เก็บตกจากลงพื้นที่
บางเรื่องที่ไม่ได้เขียนลงสารคดี…จากการลงพื้นที่ภาคสนาม
การแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย “รัสเซีย ๒๐๑๘” ผ่านมาเกินครึ่งทาง จาก ๓๒ ชาติตัวแทนจากแต่ละทวีป บัดนี้เหลือเพียง ๘ ทีม พร้อมรสชาติแห่งความสุข สมหวัง ผิดหวัง เสียงหัวเราะ และคราบน้ำตา
ฟุตบอลโลกรัสเซีย ๒๐๑๘ อาจเป็นช่วงเวลาที่แฟนบอลได้เห็นนักเตะขวัญใจหลั่งน้ำตามากที่สุด
เราเห็น ซน ฮึง มิน ดาวยิงตัวความหวังทีมชาติเกาหลีใต้ร้องไห้อย่างไม่อายใครในห้องพักนักกีฬา หลังทีมโสมขาวพ่ายให้กับเม็กซิโกจนต้องกระเด็นตกรอบแรก ถึงแม้เหลือการแข่งขันอีกหนึ่งนัด เราเห็น เซร์คิโอ รามอส กัปตันทีมชาติสเปนกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่หลังพ่ายดวลจุดโทษให้กับรัสเซียเจ้าภาพบอลโลก ตกรอบ ๑๖ ทีมสุดท้าย
คงไม่ใช่เรื่องยากเกินความเข้าใจหากใครสักคนจะหลั่งน้ำตาให้กับความพ่ายแพ้ หากแต่น้ำตาของยอดกองหน้าคนหนึ่งกลับทำให้โลกทั้งโลกตั้งคำถาม
เขาคือ เนย์มาร์ ผู้สวมเสื้อหมายเลข ๑๐ ของทีมชาติบราซิล เต็ง ๑ ฟุตบอลโลกครั้งนี้
ย้อนเวลากลับไปเมื่อ ๔ ปีก่อน คือ ค.ศ.๒๐๑๔ ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่บราซิลเป็นเจ้าภาพ นักเตะทีมชาติบราซิลเคยสร้าง “sportsmanship moment” ที่ถูกกล่าวขวัญในวงการฟุตบอล ทั้งมิติที่น่าจดจำและคลางแคลงสงสัย
ตั้งแต่นัดพบกับเม็กซิโกในรอบแบ่งกลุ่ม ตั้งแต่ช่วงเข้าแถวร้องเพลงชาติก่อนเขี่ยลูกเริ่มเล่น เมื่อเสียงเพลงชาติบราซิลจบลง เนย์มาร์ก็ถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว เขาร่ำไห้ออกมากลางสนาม
เมื่อการแข่งขันดำเนินมาถึงรอบตัดเชือกหรือ ๔ ทีมสุดท้าย บราซิลกำลังจะฟาดแข้งกับเยอรมนี นัดนี้เนย์มาร์ได้รับบาดเจ็บจากเกมก่อนหน้า หมดสิทธิ์ลงสนาม เมื่อถึงช่วงเข้าแถวร้องเพลงชาติ นักเตะทีมชาติบราซิลก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว
แฟนบอลหลายคนรู้สึกซาบซึ้ง ตรึงใจ มีอารมณ์ร่วมกับภาษากายที่นักเตะทีมชาติระบายออกมา ทว่านั่นไม่ใช่กับ ริวัลโด้ นักเตะทีมชาติบราซิลระดับตำนาน ผู้เคยคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกเมื่อปี ค.ศ. 2002 มาแล้ว
“คุณสามารถมีอารมณ์ร่วม ใช้มันเป็นไฟขับเคลื่อน เป็นแรงบันดาลใจ แต่ไม่ใช่ให้มันหลั่งไหลออกมาเป็นน้ำตา ผมต่อต้านมัน มันเป็นการแสดงออกถึงความอ่อนแอ และไม่ช่วยทีม คุณต้องรู้สึกกระหายอยู่ภายใน และลงเล่นด้วยเลือดลมที่สูบฉีดอยู่ข้างในมากกว่า”
รุ่นพี่ทีมชาติยังให้ความเห็นกับอีเอสพีเอ็นสื่อดังของสหรัฐอเมริกาว่า “ถึงผู้เล่นของเราจะเป็นผู้เล่นชั้นยอด แต่พวกเขาไม่สามารถหวาดกลัวหรือแสดงความรู้สึกว่าถูกกดดันจากแฟนบอลได้ พวกเขาต้องลืมให้หมดว่ามีแฟนบอลในบราซิล ๒๐๐ ล้านคนกำลังจับตาอยู่”
ในทัศนะของริวัลโด้ตำนานเสื้อเบอร์ ๑๐ แห่งทีมชาติบราซิล เขาเชื่อว่าถ้าทัพแซมบ้าอยากคว้าแชมป์โลก นักเตะต้องใช้อารมณ์เป็นแรงบันดาลใจ มากกว่าปล่อยโฮออกมา
การแข่งขันระหว่างบราซิลกับเยอรมนีรอบ ๔ ทีมสุดท้ายจบลงด้วยชัยชนะของทัพอินทรีเหล็ก ๗-๑ ประตู บราซิลพ่ายแพ้ยับเยิน อดเข้าชิงฟุตบอลโลกที่ประเทศตัวเองเป็นเจ้าภาพ
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม แนวคิดเรื่องการหลั่งน้ำตาคล้ายการแสดงออกถึงความอ่อนแอของริวัลโด้ก็สวนทางกับความคิดของแฟนบอลหลายคน หรือแม้กับผลการวิจัย
นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยเยล สหรัฐอเมริกา ศึกษาพฤติกรรมผู้คนแล้วนำเสนอว่าคนที่หลั่งน้ำตาด้วยความปลื้มปิติหรือเห็นเหตุการณ์ประทับใจจะรับมือกับความเครียดได้ดีกว่าคนที่ไม่มีอาการเสียน้ำตา ผลการวิจัยยังระบุด้วยว่าการหลั่งน้ำตาช่วยรักษาสมดุลทางอารมณ์และควบคุมความเครียดได้
ไม่รู้ว่าเนย์มาร์จะได้อ่านงานวิจัยชิ้นนั้นหรือไม่อย่างไร
แต่ภายหลังการแข่งขันฟุตบอลโลก ๒๐๑๘ รอบแรกนัดที่ ๒ ระหว่างทีมชาติบราซิลกับคอสตาริกาจบลง เขาก็หลั่งน้ำตาออกมา
เป็นน้ำตาปริศนาที่แฟนบอลทั่วโลกอยากรู้นักว่ามันหมายความว่าอย่างไร
ทั้งๆ ที่เขายิงประตูได้ และนี่เพิ่งจะเป็นการแข่งขันรอบแรกนัดที่ ๒
มันอาจเป็นเพราะเกมระหว่างบราซิลกับคอสตาริกาเต็มไปด้วยความอึดอัด ของนักเตะทีมแชมป์โลก ๕ สมัย และเป็นเต็งหนึ่งในการแข่งขันครั้งนี้ ตลอด ๙๐ นาทีพวกเขาคุมเกมไว้ได้อยู่หมัด ครองบอลและมีโอกาสยิงประตูมากกว่า แต่ก็หาทางเจาะแนวรับคอสตาริกาไม่สำเร็จ กระทั่งเวลา ๙๐ นาทีของการแข่งขันก็กำลังจะหมดลง
ถึงช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ ๑ ฟิลิปเป้ คูติญโญ่ ผู้เล่นตำแหน่งกองกลางก็ยิงประตูให้บราซิลขึ้นนำสำเร็จ ก่อนที่เนย์มาร์จะยิงอีกประตูตอกย้ำชัยชนะ บราซิลเข่นคอสตาริกา ๒-๐ ในชั่วไม่กี่อึดใจก่อนกรรมการจะเป่านกหวีดหมดเวลาแข่งขัน วินาทีนั้นแฟนบอลบนอัฒจรรย์เฮลั่นราวฟ้าถล่มดินทลาย
ท่ามกลางบรรยากาศที่เพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลกำลังฉลองกับชัยชนะ เนย์มาร์กลับแยกตัวออกมา ทรุดตัวลงบนสนามหญ้า ซุกหน้าเข้ากับฝ่ามือแล้วร้องไห้
เมื่อกล้องจับภาพมาก็เกิดคำถามที่หลายคนสงสัย ทำไมกองหน้าตัวความหวังต้องร้องไห้
ข้อสงสัยได้รับการเฉลยในภายหลัง เมื่อเนย์มาร์โพสต์ข้อความลงอิสตราแกรมส่วนตัว
“ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่รู้ว่า ผมผ่านอะไรมาบ้าง กว่าจะมาอยู่ที่นี่ ลำพังแค่การพูด แม้แต่นกแก้วก็พูดได้ แต่การทำบางสิ่งบางอย่าง…มีไม่กี่คนเท่านั้นที่ทำได้ ผมร้องไห้ออกมาเพราะมีความสุข, เพราะชัยชนะ และความกระหายในชัยชนะ ในชีวิตของผมไม่เคยมีอะไรง่าย ผมขอแสดงความยินดีกับทุกคน พวกนายเยี่ยมมาก”
นักฟุตบอลหนุ่มวัย ๒๕ ปี เป็นผู้แบกความหวังของคนบราซิลทั้งชาติ รอบกายเขาคือเพื่อนร่วมทีมและแฟนบอลที่ต่างก็ยังยืนหยัดอยู่บนเส้นทางล่า “ดาวดวงที่ ๖” มาติดอกเสื้อ อันหมายถึงตำแหน่งแชมป์โลก ๖ สมัย
เมื่อสี่ปีก่อนแข้งแซมบ้าร่ำไห้อย่างไม่อายใครระหว่างร้องเพลงชาติ ก่อนที่ปลายทางพวกเขาจะคว้าอันดับสี่
มาบอลโลกหนนี้ น้ำตาที่แอบซ่อนความหวัง ความฝัน พลังใจ จะนำพาบราซิลสู่ตำแหน่งใดในเส้นทางเกียรติยศ
เก็บตกฯ : ฟุตบอลโลก รัสเซีย ๒๐๑๘ จากรอบแรกถึงรอบ ๑๖ ทีมสุดท้าย วันที่ ๑๔ มิถุนายน – ๓ กรกฎาคม ๒๕๖๑
ฐิติพันธ์ พัฒนมงคล
อีกภาคหนึ่งของ “เจ้าชายหัวตะเข้” นักเขียนสารคดีที่เรียนจบมาด้านวิทยาศาสตร์ สนใจปัญหาสิ่งแวดล้อม สังคม และกีฬาเป็นพิเศษ