putscienceพุธ-ไซแอนซ์

ติดปีกความรู้ทางวิทยาศาสตร์ทุกวันพุธ เพราะเทพเจ้าประจำดาวพุธคือ Mercury บุรุษเทพแห่งการสื่อสารที่ไปได้เร็วเท่าความคิด


1. จะเครียดทำไม? ดมกลิ่นตัวแฟนสิเธอ

จริงจัง เพราะกลิ่นตัวของแฟนหรือคู่รักช่วยเราได้

จากการวิจัยโดยมหาวิทยาลัยบริติชโคลัมเบีย ทำกันแบบรัดกุมกับคู่รัก 96 คู่ (ชาย-หญิง)

ให้ผู้ชายสวมเสื้อทีเชิร์ตตัวเดิม 24 ชั่วโมง ห้ามสูบบุหรี่ ฉีดน้ำหอม หรือกินอาหารกลิ่นฉุนบางอย่าง เพื่อเก็บกลิ่นเฉพาะตัวของเขาให้ติดกับเสื้อตัวนั้น

ส่วนผู้หญิงจะถูกผ่านด่านทำงานโน่นนี่ให้เกิดความเครียด และสุ่มให้ดมกลิ่นเสื้อทีเชิร์ตจากเสื้อซึ่งเตรียมไว้สามแบบ คือเสื้อที่ไม่เคยมีใครใส่ เสื้อคนแปลกหน้าใส่ และเสื้อของคู่รักเธอเองใส่ โดยจะตรวจสอบน้ำลายของเธอเพื่อเช็คระดับฮอร์โมนความเครียดที่ชื่อ คอร์ติซอล

ผลลัพธ์อันน่าทึ่งก็คือผู้หญิงที่สุ่มได้ดมกลิ่นตัวคู่รักจะมีความเครียดน้อยกว่า ทั้งก่อนและหลังผ่านด่านทดสอบ

และถ้าผู้หญิงจำกลิ่นตัวแฟนเธอได้ถูกด้วยแล้ว ก็จะยิ่งมีความเครียดน้อยลงไปอีกด้วย

เรื่องนี้จะกลับกันเลย ถ้าผู้หญิงได้ดมกลิ่นคนแปลกหน้า เธอจะยิ่งเครียด

นักวิจัยบอกว่างานนี้ใช้ผู้หญิงเป็นคนดมกลิ่น เพราะประสาทดมกลิ่นของผู้หญิงดีกว่าผู้ชาย

คำแนะนำจึงสรุปว่า หาทางเก็บกลิ่นตัวของคู่รักไว้ใกล้ตัว แก้เครียดได้แน่ แม้ตัวเขาจะไม่อยู่ใกล้เราตอนนี้

แล้ววิธีไหนดี เขาไม่ได้บอก

แต่แน่ๆ ใครเครียดเพราะยังหาแฟนไม่ได้ ต้องหาทางอื่นละนะ

อ้างอิง  : https://www.sciencedaily.com/releases/2018/01/180104120247.htm

2. โลกร้อน? แบคทีเรียในลำไส้ช่วยได้ !

มันคือแบคทีเรียชื่ออีโคไล E. Coli

แบคทีเรียกลุ่มนี้ส่วนใหญ่ทำประโยชน์อยู่ในลำไส้ของเรา โดยช่วยสร้างวิตามินบางตัว

แต่ที่เป็นตัวร้ายก็มี ทำให้เกิดอาการท้องร่วง อาหารเป็นพิษ

ถึงตอนนี้ มันอาจเป็นฮีโร่ช่วยกอบกู้โลกจากภาวะโลกร้อนที่กำลังอาละวาดหนัก โดยการช่วยกำจัดคาร์บอนไดออกไซด์ที่มนุษย์ปล่อยออกสู่บรรยากาศ

ทำได้ไง ?

นักวิทยาศาสตร์เขาพบว่าแบคทีเรียอีโคไล จะเจริญเติบโตในที่ขาดออกซิเจน และจะผลิตเอนไซม์ชื่อ FHL ออกมา

เจ้าเอนไซม์ FHL นี้ล่ะ สามารถจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ แล้วแปลงให้เป็นน้ำกรดชนิดหนึ่ง

ปัญหาก็คือ ในสภาพปรกติ การจับการแปลงนี้ใช้เวลานานมาก…และยังได้ผลไม่แน่นอน

นักวิจัยของมหาวิทยาลัยชีววิทยาศาสตร์ดันดีเลยคิดหาวิธีให้มันทำงานนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และด่วนทันใจ

วิธีการที่เขาพบตอนนี้ คือการจับอีโคไลที่มีเอนไซม์ FHL มาผสมกับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และก๊าซไฮโดรเจน ภายใต้ความกดดันอากาศสูง 10 เท่า

ผลคือไม่เหลือ การจับการแปลงก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 100 เปอร์เซนต์เต็ม! และเสร็จภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น

นักวิจัยบอกว่าเป็นไปได้ที่จะพัฒนาระบบนี้ให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น และจะกลายเป็น “โรงงาน” จับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เอาไปติดตั้งตามโรงงานอุตสาหกรรมทั้งหลายที่กำลังปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์กันอยู่

ขณะที่วิธีจับก๊าซคาร์บอนอื่นๆ ซึ่งกำลังทดลองกันนั้น ยังต้องปวดหัวกุมขมับว่าจะเอาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่จับได้ไปเก็บซ่อนไว้ใต้ดินที่ไหนดี

แต่วิธีใช้แบคทีเรียอีโคไล ไม่มีปัญหาเลย เพราะของเหลวน้ำกรดที่ได้ คือ กรดฟอร์มิก หรือกรดมด เป็นของเหลวไม่มีสี ละลายน้ำได้ และใช้ประโยชน์ต่อได้ในเชิงอุตสาหกรรม คือใช้เป็นตัวจับน้ำยางพารา ให้เป็นยางแผ่น ใช้ในอุตสาหกรรมฟอกหนังและย้อมผ้า ใช้เป็นน้ำยาฉีดละลายน้ำแข็งบนลานบินสนามบิน ฯลฯ

ใครจะนึกละว่า แบคทีเรียในลำไส้ของเรา จะเป็นกระสุนนัดเดียว ยิงได้สามต่อ ได้คาร์บอน ได้เงิน และได้กู้โลก

อ้างอิง https://phys.org/news/2018-01-biological-solution-carbon-capture-recycling.html


dumสุวัฒน์ อัศวไชยชาญ :

บก. ดำ ผู้ชอบจับแพะมาชนกับแกะ จับแมวโยนไปให้ถึงดวงดาว เพราะหลงเชื่อว่าจักรวาลนี้ไม่มีอะไรที่ไม่เกี่ยวข้องกัน