เรื่องและภาพ : สุริยะ มงคลละ
หอนาฬิกาเรือนใหญ่ตั้งงามสง่าสู้แดดสู้ลมมาเป็นเวลาหลายสิบปี เข็มนาฬิกาหมุนไปไม่รู้กี่แสนล้านครั้ง ขณะที่หลายสิ่งหลายอย่างหมดสมัยจากความนิยมแล้วถูกกลืนหาย แต่ที่ตลาดท่าน้ำนนท์แห่งนี้ยังคงมีสิ่งที่อยู่ยงคงกระพัน ท่ามกลางเสียงเครื่องยนต์เรือคำรามเร่งเครื่องเตรียมข้ามฟาก เสียงเครื่องยนต์รถที่วิ่งไปมาและเสียงบีบแตรดัง ผู้คนทั้งวัยเด็กและวัยทำงาน รวมไปถึงพ่อค้าแม่ค้าที่ดำเนินชีวิตไปตามปรกติ
“สามล้อไหมครับ” คือเสียงจากนักปั่นข้ามกาลเวลาที่ยืนเรียกลูกค้าอยู่ที่วินสามล้อถีบหน้าตลาดท่าน้ำนนท์ พลังจากนักปั่นรับจ้างน่องเหล็กพร้อมจะพาผู้โดยสารและขนของสัมภาระไปถึงที่ต่าง ๆ ตามแต่ผู้ว่าจ้างในราคาเริ่มต้นที่ ๑๐ บาทแล้วแต่ระยะทาง
ตื่นแต่ฟ้ายังไม่สว่าง พาสามล้อคู่ใจมารอให้บริการลูกค้าตั้งแต่เช้ามืด จนแสงอาทิตย์ลับขอบฟ้าก็ยังคงมีบางคนขยันให้บริการจนถึง ๒-๓ ทุ่ม อยู่ที่ใจคนทำ ขยันมากก็ได้มาก ทุกคนเป็นเจ้านายตัวเอง
ยามเย็นในวันที่ลูกค้ามาใช้บริการแทบตลอดเวลาจนไม่มีช่วงพักให้สามล้อที่กลับมารอต่อคิว
สามล้อเมื่อได้ลูกค้า ปั่นพาไปส่งแล้วปั่นกลับมาจอดรอที่วิน มักใช้เพียงเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง บางครั้งบางคันวิ่งไปมาไม่ต่ำกว่า ๑๐ รอบ ด้วยผู้คนที่ตลาดยังคงไว้วางใจใช้บริการ แม้ยามเที่ยง ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงหัว อากาศร้อนจัด แต่เหล่านักปั่นยังคงต่อสู้เพื่อหาเลี้ยงปากท้องตนเอง และอาจรวมถึงคนรักและครอบครัว เหงื่อไคลซึมออกตามผิวกายและใบหน้า จนต้องยกมือขึ้นปาดเป็นระยะ ๆ นักปั่นบางคนถอดเสื้อมาชุบน้ำให้ชุ่มฉ่ำเพื่อช่วยคลายความร้อนให้ทุเลาลงบ้าง
พวกเขาผ่านการทำงานสู้ชีวิตมาอย่างหนักหน่วง ทั้งแดดทั้งฝน อดทนมาแทบทุกสภาวะอากาศ ดวงตาซ่อนไว้ซึ่งความเหนื่อยล้า แต่ใบหน้ายังยิ้มแย้มต้อนรับลูกค้าที่มาใช้บริการ หากลูกค้ามีของสัมภาระ พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปช่วยยกของให้ทันทีและเดินนำมาที่รถคู่ใจ
“อาชีพของเรา เราต้องสู้ งานอิสระ ได้ออกกำลังกายไปในตัว ประเทศไทยอากาศมันร้อน อาศัยล้างหน้าบ่อยหน่อยก็พอช่วยได้ รายได้ต่อวันขึ้นอยู่กับตัวเราเอง ขั้นต่ำก็ ๓๐๐ บาท บางวัน ๕๐๐-๖๐๐ บาทก็มี ปั่นมาได้ ๑๐ กว่าปีแล้ว ตั้งแต่ยังไม่มีลูกจนตอนนี้มีเมียมีลูกแล้ว อยู่ได้ พออยู่ได้” เสียงย้ำด้วยความมั่นใจจากพี่น้อย นักปั่นสามล้อที่เล่าว่าเขาเคยมีโอกาสปั่นสามล้อแสดงประกอบในภาพยนตร์บางเรื่อง
สามล้อถีบบางคันลูกค้าบางคนประทับใจในบริการ ทั้งการช่วยยกของ การขับขี่นุ่มนวลปลอดภัย แถมพูดคุยด้วยรอยยิ้ม เรียกใช้บ่อย ๆ จนกลายเป็นลูกค้าประจำ
“ไม่ใช่จะขึ้นคันไหนก็ได้ ต้องเป็นคันที่คุ้นเคยและประทับใจในการบริการ อย่างของผมมีลูกค้าขาประจำวนเวียนมาเรื่อย ๆ บางทีผมกำลังรอต่อคิวรับลูกค้าสลับกับคันอื่น พอขาประจำมาก็ไม่ต้องต่อคิว เขามาหาเราทันที ได้งานบวกได้เงิน เราเอาเงินเขาเราต้องบริการให้ดี งานบริการต้องให้ลูกค้าประทับใจ” พี่น้อยเล่าเรื่องอย่างภาคภูมิใจ
รถสามล้อประกอบขึ้นใหม่สีสันฉูดฉาดและเหล็กเงาวับน่ามองสำหรับผู้อยากเป็นเจ้าของราคาคันละประมาณ ๔-๖ หมื่นบาท
ตลาดท่าน้ำนนท์มีวินจอดรถสามล้อถีบอยู่ประมาณสี่ห้าแห่ง มีทั้งรถใหม่สุดและเก่าสุด ๆ แต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ไม่ได้เจาะจงเลือกคันใหม่หรือคันเก่า
“รถใหม่จะนุ่มนวล ไม่มีเสียงก๊อก ๆ แก๊ก ๆ แบบรถเก่า ๆ ราคาก็ตกอยู่ที่คันละ ๔-๖ หมื่นบาท” ลุงนักปั่นคนหนึ่งอธิบาย นับว่าราคาสูงจนน่าตกใจ เพราะเทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์ ทว่าสามล้อไม่มีเครื่องยนต์ “รถแบบของลุงก็ขี่ได้ ราคา ๕,๐๐๐-๑๐,๐๐๐ บาท รถ เก่ามือที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ มันอยู่ที่แรงกายและใจล้วน ๆ ของแบบนี้” คุณแม่ที่เพิ่งรับลูกกลับจากโรงเรียนเดินมาใช้บริการจากลุง ลุงนักปั่นถามด้วยความสงสัยว่าแล้วลูกอีกคนล่ะ ผู้เป็นแม่ตอบว่าอีกคนหยุดอยู่กับบ้านวันนี้ ลุงอุ้มเด็กน้อยขึ้นนั่งบนรถแล้วคุณแม่ก็ขึ้นไปนั่งข้าง ๆ กับลูกของเธอ การพูดคุยอย่างคุ้นเคยเป็นกันเองเช่นนี้เป็นภาพที่เห็นได้บ่อย ๆ ระหว่างลูกค้าและสามล้อถีบ
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายพวกเขายังคงทำงานรับส่งลูกค้าโดยไม่เกี่ยงเป้าหมายปลายทาง
ยามเย็น แสงอาทิตย์เริ่มทำมุม นักปั่นสามล้อถีบบางคันกลับเข้าที่พักที่หลับนอน อาบน้ำพักผ่อนหาข้าวปลาอาหารกิน บางคนเปิดห้องเช่าหารค่าห้องอยู่ด้วยกัน บางคนก็มีบ้านเป็นของตัวเอง และหลายคนเลือกมาอาศัยอยู่รวมกันในบริเวณพื้นที่กั้นรั้วด้วยไม้ยูคาลิปตัส หลังคามุงสังกะสี ปูพื้นด้วยเศษหินปูนก้อนกรวด ราวกับเป็นชุมชนสามล้อถีบ นอนด้วยกันกินด้วยกัน เพียงกั้นกำแพงห้องด้วยไม้อัด อาศัยมุ้งกันยุงให้หลับสบาย ด้านหลังทำเป็นห้องน้ำเปิดโล่ง มีตุ่มน้ำให้อาบน้ำกันกลางแจ้ง พร้อมปลูกผักสวนครัวไว้รอเวลาเติบโต ช่วยประหยัดค่ากับข้าว
ช่วงพักผ่อน บางคนโทร. หาแฟน บางคนนั่งสูบบุหรี่อย่างสบายใจ แต่บางคนนอกจากปั่นสามล้อรับจ้างแล้วยังมีความสามารถพิเศษ
คือตัดผม รับจ้างตัดผมให้พวกพ้องนักปั่นด้วยกันเอง
ช่วงเวลาแห่งความสุขกับการพักผ่อนสำหรับบางคนเป็นเพียงชั่วขณะเพราะต้องออกไปรับจ้างปั่นสามล้ออีกครั้งในรอบดึก ช่วงนี้ส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นแม่ค้าตลาดที่ขนของกลับบ้าน ว่าจ้างสามล้อถีบให้เอาแต่ของไปส่งก่อนอย่างไว้วางใจ รอเหล่านักปั่นสามล้อถีบวนกลับมารับแม่ค้าที่อยู่ปิดแผงร้านไปส่งอีกรอบ
จนกระทั่งถึงเวลาตลาดปิด ก็ถึงเวลาแห่งการพักผ่อนของนักปั่นหลังตรากตรำทำงานหนักมาทั้งวัน
เป็นอยู่แบบนี้ทุกวันกับชีวิตเรียบง่าย มีความสุขกับการทำมาหากินอย่างสุจริต เป็นเจ้านายตัวเองกับงานรับจ้างด้วยพลังขาทั้งสองข้าง
ณ ตลาดท่าน้ำนนท์ พวกเขายังปั่นข้ามกาลเวลาหาเลี้ยงปากท้องและครอบครัว ท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนแปลงไปทุกขณะ…