วิชาสารคดี ๑๐๑ ศาสตร์ ศิลป์ เคล็ดวิธี ว่าด้วยการเขียนสารคดี
๑.ค่ายจบคือสิ้นสุดเวลาในห้องเรียน จากนี้คือการออกไปสู่โลกจริง ซึ่งหัวใจห้องหนึ่งของงานศิลปะในการไปสู่การเป็นมืออาชีพ คือการฝึกทำซ้ำๆ พรสวรรค์ไม่สำคัญเท่าพรแสวง
๒.ไม่อาจได้มาด้วยความเก่ง ค่ายหลายๆ รุ่น หลายๆ ปีที่ผ่านมาสอนให้เรารู้ว่า งานเขียนที่ดีไม่อาจได้มาด้วยความเก่งเท่านั้น ศิษย์ค่ายหลายรุ่นที่แล้วมามีพื้นภูมิหลังที่แตกต่างหลากหลาย ตั้งแต่เด็กหนุ่มสาวธรรมดาๆ ไปจนถึงหัวกะทิจากคณะและสถาบันชั้นนำ แต่สิ่งเหล่านั้นไม่อาจชี้วัดด้านการเขียนและถ่ายภาพ คนเก่งอาจเริ่มต้นได้เร็วด้วยปัญญาและความเข้าใจ ทว่าถึงที่สุดแล้ว รางวัลตอนท้ายค่ายมักเป็นของคนที่มุ่งมั่น ขยันขันแข็งมากกว่า แต่นั่นก็ยังไม่ใช่สงครามครั้งสุดท้าย และเมื่อสงครามยังไม่จบ ก็ยังมิอาจนับศพทหาร ความสำเร็จบนเส้นทางการเขียน ต้องใช้เวลาอย่างน้อย ๑๐ ปี จึงพอจะชี้วัดนักเขียนคนหนึ่งได้บ้าง
๓.มาค่ายด้วยแรงบันดาลใจใดก็ตามแต่ มาอย่างตั้งใจ ไม่ตั้งใจ เข้าใจผิด ตามเพื่อนมา หรือแค่อยากเพิ่มหนาพอร์ทโฟลิโอให้ตัวเองก็แล้วแต่ ทีมคนทำแค่อยากบอกว่า เราเตรียมการและลงมือทำกันอย่างทุ่มเทสุดกำลัง เพื่อให้ ๔ เดือนนี้เป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำ และเป็นหลักหมายหนึ่งที่สำคัญในชีวิตวัยหนุ่มสาวของคนมาค่าย
๔.ค่ายเป็นห้องเรียน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ต้องมีครูและตำรา ทั้งนี้ก็เพื่อให้นักสารคดีมือใหม่เดินทางได้เร็วขึ้น ไม่ต้องลองผิดลองถูกกับสิ่งที่แน่นอนตายตัวอยู่แล้ว และครูก็ไม่ยอมให้ช่วงเวลาแห่งการฝึกตนของคนหนุ่มสาวแห่งยุคยมัยผ่านไปแบบเหลาะแหละ แต่ไม่ได้หมายความว่าครูเป็นผู้อยู่เหนือกว่า และตำราก็ไม่ใช่สิ่งที่ต้องยึดติด เมื่อความรู้ความเข้าใจในแก่นแท้ ได้ซึมซาบเข้าไปอยู่ในเนื้อตัวเราแล้ว ตำราก็เป็นสิ่งที่โยนทิ้งได้