เรื่อง : แซลลี คันทาร์
แปล : อัญชนา อัศวาณิชย์
ภาพ : ปิยะวิทย์ ทองสะอาด
เป็นเวลาหลายร้อยปีมาแล้วที่ผู้คนบนเกาะสี่พันเกาะหรือที่เรียกว่า “มหานทีสี่พันดอน” ของลาว ยังชีพอยู่ได้ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นเลือดชีวิตของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แม่น้ำโขงที่สง่างามนี้มีหลายโฉมหน้า จากแหล่งน้ำแข็ง “หลังคาโลก” ในที่ราบสูงทิเบต ไหลคดโค้งผ่านห้าประเทศ ด้วยความยาว ๔,๐๐๐-๕,๐๐๐ กิโลเมตร ก่อนจะลงสู่ทะเลจีนใต้ผ่านดินดอนสามเหลี่ยมปากแม่น้ำของเวียดนามตอนใต้
แม้ยังมีข้อถกเถียงถึงความยาวอันแท้จริงของแม่น้ำสายนี้ แต่ต่างก็เห็นพ้องกันว่า แม่น้ำโขงเป็นเส้นทางคมนาคมสำคัญที่สุดของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้คนในบริเวณรอบข้างต่างผูกชีวิตของพวกเขาไว้กับความชุกชุมของปลาจากลุ่มน้ำอันอุดมสมบูรณ์ซึ่งมีขนาดใหญ่มากกว่า ๘๐๐,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร ที่จริงแล้วแหล่งโปรตีนส่วนมากที่บริโภคกันในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้มาจากปลาน้ำจืดกว่า ๔ ล้านตันที่จับจากแม่น้ำโขงในแต่ละปี ทว่าการสร้างเขื่อนหลายเขื่อนเพื่อควบคุมสายน้ำนานาประเทศเส้นนี้ในปัจจุบันกำลังคุกคามขับไล่ประชากรท้องถิ่นผู้ยังคงมีชีวิตอยู่ร่วมกับ “มหานที” มานานตราบเท่าความทรงจำ
ความหลากหลายของสิ่งมีชีวิตในแม่น้ำโขงนั้นเป็นรองอยู่เพียงแม่น้ำแอมะซอนของทวีปอเมริกาใต้เท่านั้น ในบริเวณหมู่เกาะน้ำจืดของสี่พันดอนทางตอนใต้ของประเทศลาวนั้นมีปลาหลายร้อยชนิดซึ่งเป็นทั้งอาหารและแหล่งรายได้พื้นฐานของชาวบ้านนับพันครอบครัว
การก่อสร้างเขื่อนในเขตสี่พันดอนที่ฮู (ช่อง) สะโฮง ซึ่งเคยเป็นที่โจษจันกันในหมู่ชาวบ้านมาหลายปีกลายเป็นเรื่องจริงใน ๒ ปีที่ผ่านมา พร้อมกับคำสั่งจากทางการให้ชาวประมงหลายครอบครัวที่อาศัยอยู่ในเขตพื้นที่การก่อสร้างตัวเขื่อนย้ายถิ่นฐานจากบ้านไม้ใต้ถุนสูงตลอดแม่น้ำไปอยู่บนที่ดินใหม่ของเขตก่อสร้างที่อยู่ลึกเข้าไปในป่าทึบของเกาะสะโฮง โดยห้ามโต้แย้ง
ภาพถ่ายชุดนี้จึงอาจเป็นภาพชุดสุดท้ายที่นำเสนอการจับปลาครั้งสุดท้ายของผู้คนในท้องถิ่นนี้
มากกว่าสามชั่วอายุคนแล้วที่แต่ละบ้านได้สร้างและเก็บรักษาเครื่องมือจับปลาที่เรียกว่า “หลี่” พวกเขามีประเพณีวางหลี่ตรงจุดเดิมในแม่โขงช่วงต้นฝนที่เริ่มในเดือนพฤษภาคมของทุกปี และยกออกเมื่อน้ำไหลท่วมนาข้าวในปลายเดือนกรกฎาคม
เป็นเวลาหลายสัปดาห์ที่ชายหนุ่มในหมู่บ้านรอบ ๆ จะสร้างสิ่งก่อสร้างไม้สูงหลายเมตรในบริเวณที่น้ำไหลเชี่ยวตอนใต้น้ำตก แต่ละครอบครัวดัดแปลงรูปแบบเครื่องมือต่างกันเล็กน้อย และต่างก็มีจุดวางเครื่องมือประจำซึ่งจับจองกันมาหลายชั่วอายุคนตามกติกาของหมู่บ้าน เมื่อน้ำเริ่มสูงขึ้นและฝูงปลาอพยพเดินทางมาถึงน้ำตก เหล่าชาวประมงก็พร้อมจะใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนใกล้กับหลี่ของพวกเขา พวกเขาจะต้านทานกระแสน้ำที่รุนแรงด้วยการยึดตัวเองไปตามเชือกที่วางพาดผ่านกลางลำน้ำ หรือด้วยนั่งร้านไม้ไผ่ที่สร้างขึ้นเป็นพิเศษ โดยปรกติฤดูกาลจับปลาจะดำเนินต่อไปตลอดเดือนกรกฎาคมจนเมื่อแม่น้ำโขงมีพลังมากกว่าหลี่อันสุดท้ายจะต้านทานไหว
ในปีที่ดีนั้นชาวประมงอาจจับปลาได้หลายตันด้วยหลี่เพียงอันเดียว การจับปลานี้เลี้ยงครอบครัวไปได้หลายเดือน และยังอาจทำให้พวกเขามีเงินลงทุนเล็กน้อยเพื่อซื้อเรือลำใหม่ หรือตู้แช่แข็งใบใหม่ อย่างไรก็ตามถ้าระดับน้ำในแม่น้ำเพิ่มขึ้นรวดเร็วเกินไป หลี่ก็อาจถูกทำลายเสียหายก่อนที่ฝูงปลาจะมาถึงน้ำตก หากเป็นเช่นนั้นชาวบ้านไม่เพียงแต่เสียโอกาสในการจับปลา พวกเขายังต้องสูญเสียเงินลงทุนสร้างหลี่ใหม่ด้วย ซึ่งเป็นมูลค่าเท่ากับรายได้หลายเดือนทีเดียว
การจับปลาด้วยหอกเป็นวิธีจับปลาหลักในช่วงฤดูแล้งซึ่งน้ำในแม่น้ำโขงลดต่ำลง เป็นงานที่อันตรายมาก มีชาวประมงเพียงไม่กี่คนที่ชำนาญมากพอจะจับปลาด้วยวิธีนี้ได้อย่างปลอดภัยในชุมชนท้องถิ่นที่หาเลี้ยงชีพตามแบบแผนของแม่น้ำซึ่งดำเนินมาอย่างยาวนาน หัวหน้าแต่ละชุมชนยังเรียกขานกันว่า “สหาย” และครอบครัวทั้งหลายก็ดำรงชีวิตอยู่ด้วยปลาร้าเป็นหลัก ปลาร้าทำจากปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ไม่ค่อยเป็นที่ต้องการจากการจับปลาในแต่ละปี ส่วนปลาตัวใหญ่กว่าจะถูกแยกออกและมีพ่อค้าจากตลาดใกล้ปากเซมาแย่งกันซื้อด้วยความอยากทำกำไรในฤดูกาลจับปลา
ขณะที่นักสิ่งแวดล้อมคร่ำครวญถึงการสูญเสียความหลากหลายทางชีวภาพที่กำลังจะเกิดขึ้นทั้งจากโครงการสร้างเขื่อน
และการจับปลามากเกินไป ภาพชุดนี้ก็จะเป็นทั้งการเฉลิมฉลองและการไว้อาลัยต่อการสิ้นสุดของประเพณีเก่าแก่อันเป็นรอยแผลแห่งความสูญเสียที่เกิดจากการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
การห้ามวางหลี่เพื่อประโยชน์ต่อการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำ คือคำเตือนภัยล่วงหน้าถึงวิกฤตอันใหญ่หลวงของภูมิภาคและมนุษยชาติ เมื่อชาวบ้านหลายพันคนผู้เคยสามารถเลี้ยงดูตัวเองได้ อาจถูกผลักดันด้วยความยากจนและความหิวโหยให้อพยพไปยังประเทศอื่น ๆ ในอนุภูมิภาคของแม่น้ำโขง
หลี่เป็นทั้งตัวบ่งชี้จำนวนปลาที่อาศัยอยู่ในบริเวณนี้ และยังเป็นเครื่องมือแสดงถึงความยั่งยืนของประเพณีการจับปลา
หลี่จึงอาจถือเป็นสัญลักษณ์ของความอยู่รอดในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอน