เรื่อง : สลิลทิพย์ ดำรงมหาสวัสดิ์
ภาพ : ทศพร จิตร์สมสุข
“ทำไมกาแฟฉันเป็นอย่างนี้” เสียงของ เพ็ญนภา เทพอารีย์ หรือมือชงกาแฟ บาริสต้าร้าน Happy Espresso ร้องทักอย่างตกใจเมื่อเห็นแก้วกาแฟที่ฉันดื่มค้างไว้ สภาพตอนนี้ไม่มีแล้วทั้งควันจางๆ หรือกลิ่นหอมอ่อนๆ เหลือแต่ฟองนมชั้นบางและน้ำกาแฟที่ไม่ร้อนแล้ว ฉันรีบขอโทษมือชงกาแฟและออกตัวว่ากินกาแฟไม่เป็น
“รู้แล้วแหละว่าไม่เคยกินกาแฟมาก่อน” หญิงชราพูดพร้อมยิ้มน้อยๆ
กาแฟแก้วแรกของฉัน มือชงกาแฟเชื้อสายจีนคนนี้เป็นคนแนะนำ
เธอบอกให้เริ่มต้นกับกาแฟนมหรือลาเต้ ด้วยส่วนผสมของนมน่าจะช่วยให้กินง่าย เธอเลือกแบบร้อนให้เพื่อรับรสชาติที่เข้มข้น สัมผัสรสกาแฟที่มากกว่า
กาแฟแก้วนี้เสิร์ฟในถ้วยเซรามิกสีขาวสะอาดตาเข้าคู่กับจานรองสีขาว ด้านข้างวางช้อนกาแฟคันเล็กชวนให้สงสัยว่าหน้าที่ของมันคืออะไร
“ไม่ (ลากเสียง) ไม่ได้เอาไว้ตักกิน” บาริสต้ารุ่นเก๋าอธิบายต่อว่า ลูกค้าบางคนไว้ใช้คน หรือใส่น้ำตาลหรือนมเพิ่ม ก็จะใช้ช้อนคันนี้กะปริมาณก่อนเทลงกาแฟ
ฉันจิบครั้งแรกด้วยท่าทางที่ดูจากคนข้างๆ มือสองข้างประคองถ้วยกาแฟ สูดดมกลิ่นหอมของควันจางๆ ให้ความอุ่นของแก้วสัมผัสริมฝีปาก ก่อนยกขึ้นรับรสกาแฟ จิบแรกรสเปรี้ยวนิดๆ ที่ปลายลิ้น และหวานละมุน อวลๆ อยู่ข้างใน ฟองนมลายใบเฟินส่วนหนึ่งเลอะขอบปาก แต่เพียงเอียงแก้วลงก็ค่อยๆ ละลายซึมลงไป ทิ้งไว้แต่รสหวานอ่อนๆ
ฉันติดใจในสัมผัสฟองนมนี้ รู้ตัวอีกทีก็ใช้ช้อนตักกินเล่นจนเห็นสีน้ำกาแฟใต้ชั้นบางๆ
“ผิด!” อาม่าบอกแทบจะทันทีที่ฉันเล่าวิธีการกินตัวเองให้เธอฟัง
“กินข้างบนก่อน ข้างล่างก็ขมหมดสิ ต้องกินพร้อมกัน จะได้มีความหวานของนม กาแฟจะไม่ขม” อาม่าพูดไปพลางมองแก้วกาแฟของฉันอีกครั้ง
“แล้วนมที่กินนี่หวานไหม”
ฉันพยักหน้าตอบอาม่าอย่างเร็วไว
“รู้ไหมว่าเป็นนมจืดนะ” อาม่าเฉลย และยิ้มกว้างเมื่อเห็นคนที่เพิ่งกินหมดตาโต
“เวลาเอานมมาตีมันจะหวาน ไม่ต้องใส่น้ำตาลเลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่พอเย็นแล้วก็จืดเหมือนเดิม” บาริสต้าหญิงขยายความ ก่อนยกแก้วกาแฟของฉันไปเก็บ เธอบอกว่าไม่มีประโยชน์แล้ว แก้วกาแฟของฉันเย็นชืดเกินกว่าจะกินต่อ
ร้านกาแฟ Happy Espresso ตั้งอยู่ที่วงเวียน 22 กรกฎา ใกล้ซอยนานา หน้าร้านมีป้ายสีส้มอันใหญ่ให้สังเกตได้ไม่ยาก บรรยากาศร้านเงียบสงบ มีเพลงสากลเปิดคลอเบาๆ ลูกค้าผลัดกันเดินเข้าออกร้าน ทำให้ร้านไม่เงียบเหงา และไม่หนาแน่นจนเกินไป พอมีเวลาได้ทักทายพูดคุยกับอาม่า มือชงกาแฟประจำร้านกันทุกคน
“อาม่ารู้จักลูกค้าทุกคนไหม” ฉันถามด้วยความสงสัย หลังจากเห็นลูกค้าเกือบทุกคนต่างยกมือไหว้ทั้งตอนมาและตอนกลับ
“ก็ทุกคน” อาม่าตอบพร้อมพยักหน้าแถมอีกหนึ่งที
“ส่วนใหญ่ก็มาแบบกันเอง มาคุยเล่น ลูกค้ามีความสุข อาม่าก็มีความสุข”
อาม่าเล่าว่าเริ่มมาเป็นบาริสต้าตามคำชวนของหลานชายที่ทำอยู่ก่อน แต่จำเป็นต้องไปทำงานอื่น ทำให้ร้านขาดคนดูแล เธอซึ่งคอยอยู่ข้างหลานชายมาตลอดจึงได้มาเป็นบาริสต้าเต็มตัว
“ชื่อร้านตั้งว่า Happy ทุกคนจะได้มีความสุขไง” อาม่าเล่าให้ฟังว่าที่มาของร้านเกิดจากหลานชายไปอยู่ต่างประเทศ ร้านกาแฟแต่ละร้านล้วนราคาแพงมาก จึงคิดมาเปิดร้านกาแฟที่ไทยให้เป็นร้านราคาถูก กินกันได้ทุกคน
“ก็อย่าทำให้ลูกค้าแพงสิ เราอยู่ได้ ลูกค้ากินได้ ก็โอเคแล้ว”
………………
“กาแฟที่นี่ซูเปอร์อร่อย” ชาวต่างชาติคนหนึ่งเดินมายกนิ้วโป้งให้อาม่า
“ฉันมาจากเมลเบิร์น ที่นู่นมีร้านกาแฟเต็มไปหมด และการแข่งขันก็สูงมาก ทุกคนคาดหวังว่าจะได้กินกาแฟที่ดี พวกเขาพยายามหากาแฟคุณภาพที่ดีที่สุด แต่วิธีที่เขาทำกาแฟกลับใช้ไม่ได้เลย ฉันคิดว่าคุณเข้าใจกาแฟมากที่สุด” ลูกค้าประจำชาวออสเตรเลียของอาม่าเอ่ยชม
“ฉันเคยไปสั่งกาแฟที่อื่น เขาใช้เวลานานมากทำลวดลายบนฟองนมจนกาแฟเย็นไปหมด เขาทำลายกาแฟโดยไม่รู้ตัว” เขาพูดด้วยสีหน้าที่เสียใจมาก เขาขอร้องว่าครั้งหน้าเพียงชงกาแฟให้เขาก็เพียงพอแล้ว
“Your art is fantastic but I don’t want your art, just your coffee.”
ส่วนลาเต้ อาร์ติสต์ประจำร้านออกตัวว่าเธอทำลายไม่ค่อยสวย แถมไม่รู้ด้วยว่าที่ทำอยู่เขาเรียกลายอะไร
“เป็นลายเด็กๆ ทำได้แค่นี้ก็เก่งแล้ว ชมตัวเองนะ” อาม่าพูดเสร็จก็หัวเราะเสียงดัง ยิ้มตาหยีให้ทุกคนในร้าน
“ร้านนี้ไม่เหมือนร้านอื่น เพราะคนที่นี่ทำให้ฉันรู้สึกว่าจิตวิญญาณนั้นยังคงอยู่” เขากล่าวพร้อมหันไปมองบาริสต้าของร้านอย่างชื่นชม
“I know she makes money but for here, I don’t think she does for money. It’s about love.”
……………………….
“เอาใจใส่เข้าไปในกาแฟ กาแฟก็ออกมาอร่อย” อาม่าบาริสต้าบอกเคล็ดลับแบบไม่หวงสูตร แถมบอกต่ออีกว่าไม่ใช่แค่กาแฟ แต่กับทุกๆ อย่าง หากเราเอาใจใส่แล้ว มันก็จะออกมาดีเอง
“กาแฟแต่ละร้านเทียบกันไม่ได้ ของใครก็มีเด่นแบบของเขา ไม่ใช่เราอร่อยอยู่ร้านเดียว ทุกร้านก็มีส่วนดี”
“แล้วส่วนดีของที่นี่คืออะไรคะ”
“ก็อร่อยทุกแก้วไง” อาม่าตอบพร้อมหัวเราะเสียงดัง
…………………….
“อาชีพที่ดีก็คืองานที่ทำแล้วมีความสุข” บาริสต้าผู้เปี่ยมด้วยรอยยิ้มให้คำนิยาม
“ทุกอาชีพที่สุจริตก็ดีทั้งนั้น คนเราจบมาไม่เหมือนกัน บัญชีก็โอเค บริหารก็โอเค ทุกอย่างมีส่วนดีของเขา หาไปเรื่อยๆ แต่ละคนไม่เหมือนกัน ฉันพูดแทนไม่ได้ แต่แนะนำได้ เช่น ถ้าคุณเกษียณแล้วไม่ควรอยู่บ้านเฉยๆ ควรมีงานทำ หาที่ให้ตัวเองมีความสุข ออกมาทำอะไรที่เราพอทำได้”
“แล้วอย่าไปกลัวกับอะไรที่ไม่เคยทำ มันต้องลองดู ทำไมจะทำไม่ได้” อาม่าพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แสงแดดยามเย็นส่องผ่านหน้าประตูมาทาบทับเสาสีขาวช่วยย้ำเวลาร้านปิดทำการ อาม่าและผู้ช่วยทำความสะอาดเครื่องมือและภาชนะเพื่อเตรียมต้อนรับลูกค้าในวันถัดไป
ฉันปล่อยเวลามาเนิ่นนานเหลือเกินกว่าจะได้ลิ้มรสกาแฟถ้วยแรก แต่สำหรับถ้วยที่ ๒ คงไม่นานเท่านั้น
ฉันรู้แล้วว่าจะหากาแฟที่กินใจได้จากที่ไหน