อังคาร-เก็บตกจากลงพื้นที่
บางเรื่องที่ไม่ได้เขียนลงสารคดี…จากการลงพื้นที่ภาคสนาม
ประมวล เพ็งจันทร์ นักปรัชญา ผู้ใช้การเดินค้นหาความหมายของชีวิต ออกเดินระยะไกลครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๔๘ จากจังหวัดเชียงใหม่สู่เกาะสมุยบ้านเกิด จังหวัดสุราษฏร์ธานี ใช้เวลา ๖๖ วัน
ทันทีที่เดินทางมาถึงภูมิลำเนาก็เกิดความปีติ ตื้นตัน ขณะทรุดตัวลงคุกเข่ากราบแผ่นดินเกิดที่หน้าทอน มีจิตดวงหนึ่งปรากฏขึ้นมาว่าปรารถนาจะแสดงความเคารพเกาะด้วยการเดินประทักษิณ ๓ รอบ
ในปี ๒๕๕๖ อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยออกเดินรอบเกาะสมุยตามความตั้งใจเป็นครั้งแรก และครั้งที่ ๒ เกิดขึ้นเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๑ ที่ผ่านมา
การเดินประทักษิณคราวนี้นอกจากเพื่อแสดงคารวะเกาะและบรรพชนชาวเกาะ ยังเป็นการเดินเพื่อศึกษาธรรมชาติ…ทั้งภายนอกและภายในใจตน
ก้าวที่ ๑
“วันหนึ่งท้องฟ้าเปิด ผมมองทะเลละไมแล้วรู้สึกดี จำได้ว่าตอนเป็นเด็กการเดินทางไกลครั้งแรกคือการเดินทางจากลิปะน้อยซึ่งเป็นบ้านเกิดตัวเองไปละไมซึ่งเป็นบ้านของป้า การนอนบ้านป้าผมคิดถึงบ้านมาก คิดว่ามันไกลมาก ไม่เคยจากบ้านมาไกลขนาดนี้ ก่อนที่ป้าจะพาไปบ้าน ป้าให้ผมสัญญาก่อนว่าจะนอนบ้านป้าสัก ๓-๔ คืน ปรากฏว่าผมร้องไห้ทั้งคืน จนป้าต้องส่งกลับ
“แต่ชีวิตของผมในปัจจุบันที่แก่ตัวลง ผมมองออกไป เกาะที่เคยคิดว่ามีขนาดใหญ่มันแคบนิดเดียว กว้างนิดเดียว ผมเคยเดินรอบเกาะมาแล้ว ๑ รอบ ครั้งนี้จะเป็นการเดินรอบที่ ๒”
ก้าวที่ ๒
“การเดินครั้งแรกเมื่อปี ๒๕๔๘ ผมเตรียมตัวมาก เป็นการเตรียมตัวเชิงความคิด ทฤษฎีที่เรียนมาทั้งหมดถูกนำมาทบทวนเพื่อวางแผนการเดินทาง ผมเดินออกจากบ้านด้วยความรู้สึกหวั่นไหว หวาดกลัว แต่เจตนาของผมคือการเดินออกจากความหวาดกลัว ซึ่งผมก็รู้อยู่ในทฤษฏีว่าความกลัวเกิดจากความคิดปรุงแต่งถึงอนาคตที่จะปรากฏเกิดขึ้นข้างหน้า เพราะฉะนั้นเราต้องควบคุมความคิดให้ได้
“การเตรียมตัวครั้งนั้นเต็มไปด้วยเทคนิควิธีในการควบคุมความคิด ผมใช้สารพัดเทคนิควิธีที่ร่ำเรียนมา เรียกว่าถ้าผมไปฝึกวิทยายุทธมาจากสำนักไหน ผมก็เอามาใช้ทั้งหมด แต่เมื่อผ่านการเดินครั้งแรก มันก็เป็นการเดินที่ไม่ยากแล้ว เหมือนผมละความคิดปรุงแต่งที่ทำให้เกิดความกลัวได้ ผมนำความหมายตรงนั้นมาใช้ในปัจจุบัน การเดินหลังจากครั้งนั้นผมไม่ต้องเผชิญกับความกลัว เสบียงที่ผมเตรียมไว้ครั้งแรกสมัยที่เดินออกจากบ้านในปี ๒๕๔๘ ก็ยังกินมาถึงปัจจุบันนี้ ผมรู้ว่าอาหารที่เป็นข้าวน้ำผมคงขาดแคลน แต่อาหารในวิถีด้านจิตใจภายในผมมีกักตุนเพียงพอ ยังมีเหลือเฟือมาถึงปัจจุบัน”
ก้าวที่ ๓
“หลังการเตรียมการครั้งแรกที่ยุ่งยาก ผมก็ไม่ได้เตรียมการอะไรเลย ทุกครั้งที่จะไปเดินที่ใด ผมจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามันเป็นธรรมะจัดสรรหรือโอกาสจัดสรรให้ว่าผมยังมีชีวิตอยู่
“ก่อนเดินครั้งนี้ผมขึ้นไปอยู่บนภูเขา ๔ วัน ภาวนา ถือศีล งดเว้นอาหาร แล้วก็อยู่กับธรรมชาติ ตอนแรกตั้งใจว่าจะขึ้นไปอยู่คนเดียว แล้วก็มีน้องๆ ขอขึ้นไปใช้โอกาสร่วมกันด้วย ก็กลายเป็นสามคน
“วันแรกผมเดินไปทักทายต้นไม้ ทำประหนึ่งว่าเราเป็นเพื่อนกัน แล้วก็กอดต้นไม้ ต้นไหนที่พอกอดได้ก็กอด มีอยู่ต้นหนึ่งซึ่งกอดแล้วมันรู้สึกพอดี คือถ้าต้นใหญ่เกินไปเรากอดไม่รอบ แต่มีต้นหนึ่งซึ่งโตมากแล้วกอดพอดี ผมกอดนาน ผมน้ำตาไหลออกมาด้วยความรู้สึกดีกับการที่ได้สัมผัสต้นไม้เป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติที่เราเห็นอยู่ทุกวี่ทุกวัน แต่เราไม่เคยสัมผัสอะไรในความหมายที่มันมีความรู้สึกลึกซึ้งแบบนี้เลย”
ก้าวที่ ๔
“ยิ่งพอมาทราบจากคุณลุงที่ขึ้นไปเมื่อวาน ซึ่งเป็นเจ้าของที่แห่งนั้น ผมถามว่าต้นไม่ต้นนี้อายุสักเท่าไร แกบอกว่า พ่อของแกปลูก ผมถามว่าแกอายุเท่าไหร่ แกบอก ๘๐ ปี ตอนที่พ่อปลูกแกอาจจะอายุ ๑๐ หรือ ๒๐ ปี ถ้าเป็นอย่างนั้นต้นไม้ต้นนี้ก็อายุเท่าๆ กับผม
“ผมมีความรู้สึกว่าเราเกิดมาพร้อมกัน ผมคงต้องไปก่อน แต่ว่าขอให้ต้นไม้เติบโตมั่นคงอยู่กับแผ่นดิน โอบอุ้มดิน เก็บน้ำไว้ให้พี่น้องชาวเกาะของผมตลอดไป อย่าหักโค่นไปเสีย เป็นการสื่อสารที่ทำให้ผมรู้สึกดีครั้งหนึ่งกับการสื่อสารโดยที่เราไม่ได้ใช้ความคิดปรุงแต่งอะไร เป็นความรู้สึกดีที่ได้สื่อสารกับต้นไม้นั้น อาจจะฟังดูเป็นภาษาที่แปลกสำหรับพวกเราซึ่งคุ้นชินกับภาษาที่เป็นการสื่อสารกับมนุษย์ แต่ผมมีความเชื่อว่าเรามีความสามารถในการสื่อสารกับธรรมชาติได้ด้วย สี่วันที่อยู่บนภูเขาก็เหมือนว่าผมได้สื่อสารกับธรรมชาติ ผมรู้สึกดีเมื่อยามได้ยินเสียง ได้สัมผัส ได้นั่งได้นอนอยู่บนดิน เป็นความรู้สึกที่อธิบายเป็นถ้อยคำค่อนข้างยาก แต่รู้สึกได้ถึงความหมายของชีวิตของเรา”
ก้าวที่ ๕
“ผมขึ้นไปอยู่ในที่ที่ในอดีตผมไม่เคยขึ้นไปถึง เพราะว่ามันลึกมาก สมัยเป็นเด็กเราขึ้นภูเขาไม่ไกลก็เป็นป่าดงดิบแล้ว ในอดีตมีลิง ค่าง ชะนี เยอะแยะ ปัจจุบันไม่มีแล้ว แต่ยังมีงูมาปรากฏให้เห็น ตัวเท่าแขน สีเทาๆ เหลือบๆ ยาวสองเมตรได้ เขาเลื้อย ชูขึ้นมาดู แล้วก็ค่อยๆ เลื่อยไป
“ผมเห็นมด ยุง กิ้งกือตัวโตมาก แสดงว่าธรรมชาติยังดี ได้ยินเสียงนก เสียงใบไม้ แล้วมีความรู้สึกดี ผมปล่อยให้ความรับรู้เกิดขึ้น ไม่คิดปรุงแต่ง นี่เป็นวัตถุประสงค์ข้อหนึ่งของการเดินของผม คือเดินกลับสู่ธรรมชาติ เป็นความหมายลึกๆ ที่อธิบายค่อนข้างยาก แต่ก็เขียนไว้ให้เป็นหลักฐาน คือเรามาจากธรรมชาติ เราก็ควรจะกลับสู่ธร รมชาติ โดยความรู้สึกก็คือไม่รู้สึกขัดขืนที่จะกลับคืนสู่ธรรมชาติ ไม่รู้สึกแปลกแยก”
ก้าวที่ ๖
“มันเป็นความรู้สึกเชิงสัญลักษณ์ ตั้งแต่ผมออกเดินทางกลับบ้านมาจากเชียงใหม่ ผมเริ่มคุยกับมด กับไส้เดือน กับหมา ที่ผมคุยได้ไม่ใช่ไส้เดือนคุยกับผมนะ แต่ผมรู้สึกว่าเขาคุยได้ เขาสื่อสารอะไรบางอย่างกับผมได้ พูดไปก็เหมือนคนแก่บ้าๆ คนหนึ่ง ที่พูดคุยกับสิ่งต่างๆ ในความหมายที่คนทั่วไปบอกว่าคุยไม่รู้เรื่อง แต่ผมคุยรู้เรื่อง ตอนที่ผมโอบกอดต้นไม้ ผมรู้สึกได้ถึงความหมายที่ว่า เขาก็มีชีวิตอยู่บนเกาะนี้ การที่ผมได้กล่าวฝากฝังว่า คงต้องจากไปก่อนเพราะชีวิตผมเหลือน้อยเต็มทีแล้ว แต่ขอให้เขาได้มีชีวิตอยู่ยืนยาวบนเกาะนี้ ขอให้เติบโตเหมือนพี่ ถ้าใครได้ยินผมพูดแบบนี้ก็คงหัวเราะ นี่เป็นความรู้เชิงโบราณเต็มทีแล้ว แต่ผมมีความรู้สึกดีกับการกระทำแบบนี้”
ก้าวที่ ๗
“เมื่อคืนผมเล่าให้น้องที่ไปด้วยสองคนฟัง ว่าผมรู้สึกดี ผมมองเห็นเขาสองคนซึ่งอยู่ข้างล่างลงมา ผมบอกว่าขอบคุณมากเลยที่เขามาอยู่ในเหตุการณ์นี้ด้วย มันทำให้ผมเกิดความรู้สึกว่าจริงๆ ผมยังมีอะไรบางอย่างที่ต้องทำอยู่หรอก ดูสิมีคนหนุ่มสาวสองคน อยู่ข้างล่าง ผมเห็นอยู่ การเห็นสองคนนั้นมันเหมือนผมได้เห็นอะไรบางอย่าง ผมรู้สึกว่าเวลาหลังจากนี้ถ้าเหลืออยู่เท่าไหร่ก็คงใช้ไปหมด แต่ความจริงภารกิจผมจบแล้ว”
“ถ้าให้นับก้าวย่างการเดินของผม เดินครั้งแรกเหมือนเดินออกจากความคิด ละความคิดที่เป็นเหตุให้เกิดความกลัว การเดินต่อมาก็เป็นการเดินเพื่อ…จะเรียกว่าให้เกิดความรู้สึกเปลี่ยนแปลงขึ้นภายในตัวเรา เพราะโลกที่เราอยู่มันไม่ได้เปลี่ยนอะไร แต่ความรู้สึกของเรามันเปลี่ยนไปจากที่เราเคยกลัว เราอาจจะไม่กลัว จากที่รู้สึกรังเกียจเราอาจจะไม่รังเกียจ การเปลี่ยนแปลงแบบนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ”
“การเดินในปัจจุบัน ในครั้งนี้ที่ผมกำลังจะทำอยู่ ถ้าเป็นภาษาของผม ผมเดินเพื่อที่จะปลดปล่อยตัวผมเองกลับคืนสู่ธรรมชาติ เพราะว่าที่เราไม่เป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติเพราะเราไปคิดแยกแยะธรรมชาติ มีธรรมชาติส่วนที่เรากลัว ธรรมชาติส่วนที่เราปรารถนา แล้วพอเราสามารถทำให้มันสลายไปได้ ไม่มีอะไรที่เราจะต้องไปเป็นส่วนบวกส่วนลบ ตอนที่ขึ้นไปอยู่บนนั้นผมพบว่าทันทีที่เราไม่รู้สึกบวกลบ ก็มีความรู้สึกดี ผมยังรู้สึกดีเลยถ้ามีงู แล้วงูกัดผมก็ดีเหมือนกัน ผมจะได้จบชีวิตโดยไม่ต้องทุรนทุราย เจ้าพ่อเจ้าที่เจ้าทางได้มาต้อนรับผมแล้ว แต่ท่านก็ไม่ได้ทำอะไร ท่านคงอยากให้ผมอยู่ต่อ”
“การเดินรอบเกาะครั้งที่ ๓ ผมไม่ได้ตั้งใจ ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นยังไง ไม่รู้ครับ ผมรู้เพียงแค่ว่าครั้งนี้เป็นการเดินรอบที่ ๒ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่ามันจะเกิดอะไร การเดินครั้งที่ ๑ ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ทำให้เกิดผลที่มีญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงชาวเกาะจำนวนหนึ่งรู้สึกว่า มันมีอะไรบางอย่างที่ดีๆ ในครั้งที่ ๒ จึงยากให้เดินให้มากกว่าเดิม ผมก็ไม่รู้ว่าเดินครั้งที่ ๒ จบลงแล้วจะเป็นอย่างไร ผมไม่มีความคิดในเชิงปรุงแต่งว่ามันต้องเกิดอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็จะมีความรู้สึกดี ถ้าจะมีอะไรที่มันเกิดขึ้น เพราะครั้งนี้ผมรู้สึกเหมือนกับว่าผมทำหน้าที่…เมื่อเช้าก่อนที่จะลงมา ลุงเจต (สมเจต สมวงษ์ เกษตรกรท้องถิ่น) พาผมไปต้นน้ำที่เป็นที่มาของสายน้ำที่ใหญ่มากบนเกาะสมุย เมื่อก่อนมีน้ำตกที่สวยงามมาก ตอนที่ผมคุกเข่าลงเพื่อขอขมากรรมต่อแม่น้ำที่บรรดาญาติพี่น้องของผมรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เขาได้ทำให้มันเกิดภาวะเปลี่ยนแปลงกระทบกระเทือนต่อสายน้ำ ขอให้ท่านอย่าได้ถือโทษ นั่นเป็นการกระทำของพี่น้องของผมที่เขาต้องดิ้นรนต่อสู้เพื่อเอาชีวิตอยู่ให้ได้ในสังคมปัจจุบัน ขออย่าให้เป็นพิษเป็นโทษเป็นภัยเลย ถ้าหากจะมีการลงโทษทัณฑ์ใดๆ ขอให้ลงโทษลงทัณฑ์ผมเถิด ผมพร้อมจะรับโทษทัณฑ์นั้นทั้งปวง”
ก้าวที่ ๘
“ผมมีความรักความผูกพันกับพี่น้องชาวเกาะมาก ไม่ทราบว่าจะพูดว่ายังไงดี รัก ผูกพัน ทีนี้ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ผมเข้าใจว่ามันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดโทษกับวิถีชีวิตที่เขามีอยู่ เขาเหมือนรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เช่นตัวอย่าง เพียงแค่เขาใช้สารเคมีทำการเพาะปลูก ผลผลิตที่เกิดขึ้นจากเพาะปลูกนั้นก็เป็นผลผลิตที่มีอันตราย ไม่ว่าจะบริโภคเองหรือให้คนอื่นบริโภค ชีวิตของเขาจึงอยู่ภายใต้พื้นที่ซึ่งเต็มไปด้วยสารเคมี สารเคมีเหล่านี้ถูกผลิตขึ้นมาเพื่อทำลายสิ่งมีชีวิตบางอย่าง ที่เราไปตั้งชื่อว่าเป็นวัชพืช แย่งชิงอาหารจากพื้นที่ เราต้องการให้มันเติบโต แต่จริงๆ สิ่งที่เป็นธรรมชาติบนเกาะนี้มีความสมบูรณ์มากๆ เราเคยอยู่กันอย่างอุดมสมบูรณ์ เรามีพืชพันธุ์ธัญญาหารที่ดีมากๆ นานมาแล้ว ผมศึกษาประวัติศาสตร์โบราณ แม้กระทั่งกองเรือของชาวอินเดียที่จะเดินทางยังต้องมาเอาน้ำที่เกาะสมุยเลย เพราะน้ำที่เกาะสมุยเป็นน้ำบริสุทธิ์ ถ้าปัจจุบันก็คือน้ำแร่ที่ราคาแพง แต่ปัจจุบันน้ำบนเกาะสมยุเราไม่สามารถดื่มกินได้
“ความหมายที่เรากำลังพูดถึงคือเรากำลังทำให้สิ่งที่เป็นธรรมชาติมันเสื่อมสลายและเป็นโทษ ทั้งที่มันเคยเป็นคุณ การกระทำเช่นนี้ทำโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ทำโดยปรารถนาบางอย่าง แต่ก็ไปทำลายภาพรวมของธรรมชาติ ความรู้สึกแบบนี้ พอผมมองเห็นแล้วเกิดความรู้สึกรัก สงสาร แต่ผมไม่รู้จะทำยังไง ผมไม่มีความสามารถเพียงพอ ถ้าผมมีความสามารถเพียงพอและสามารถทำให้มันเกิดความรู้สึกเปลี่ยนแปลงได้ ผมจะร่ายมนต์ แล้วทำให้ทุกคนรักธรรมชาติ ทำให้ทุกคนกลับคืนไปสู่ธรรมชาติด้วยความรู้สึกที่ดี แล้วเราอยู่ด้วยความปรกติสุข แต่ผมทำไม่ได้ ผมไม่มีมนต์วิเศษนั้น”
ก้าวที่ ๙
“เล่าตรงนี้ให้ฟังเพราะการได้อยู่กับธรรมชาติก็เหมือนได้อยู่กับตัวเอง ได้เห็นความเป็นมาและเป็นไปในชีวิตตัวเอง ที่สำคัญคือเห็นว่าอีกไม่นานนับจากนี้ไปผมก็จะกลับคืนสู่ธรรมชาติ เป็นความรู้สึกดีที่ได้มาทบทวนสิ่งนี้ก่อนที่จะสลายกลายเป็นธรรมชาติ การได้ฟังเสียงธรรมชาติ ทำให้เกิดความรู้สึกดี ผมไม่เคยได้เกิดความรู้สึกดีแบบนี้มานานแล้ว ความรู้สึกดีแบบนี้ผมเคยมีประสบการณ์ตอนที่ผมเดินทางไปที่ภูเขาหิมาลัย ต้นน้ำคงคา ผมเกิดความรู้สึกตื้นตัน ปีติ แล้วอีกครั้งหนึ่งตอนที่ผมไปนั่งรอเดินทางรอบเขาพระสุเมรุ ที่ถ้ำที่สระอโนดาต เป็นความเชื่ออยู่ก่อนด้วยว่าสระนี้เป็นสระศักดิ์สิทธิ์ เมื่อพระนางพิมพาทรงพระสุบินว่าช้างเผือกจะมาลงสู่ครรภ์ คือพระพุทธเจ้าจะมาเกิด ท้าวจตุโลกบาลอัญเชิญนางให้ไปอาบน้ำเสียก่อนที่สระอโนดาต แล้ววันหนึ่งผมมีบุญได้ไปนั่งภาวนาที่นั่น เรานั่งทำสมาธิภาวนาที่นั่น รู้สึกได้ถึงความหมายที่เต็มตื้น ความรู้สึกมหัศจรรย์ ที่เกาะสมุยนี่เป็นอีกครั้งหนึ่ง ผมรู้สึกตื้นตัน มีความรู้สึกดีที่ตัวเองมีบุญได้ใช้ชีวิตมา แล้วก็จะมาจบชีวิตด้วยบรรยากาศที่หลังจากนี้คงไม่มีอะไรมากนัก”
ก้าวต่อๆ ไป
“การเดินประทักษิณคารวะเกาะให้ความหมายถึงการคารวะสิ่งที่เป็นเกาะในสภาพธรรมชาติ คือ แผ่นดิน แม่น้ำ ภูเขา ต้นน้ำ และเป็นการเคารพบรรพชนชาวเกาะสมุย นอกจากนี้ยังจะเป็นการเดินศึกษาธรรมชาติในใจตนเองและโดยรอบ เมื่อเราอยู่ในโลกใบนี้จะมีความหมายที่สำคัญในการมีชีวิตอยู่คือมีธรรมชาติภายในใจเรากับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว ส่วนใหญ่คนจะมีความรู้สึกขัดแย้ง แปลกแยก ขัดเคือง ด้วยเหตุธรรมชาติที่อยู่ในใจเราไม่สัมพันธ์กับธรรมชาติที่อยู่รอบตัว นี่จึงเป็นการเดินเพื่อหาความสัมพันธ์และสมดุลภายในใจ เดินกลับสู่ธรรมชาติอันเป็นหนึ่งเดียว ในความหมายที่เราจะไม่รู้สึกขัดขืน ไม่รู้สึกดิ้นรนที่จะปฏิเสธกฎเกณฑ์ของธรรมชาติ
“ต่อไปก็จะไม่มีผมอยู่บนโลกนี้ แต่มีเกาะสมุยอยู่”
หมายเหตุ : คำพูดในเรื่องเกิดขึ้นวันที่ 7 เมษายน 2561 ส่วนภาพประกอบถ่ายวันที่ 8 เมษายน 2561 อันเป็นวันแรกของการเดินประทักษิณรอบเกาะสมุย
- เก็บตกจากลงพื้นที่ : เดินตามครู “เดินกินห่อ สาวย่าน ตำนานหมุย” เกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี ๗-๘ เมษายน ๒๕๖๑