ทว่าความพยายามของรัฐบาลในการตรึงราคาขายน้ำมันในประเทศส่งผลให้น้ำมันยิ่งขาดแคลนหนักขึ้นอีก เพราะบริษัทน้ำมันต่างพากันลักลอบนำน้ำมันออกไปจำหน่ายในตลาดภายนอกที่ได้ราคาดีกว่า หนึ่งในนั้นคือบริษัทซัมมิทฯ ผู้เช่าโรงกลั่นน้ำมันบางจาก ซึ่งทำผิดสัญญาเช่าหลายครั้งทั้งยังไม่ดูแลรักษาโรงกลั่นเท่าที่ควร ทำให้โรงกลั่นอยู่ในสภาพทรุดโทรม 

บริษัทซัมมิทฯ จึงต้องส่งมอบโรงกลั่นน้ำมันบางจากคืนแก่รัฐบาลในเดือนมีนาคม ๒๕๒๔ ปีเดียวกับที่มีการขุดพบแหล่งน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์
ครั้งแรกของประเทศ ที่กิ่งอำเภอลานกระบือ จังหวัดกำแพงเพชร และบ้านประดู่เฒ่า จังหวัดสุโขทัย และยังเป็นปีเดียวกับที่พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี ทำพิธีเปิดระบบท่อส่งแก๊สธรรมชาติจากมาบตาพุด จังหวัดระยอง ไปยังโรงไฟฟ้าบางปะกง นับเป็นการผลิตแก๊สธรรมชาติเชิงพาณิชย์ครั้งแรกของประเทศ อันถือเป็นหมุดหมายเริ่มต้น “ยุคโชติช่วงชัชวาล”
ที่ประเทศไทยจะได้พึ่งพาตนเองในด้านพลังงานมากยิ่งขึ้น

หลังจากรัฐบาลได้รับมอบโรงกลั่นบางจากคืนมา มีการเปลี่ยนชื่อโรงกลั่นน้ำมันซัมมิทฯ เป็น “โรงกลั่นน้ำมันทหาร (บางจาก)”
โดยมอบหมายให้กรมการพลังงานทหารบริหารงานด้านเทคนิค ร่วมกับการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) ที่ช่วยดูแลทางธุรกิจ ทว่าหลังจากดำเนินการต่อมาได้อีกไม่กี่ปี เกิดขาดทุนสะสมถึงราว ๔,๐๐๐ ล้านบาท จนกลายเป็นภาระหนักอึ้งของรัฐบาล และเริ่มมีผลต่อฐานะทางเศรษฐกิจของประเทศ 

ด้วยความช่วยเหลือด้านเงินกู้จากธนาคารโลก คณะรัฐมนตรีในสมัยของพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ จึงมีมติเมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๒๗ อนุมัติให้จัดตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาบริหารงานโรงกลั่น คือบริษัทบางจากปิโตรเลียม จำกัด ตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายปิโตรเลียมแห่งชาติ ซึ่งมีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน เพราะรัฐบาลในขณะนั้นเข้าใจดีว่าธุรกิจปิโตรเลียม
มีการแข่งขันสูงและมีความเปลี่ยนแปลงด้านราคาขายและต้นทุนตลอดเวลา จึงสนับสนุนให้บริษัทบางจากฯ มีอิสระ เอกภาพ และความคล่องตัวในการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับบริษัทเอกชน

โสภณ สุภาพงษ์

บริษัทบางจากฯ จดทะเบียนเป็นบริษัทจำกัดเมื่อวันที่ ๘ พฤศจิกายน ๒๕๒๗  ในการนี้รัฐบาลได้แต่งตั้งให้ “ซูเปอร์เค” เกษม จาติกวณิช (๒๔๖๗-๒๕๕๓) อดีตผู้ว่าการ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นประธานกรรมการคนแรก โดยมี โสภณ สุภาพงษ์ อดีตรองผู้ว่าการ การปิโตร-เลียมแห่งประเทศไทย (ปตท.) เป็นผู้จัดการใหญ่  พลเอกเปรมเล่าว่า

“ผมไม่เคยรู้จักคุณโสภณ (โสภณ สุภาพงษ์) มาก่อน คุณโสภณมาทำงานกับรัฐบาลผมตอนนั้นเขาอยู่ที่ ปตท. ได้เงินเดือนเป็นหมื่น ๆ สมัยก่อนมันเยอะนะครับ ผมพบเขาในที่ประชุม แล้วก็ได้รับคำบอกเล่าว่าคุณโสภณเป็นคนเก่ง เมื่อรู้จักกันพอสมควรแล้วผมก็บอกว่า คุณโสภณไปช่วยกันหน่อยเถอะ เขาก็ลาออกจากบริษัท ปตท. มาดูแลบางจาก มารับเงินเดือนไม่ถึงหมื่น…”

ในเบื้องต้น โสภณ สุภาพงษ์ ขอเวลา ๕ ปี เพื่อปรับปรุงฟื้นฟูกิจการโรงกลั่น  เขาเคยให้สัมภาษณ์ไว้ว่า 

“สิ่งที่ผมทำอันแรกคือตัดหญ้าให้เขา (พนักงาน) แล้วก็ซ่อมห้องน้ำทุกห้อง…เราช่วยทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ใกล้ตัวเขาหมด หาเครื่องแบบหาเข็มขัดนิรภัยใส่…ทุกอย่างที่เกี่ยวกับชีวิตผมให้ความสำคัญอันดับแรก…ปรากฏว่าจากที่ขอเวลา ๕ ปี พอ ๓ เดือนก็กำไรแล้วครับ”

ด้วยการอุทิศตนอย่างเต็มกำลังของผู้บริหารและพนักงานได้เปลี่ยนโฉมหน้าโรงกลั่นน้ำมันบางจากจากธุรกิจที่ไม่มีใครต้องการ กลายมาเป็นผลกำไรระดับ ๕๐๐-๘๐๐ ล้านบาทต่อปี ติดอันดับ ๑ ใน ๑๐ ของบริษัทที่มียอดขายสูงสุดของประเทศ จนได้รับการกล่าวขวัญว่าเป็น “ผลงานชิ้นงาม” จากยุครัฐบาลพลเอก เปรม ติณสูลานนท์

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ กับคุณโสภณ ที่โรงกลั่นน้ำมันบางจาก มกราคม ๒๕๓๐

“เมื่อรู้จักกันพอสมควรแล้ว
ผมก็บอกว่า คุณโสภณไปช่วย
กันหน่อยเถอะ เขาก็ลาออกจาก
บริษัท ปตท. มาดูแลบางจาก
มารับเงินเดือนไม่ถึงหมื่น…”

พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ นายกรัฐมนตรี