มะเร็งล้มบอลจึงน่าจะมีตั้งแต่ลีกสูงสุดไปจนถึงลีกระดับล่าง เพียงแต่ยังไม่มีการสืบสวนหาผู้กระทำผิดในลีกระดับล่างอย่างจริงจัง
>
การล้มบอลไม่ได้เชื่อมโยงกับการพนันเพียงอย่างเดียว หากแต่ยังมีผลต่ออันดับตาราง การตกชั้น ผลประโยชน์ทางธุรกิจของสโมสร
การทุจริตก็ไม่ได้มีแค่การจ้างวานด้วยเงินทอง อันที่จริงการติดต่อกันด้วยการโอนเงินนั้นแก๊งค์มืออาชีพจริงๆ พยายามหลีกเลี่ยง เพราะมีหลักฐานให้ถูกจับได้ การตอบแทนกันยังสามารถทำได้ด้วยรูปแบบอื่นๆ อีกมากมาย เช่น การใช้อำนาจ บารมี เลื่อนตำแหน่งหรือโยกย้ายงาน หรือแลกเปลี่ยนกับพฤติกรรมบางอย่าง เป็นไปตามวัฒนธรรมการช่วยเหลือกันแบบไทยๆ
>
ก่อนนี้หลายประเทศเทศในอาเซียนซึ่งฟุตบอลลีกกำลังได้รับความนิยม เช่น มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม ต่างเคยจับกุมขบวนการล้มบอล นำตัวคนผิดเข้าคุกจนเป็นข่าวเกรียวกราวทั่วโลกมาแล้ว สิ่งที่ตามมาอย่างหนึ่งคือทำให้การเติบโตของฟุตบอลลีกชะงักงัน
เช่นเดียวกับลูกหนังไทย หลังการแถลงข่าว มีคนในวงการฟุตบอลจำนวนหนึ่งคิดว่า การประกาศว่ามีการล้มบอลในไทยลีกนั้นเป็นสิ่งไม่ถูกต้องและอาจ “แรง” ไป เสี่ยงต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลในอนาคตได้
อีกเหตุผลหนึ่งที่น่าสนใจ คือการจะประกาศอย่างเป็นทางการว่าลีกไทยมีการล้มบอล คดีจะต้องได้รับการตัดสินจากศาล มีหลักฐานชัดเจนก่อนหรือไม่ การออกหมายจับเป็นเพียงการคาดคะเนว่าใครน่าจะทำผิดเท่านั้น
>
หลังงานแถลงข่าวสิ้นสุดลง ท่ามกลางกองทัพสื่อมวลชนคับคั่ง ภาพลักษณ์ของวงการฟุตบอลไทยเหมือนจะดูดีขึ้นทันตา ขนาดประธานสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ เอเอฟซี ประกาศเกียรติคุณสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ที่แสดงจุดยืนต่อต้านการล็อคผลการแข่งขัน ทำเรื่องชื่นชมไปยังประเทศสมาชิก
แต่หากมองอีกด้าน เมื่อถึงวันที่เรากำลังจะเดินทางไปจนค้นพบหลักฐาน ประจักษ์พยานยืนยันว่าการแข่งขันฟุตบอลไทยตลอดช่วงที่ผ่านมามีการล็อคผล
ทั้งนักเตะ ผู้บริหารทีม กรรมการ หลายต่อหลายคนไม่ได้ต่อสู้กันด้วยสปิริตที่นักกีฬาอาชีพพึงกระทำ ศรัทธาที่เคยมีต่อวงการลูกหนังจะถูกท้าทายหรือไม่ ?
นี่คือสภาพจริงที่โหดร้าย
เมื่อเราเดินทางไกลมาจนถึงวันที่โรคร้ายกำลังจะได้รับการรักษา
เราอาจเพิ่งรู้ตัวว่า ไม่น่าเดินทางมาถึงจุดนี้เลย
หมายเหตุ : เก็บตกจาก คิกออฟลีกอาชีพ เจาะสนามไทยพรีเมียร์ลีก นิตยสาร สารคดี ฉบับที่ ๓๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๔
