24 เมษายน 2562 แฟนหนัง Avengers จะได้ชมตอนจบของสงครามล้างจักรวาล
ที่ “ทานอส” ใช้พลังวิเศษสลายร่างคนบนโลกและดาวต่างๆ ลง 50% หรือครึ่งหนึ่งแบบแรนดอม
เพื่อให้ระบบนิเวศของแต่ละดาวกลับสู่สมดุล
ทรัพยากรไม่ถูกทำลายไปจนสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ต้องสูญพันธุ์
บางคนว่าทานอสเป็นเผด็จการที่ใช้อำนาจตัดสินชีวิตคนอื่น
บางคนแอบเชียร์เล็กๆ ว่า ทานอสทำเพื่อเป้าหมายของส่วนรวม และทานอสเองก็ไม่ได้ต้องการเป็นเจ้าจักรวาล
นี่คือเรื่องราวในหนัง
แต่ในโลกจริง นักวิทยาศาสตร์ออกมาเตือนอย่างหนักแน่นแล้วว่า
โลกกำลังเข้าสู่ยุคการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ครั้งที่ 6 ของโลก
ที่เรียกว่า The Sixth Mass Extinction
มนุษย์เรากำลังทำตัวแย่เสียยิ่งกว่าทานอส
คือทำลายล้างสิ่งมีชีวิตหลากหลายเผ่าพันธุ์บนโลกให้ลดจำนวนไปถึง 50%
#การสูญพันธุ์ครั้งที่6
การสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ 5 ครั้งที่ผ่านมาซึ่งทำลายล้างสิ่งมีชีวิตบนโลกล้มตายไปจำนวนมาก
(มากกว่า 75% ของสิ่งมีชีวิตที่ดำรงชีวิตอยู่ในขณะนั้น)
เกิดจากหายนะทางธรรมชาติ อย่างดาวเคราะห์น้อยชนโลก
เช่นการสูญพันธุ์ของยุคไดโนเสาร์เมื่อ 65 ล้านปีก่อน
แต่ครั้งนี้เกิดจากฝีมือมนุษย์
ทั้งการล่า การทำลายถิ่นอาศัยของสัตว์ ทั้งป่าไม้ แม่น้ำ ทะเล
ปล่อยมลพิษสู่ธรรมชาติ ปล่อยสัตว์ต่างถิ่นรุกรานสัตว์ประจำถิ่น
และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ก่อปัญหาภาวะโลกร้อน
#อัตราการสูญพันธ์เร็วกว่าปรกติ 1,000-10,000 เท่า
สัตว์กว่า 26,500 ชนิด กำลังถูกคุกคามให้สูญพันธุ์
แบ่งเป็นสัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก 40% สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม 25% ปะการัง 33% นก 14%
ในอีก 50 ปีข้างหน้า สัตว์สะเทินน้ำสะเทินบก นก และสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม รวม 1,700 ชนิด มีความเสี่ยงว่าจะสูญพันธุ์ เพราะถิ่นที่อยู่อาศัยถูกทำลาย
นักวิทยาศาสตร์ประเมินว่าอัตราการสูญพันธุ์ที่เกิดจากฝีมือมนุษย์ขณะนี้เร็วกว่าอัตราการสูญพันธุ์ตามธรรมชาติ 1,000-10,000 เท่า
ใน 100 ปีข้างหน้า หรือปี 2119 โลกอาจไม่มีแมลงเหลือเลยสักตัว
แมลงกว่า 40% บนโลกกำลังลดน้อยลง
จำนวนผีเสื้อโมนาร์ชหายไป 900 ล้านตัว หรือ 90% ในช่วง 20 ปี ผึ้ง Rusty Patch Bumble Bee หายไปจำนวน 87% ในช่วง 20 ปี
จากการศึกษาพบว่าขณะนี้แมลงกำลังลดจำนวนลงในอัตรา 2.5% ต่อปี นั่นหมายถึง ใน 100 ปีข้างหน้า หรือปี 2119 โลกอาจไม่มีแมลงเหลือเลยสักตัว
ขณะที่แมลงช่วยผสมเกสรให้พืช ผลไม้ และยังเป็นแหล่งอาหารของนก ปลา สัตว์อื่นๆ อีกมากมายที่มนุษย์กินเป็นอาหาร ลองนึกสภาพดูว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อไม่มีแมลง
#ในปี 2050 แนวปะการังอาจตายลงทั้งหมด
50% ของแนวปะการังในโลกตายลงในช่วง 30 ปีที่ผ่านมาและมหาสมุทรกำลังร้อนขึ้นเร็วกว่าที่คาดกันไว้ถึง 40%
ยิ่งอุณหภูมิสูงก็ยิ่งเกิดปรากฏการณ์ปะการังฟอกขาว
คาดว่าในปี 2050 แนวปะการังอาจตายลงทั้งหมด
และอาจหมายถึงการพังทลายของระบบนิเวศใต้ทะเล
และไม่มีแหล่งอาหารจากท้องทะเลอีกต่อไป
ไม่นับความร้อนในมหาสมุทรที่เพิ่มขึ้นจะเร่งให้น้ำแข็งในขั้วโลกใต้และขั้วโลกเหนือละลายลงทะเลเร็วขึ้น ระดับน้ำทะเลจะสูงขึ้นท่วมพื้นที่ชายฝั่งทั่วโลก
#3-5ล้านปีสำหรับการฟื้นฟู
50 ปีข้างหน้าจะมีสิ่งมีชีวิตสูญพันธุ์ไปมากมาย คาดว่าอาจถึง 30-50% และคาดว่าต้องใช้เวลาถึง 3-5 ล้านปี ในการฟื้นฟูความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตตามวิวัฒนาการกลับคืนมาใหม่
แล้วมนุษย์จะอยู่รอดต่อไปอย่างไรในระหว่างนั้น ??
หรือนี่คือ End Game
อ้างอิง
- https://www.businessinsider.com/signs-of-6th-mass-extinction-2019-3#oceans-are-absorbing-a-lot-of-the-excess-heat-trapped-on-earth-because-of-greenhouse-gases-in-the-atmosphere-that-kills-marine-species-and-coral-reefs-13
- https://theweek.com/articles/823904/sixth-mass-extinction-explained
ภาพ ทานอส จาก : https://bgr.com/2019/04/08/the-first-full-scene-from-avengers-endgame/