มุมมองเรื่อง “กัญชา” จากแอดมินเพจ “กัญชาชน” – รัฐพล แสนรักษ์
เรื่อง : สุเจน กรรพฤทธิ์ , อิสรากรณ์ ผู้กฤตยาคามี
ภาพ : ประเวช ตันตราภิรมย์

ต้นปีที่ ๒๕๖๑ ผ่านมา ประเด็นเรื่อง “กัญชา” กลายเป็นประเด็นใหญ่ของสังคมไทย เมื่อมีข่าวว่าจะมีการทดลองปลูกในหลักพันไร่ในภาคอีสานโดยความร่วมมือของหลายหน่วยงาน ทว่าไม่นานก็มีการปฏิเสธตั้งแต่ระดับหัวหน้า คสช. ลงมาจนถึงหน่วยงานบางหน่วยว่า ยังไม่มีการอนุญาตใดๆ เกี่ยวกับกิจกรรมดังกล่าว จนสร้างความสันสนให้กับใครหลายคน

ท่ามกลางกระแสข่าวดังกล่าว รัฐพล แสนรัก แอดมินเพจ “กัญชาชน” เฟซบุ๊กเพจยอดไลค์ระดับสามแสน รณรงค์เรื่องทำให้กัญชาถูกกฎหมายมาพักหนึ่งแล้ว ถึงตอนนี้เขาคือหนึ่งในคนที่ออกมาพูดและผลักดันการใช้กัญชาในฐานะ “ยา” และถ้าเป็นไปได้คือใช้ในกิจกรรม “สันทนาการ” โดยบริหารจัดการอย่างรัดกุมเช่นในต่างประเทศ

สารคดี คุยกับรัฐพล ว่าเหตุผลที่ผลักดันเรื่องนี้นั้นคืออะไร

หลายคนเข้าใจว่าคุณกำลังเสนอ “เปิดเสรีกัญชา”
พูดถึงยาเสพติดเราต้องเข้าใจพื้นฐานก่อน เครื่องดื่มอย่าง กาแฟ เหล้า โดยพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์ จัดอยู่ในสารเสพติด มีผลให้ตื่นตัวมีแรง แต่ถ้าใช้ในปริมาณไม่เหมาะสมก็มีอันตราย ผมกำลังเสนอว่าควรทำให้กัญชาถูกกฎหมาย เอาขึ้นมาบนดินเช่นเดียวกับเรื่องหวย ทำแท้ง โดยมีการควบคุมและบริหารจัดการ ขอบเขตมีแค่ไหนก็ต้องตกลงกันต่อไปจากการปรึกษาหารือ แต่ไม่ใช่บอกว่าสังคมไทยไม่พร้อมแล้วไม่เดินหน้าทำอะไร และที่ผ่านมาเรามีการจับกุมคนที่ใช้กัญชาด้วยจุดประสงค์ทางยาและสันทนาการโดยไม่จำเป็น จนผู้ต้องหาเสียประวัติ เสียอนาคตจากเรื่องนี้และรัฐก็ต้องมาเสียเวลาดำเนินคดีและคุมขังโดยไม่จำเป็น

อยากให้คุณอธิบายให้ชัด
“ข้อเสนอของเรามี ๒ เรื่อง เรื่องแรก เปิดทางเลือกให้คนใช้กัญชาในการรักษาโรคบางโรค จะรักษาแบบใดมากำหนดกันอีกครั้ง แต่ความจริงคือทุกวันนี้มีคนใช้ในการรักษาและผิดกฎหมาย ควรมีหน่วยงานเข้าไปตรวจสอบเรื่องการรักษาและผลข้างเคียงและสร้างมาตรฐานขึ้นมา มีการบริหารจัดการที่ดีกว่านี้ เราเป็นประเทศเกษตรกรรม เราสามารถปลูกและพัฒนายาจากกัญชาไปขายในตลาดโลกได้ ในระดับโลกตอนนี้ออสเตรเลีย แคนาดา สหรัฐอเมริกา อิสราเอล พยายามที่จะส่งออก ทำไมไทยจะทำไม่ได้ทั้งที่เราจะได้ประโยชน์มากมาย เรื่องที่สอง แก้กฎหมายที่ทำลายชีวิตคน เพราะคนที่เสพกัญชาด้วยเจตนาเพื่อการรักษาและสันทนาการกลับโดนจับกุมและเสียประวัติ ถูกสังคมประณามโดยไม่ควร

มีภาพภาพหนึ่งที่คนกลัวกันมาก เป็นภาพคนพี้กัญชาทั้งเมือง
นั่นเกิดจากจินตนาการ เราถูกสอนและสร้างความกลัวมาตลอด ความรับรู้แบบนี้เกิดขึ้นกับคนทั้งโลก มองว่าคนใช้กัญชาจะไปสร้างความรุนแรง คนที่เค้าใช้ก็ใช้ คนไม่ชอบก็ย่อมจะไม่มีใครไปไขว่คว้าหา เทียบง่ายคนดื่มเหล้า ก็มีกลุ่มคนที่เมาหัวราน้ำทั้งวัน คนกลุ่มนี้ส่วนหนึ่งคือคนที่มีปัญหาชีวิต แต่คนส่วนใหญ่คือคนที่ดื่มพอเหมาะ วันหนึ่งสักขวดแล้วก็กลับบ้านนอน คนใช้กัญชาก็อาจมีกลุ่มหนึ่งนอนกอดบ้องกัญชาไม่ทำอะไร ไม่ต่างกับคนติดเหล้าที่เมาทั้งวัน ที่ผ่านมามีตัวเลขของ UN แล้วว่ามีคนที่มีปัญหาจากการใช้ยาเสพติดมีร้อยละ ๑๐ จากทั้งหมด ดังนั้นการแก้ปัญหาของรัฐ รัฐไม่ควรเหมาว่า ๑๐๐ เปอร์เซ็นต์มีปัญหาหมด

มีอะไรยืนยันว่าคนที่เสพกัญชาจะไม่ไปทำอันตรายใคร
ไม่มีอะไรยืนยัน เป็นเรื่องของตัวบุคคล เราไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะไปทำร้ายใคร ที่เห็นออกข่าวกันบ่อย ๆ เราไม่เคยสืบต้นเหตุที่แท้จริง ข่าวและสื่อก็ตีข่าวไปทางนั้นหมด กัญชาหากใช้ก็ไม่ต่างกับเหล้า บุหรี่ กาแฟ สังคมไทยมองเรื่องกัญชาคล้ายกับเรื่องเด็กติดเกม แล้วก็โทษเกม เกมก็กลายเป็นจำเลยของสังคมไป หรือเมาไปวิวาทก็ไปโทษเหล้า แบบนั้นก็เป็นการเหมารวมเกินไป เรื่องนี้อยู่ที่การบริหารจัดการมากกว่า

เจ้าหน้าที่รัฐบางท่านเสนอว่างานวิจัยเรื่องกัญชาในบ้านเรายังไม่เพียงพอ ?
“เราจะมีงานวิจัยได้อย่างไรในเมื่อกฎหมายบอกว่าผิด และทางการไม่เคยอนุญาตให้มีการวิจัยจริงจังเพิ่งจะมาเริ่มไม่นานมานี้ที่ให้มหาวิทยาลัยรังสิตทดลอง ในต่างประเทศ อิสราเอล อเมริกา แคนาดา ยุโรป เรื่องนี้ทำกันมานานแล้ว ตอนนี้ถึงแม้ว่าจะมีสัญญาณเรื่องแนวคิดที่ผ่อนคลาย แต่เรื่องกฎหมายก็ยังไม่ชัดเจน พอมีการเปลี่ยนตัวรัฐมนตรี เปลี่ยนรัฐบาลเรื่องนี้ก็หายไปแล้วก็ต้องมาเริ่มกันใหม่อีก

มุมมองของเจ้าหน้าที่รัฐไทยต่อกัญชาตอนนี้เป็นอย่างไร ?
“ผมทำงานกับหน่วยงานรัฐหลายแห่ง เขามีมุมมองที่ดีขึ้น ยังคงมีบางเรื่องที่ภาครัฐมองว่ายังไม่ถึงเวลา เรื่องที่ภาครัฐกลัวคือ หนึ่ง จะควบคุมไม่ได้หากเปิดเสรี สอง กลัวการเกิดขึ้นของยาเสพติดชนิดใหม่จากการนำกัญชาไปต่อยอด ประเด็นหลักคือการควบคุม แต่ผมกลับมองว่านี่ไม่ใช่เรื่องของการ “ควบคุม” แต่เป็นเรื่องของ “การบริหารการจัดการ” เป็นเรื่องของการสร้างระบบขึ้นมาดูแล ผมคิดว่ารัฐควรมีแผนระยะสั้นและระยะยาวชัดเจน ภายใน ๕ ปี ทำอะไร ภายใน ๑๐ ปีทำอะไร ตอนนี้ถ้าคนจำนวนมากยังไม่สามารถยอมรับได้ก็ต้องแก้กันเรื่องความเข้าใจพื้นฐาน แต่ไม่ควรบอกว่าสังคมไม่พร้อมก็จะไม่ทำอะไรเลยแล้วก็ลงโทษกันไปตามระบบเดิม เรื่องสำคัญที่สุดคืออยากให้มีการแก้กฎหมาย ลดอัตราโทษของการเสพกัญชา จะปรับเงิน นำตัวไปอบรม ก็ว่ากันไป ตอนนี้มีหลายคนพยายามรวมกลุ่มเสนอกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ต้องยอมรับว่ากัญชามีทั้งข้อดีและข้อเสีย

อยากบอกอะไรกับสังคมไทยต่อข้อเสนอเรื่องการทำให้กัญชามาอยู่บนดิน ?
ผมอยากให้สังคมชั่งน้ำหนัก ด้านหลักหากเราทำให้มันอยู่บนดิน คนใช้จำนวนมากตอนนี้ใช้กัญชารักษาโดยที่ไม่รู้เลยว่าคุณภาพของมันเป็นอย่างไร มาจากไหน แบกรับความเสี่ยงอยู่แล้วทางสุขภาพ แถมยังต้องเจอกับกฎหมาย การทำให้อยู่บนดินเราจะได้ผลพลอยได้จากระบบเศรษฐกิจที่เคยอยู่ใต้ดิน เพราะที่ผ่านมาเราเอาไปปราบปรามดำเนินคดีกันเสียมาก ยังไม่นับกรณีที่ถูกรีดไถและ ฯลฯ เอาคนเหล่านี้ไปขังคุกก็ไม่ได้เป็นการแก้ปัญหา กลายเป็นนักโทษล้นคุกและร่วมกันฝึกวิชาที่ไม่ดีอยู่ในคุก เมื่อมองทั้งระบบเราน่าจะมาบริหารจัดการมันมากกว่า