วิชาสารคดี ๑๐๑ ศาสตร์ ศิลป์ เคล็ดวิธี ว่าด้วยการเขียนสารคดี
ภาพ Jidapa Naosaranwong
๕.นักเรียนก็สอนครูด้วย นี่คือความจริง ด้วยวัยวันที่ผันผ่าน อย่างเลี่ยงไม่ได้ที่คนรุ่นก่อนย่อมกลายเป็นคลื่นลูกเก่า แต่เขาจะไม่ตกยุคสมัย ทางหนึ่งก็ด้วยการได้เชื่อมโยงกับคนหนุ่มสาวของยุคสมัย และค่ายก็เอื้อให้เป็นอย่างนั้น จะโดยตั้งใจหรือไม่ หรืออาจโดยไม่รู้ตัว สี่เดือนในค่ายสารคดี มีบทเรียนมากมายที่นักเรียนเป็นฝ่ายให้แก่ครู
ภาพ : กฤต พรพิชิตภัย
๖.ตาบอดคลำช้าง ถ้าเคยได้ยินเรื่องนี้ นั่นล่ะสิ่งที่ครูสอนมาทั้งค่าย โลกของงานสารคดีนั้นช่างกว้างใหญ่ เกินคณาขอบเขต สี่เดือนที่เรียนกันมา เป็นเพียงส่วนหนึ่งในองคาพยพอันกว้างใหญ่จากมุมมองและความรู้อันจำกัดของครู ซึ่งต่อจากนี้นักสารคดีมือใหม่ต้องเป็นผู้ออกไปคลำและควานหาส่วนอื่นๆ เอาเอง
ภาพ : กฤต พรพิชิตภัย
๗.อย่าหวั่นไหวกับโลกออนไลน์ เป็นความเชื่อจากประสบการณ์ความรับรู้ส่วนตัวว่า โลกยังต้องการกระดาษ มนุษย์ค้นพบและอยู่กับสิ่งนี้มานานนับ ๓ พันปี มันคงไม่ถึงกาลสิ้นยุคหรือสูญหายไปแบบฉับพลัน ในช่วง ๒๐-๓๐ ปีมานี้ เรารู้เห็นกันอยู่ว่ามีเทคโนโลยีมากมาย เกิดมาแบบวูบวาบแล้วดับลับไป แต่กระดาษยังอยู่ และสิ่งนี้จะเป็นที่บันทึกงานเขียนและภาพถ่ายต่อไป และเป็นการบันทึกที่อยู่นานมากกว่าช่วงชีวิตของผู้สร้างสรรค์
ภาพ : กฤต พรพิชิตภัย
๘.บ้ากับมัน สามคำที่ใครไม่ได้ขอ แต่อยากบอก มืออาชีพหลายคนในหลากหลายอาชีพเคยพูดคำนี้ เมื่อได้รับคำชมว่า คุณเก่งจัง คำตอบจากเขาคือ เพราะฉัน-บ้ากับมัน
ภาพ : สุรศักดิ์ เทศขจร
๙.ค่ายจบ ความเป็นศิษย์เป็นครูก็จำต้องจบสิ้นลง จากนี้จะไม่มีการอ่านผลงานกันแบบจับผิด ขีดกา แก้ เอาออกมาแฉในกลุ่ม สั่งรื้อโครงเรื่อง ฯลฯ แต่จะอ่านอย่างผู้อ่านคนหนึ่ง ปลาบปลื้มและชื่นชมยินดี หากงานนั้นเป็นที่ถูกใจ และเอาใจช่วยหากรู้สึกว่ายังไม่ดีพอ แต่จะไม่มีการเรียกมาสั่งสอนว่ากล่าว เพราะผู้เขียนไม่ใช่นักเรียนอีกแล้ว แต่คือนักเขียนใหม่ตัวจริง จากนี้เราคือเพื่อนร่วมวงการ ความเป็นศิษย์เป็นครูสิ้นสุดลง แต่กัลยาณมิตรเป็นกันได้ตลอดกาล