เรื่อง : สรัสนันท์ คำดีบุญ
ภาพ : อรรถพล ลาดเงิน

พวกคุณตอนนี้อายุเท่าไรกันแล้วครับ

เคยจำความฝันเมื่อครั้งตอนเด็กได้ไหม ที่มักมีคนถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร

สำหรับผม ตอนเรียนอยู่ชั้นประถมฯ ปีที่ ๒ คาบเรียนวิชาศิลปะ คุณครูหน้าชั้นเรียนถามขึ้นว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไร

บางคนตอบว่า “หนูอยากเป็นคุณครู เพราะอยากจะให้ความรู้เหมือนที่คุณครูสอนหนูค่ะ” บ้างก็ตอบว่า “ผมอยากเป็นตำรวจ เพราะอยากจับขโมยครับ”

แต่สำหรับผม “ผมอยากเป็นฮีโร่ครับ อยากปราบเหล่าร้ายเหมือนในหนัง” ทั้งห้องจ้องมาที่ผม พร้อมกับอุทาน “โอ้โฮ”

แต่ถ้าโตจนอยู่ชั้นมัธยมฯ แล้วมีคนตอบด้วยประโยคเดียวกันนี้ ใครที่ได้ฟังคงคิดว่า “ปัญญาอ่อนจังว่ะ พูดมาได้ไงเนี่ย” พร้อมกับเสียงหัวเราะ

พอผมเติบโตขึ้นจนบรรลุนิติภาวะ บางครั้งผมก็คิดในใจว่า “จะมีฮีโร่เหมือนในหนังที่เราดูตอนเด็กๆ มาปราบเหล่าร้ายหรือเปล่า”

เคยมีข่าวในสื่อ social media ว่า ซูเปอร์ฮีโร่ชื่อดังของมาร์เวลไปปรากฏตัวสร้างความประหลาดใจให้เด็กในโรงพยาบาล ฮีโร่คนนั้นคือกัปตันอเมริกา พระเอกหนุ่ม คริส อีแวน ผู้รับบทได้ไปเยี่ยมโรงพยาบาลเด็กในซีแอตเทิล ประเทศสหรัฐอเมริกา เด็กๆ ที่โรงพยาบาลทุกคนดีใจกันมาก อย่าว่าแต่เด็กเลย แม้แต่เรา คิดดูสิว่าจะตื่นเต้นและมีความสุขมากขนาดไหน

กัปตันอเมริกาเยี่ยมเด็กที่ป่วยโรคต่างๆ ทุกเตียง บางคนเป็นโรคลมบ้าหมูและรักษาตัวในโรงพยาบาลมา ๔ เดือนแล้ว หรือป่วยด้วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเฉียบพลันซึ่งกำลังจะเข้ารับการเปลี่ยนถ่ายไขกระดูก วินาทีนั้นคงเป็นช่วงเวลาที่แสนวิเศษมากๆ สำหรับเด็กๆ

ภาพนี้เองได้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครคนหนึ่งออกไปช่วยเหลือสังคม

ไม่ว่าจะเป็นการไปเยี่ยมเด็กๆ ที่โรงพยาบาลเด็กแถวอนุสาวรีย์ หรือแจกข้าวแจกน้ำให้ผู้ไร้ที่อยู่ย่านเสาชิงช้า

บุรุษผู้นี้แต่งตัวเป็นซูเปอร์แมน ฮีโร่ค่าย DC

Superman & Batman จงเป็นอย่างฮีโร่

จงใช้ชีวิตอย่างซูเปอร์แมน

เขามีนามว่า เกรียงกฤตย์ ดุรงค์พิศิษฏ์กุล หรือที่ทุกๆ คนเรียกว่าพี่ซุป (เปอร์แมน)

ผมเจอพี่ซุปครั้งแรกที่ Art Box Bangkok เป็นตลาดนัดบนตู้คอนเทนเนอร์ใกล้ๆ กับ BTS พร้อมพงษ์

พี่ซุปไปแสดงโชว์เต้นพร้อมเสียงเพลงจากลำโพงคู่ใจ พร้อมตั้งกล่องเงินรับบริจาควางบนพื้นข้างตัว

ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่ได้พบพี่ซุปครั้งแรกต้องร้องอุทานในใจว่า “ทำบ้าอะไรวะ นี่ยังสติดีหรือเปล่า”

บางคนยืนมองพี่ซุปเต้น บ้างก็มาร่วมเต้นด้วย บ้างมาถ่ายรูปแล้วหยอดธนบัตรใส่กล่อง

ผมยืนดูพร้อมคำถามในใจมากมายว่า ทำไมเขาต้องมาเต้น? ไม่อายหรือ? ทำไปเพื่ออะไร? เมื่อยก็เมื่อย แต่ใบหน้าพี่เขาดูมีความสุขดีนะ ยิ่งเมื่อมีคนมายืนถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ เขาก็ยิ่งแสดงอภินิหารเต้นโชว์ท่ายากให้ได้อึ้ง! อึ้ง! และก็อึ้ง อึ้ง อึ้ง ตามกันไป

ผมรวบรวมความกล้าเดินไปหาพี่ซุป

……………..

พี่ซุปมีชื่อเล่นว่าอ๊อด แต่ถ้าใครที่ไม่รู้จักเขาจะเรียกตามๆ กันว่าพี่ซูเปอร์แมน ตอนแรกผมคาดหวังในใจว่าคงจะได้คำตอบว่าทำไปเล่นๆ สนุกๆ แต่คำตอบทำให้ผมอุทานในใจว่า “พี่โคตรเท่เลย”

อาชีพหลักของพี่ซุปคือธุรกิจค้าขายเครื่องประดับ ส่วนการแสดงนี้เป็นงานอดิเรกเพื่อนำรายได้ไปซื้ออาหารให้คนไร้ที่อยู่อาศัย หรือซื้อของไปแจกเด็กตามโรงพยาบาล

“ตั้งแต่เหตุการณ์ครั้งที่กรุงเทพฯ น้ำท่วม เตือนสติเราว่าเราต้องช่วยเหลือคนอื่นบ้าง ผมช่วยขนอาหารแจกข้าวแจกน้ำให้คนที่ออกจากบ้านไม่ได้ ได้เห็นข่าวลุงแท็กซี่ประกาศขับรถรับส่งคนฟรี ขอแค่ว่าบ้านน้ำท่วม ตอนนั้นยังไม่ใส่ชุดฮีโร่ ถ้าใส่คงแจ้งเกิดมากกว่านี้” พี่ซุปทำเสียงคนแก่พร้อมกับหัวเราะ

ก่อนหน้าพี่ซุปจะแต่งตัวเป็นฮีโร่หรือคาแร็กเตอร์การ์ตูน พี่ซุปเคยแต่งมาแล้วหลายชุด

“ตอนแต่งเป็นพรีเดเตอร์ อย่าว่าแต่เด็กร้องไห้เลย ผู้ใหญ่บางคนก็ร้องกรี๊ด บางทีก็วิ่งหนีเรา” ชายหนุ่มร่างกำยำร้องกรี๊ดพร้อมทำท่าวิ่งหนีของผู้หญิงให้ดู

“หลังจากนั้นก็คิดว่าน่าจะแต่งเป็นฮีโร่ตัวการ์ตูนที่เป็นสัญลักษณ์ของคุณธรรรม ความดี พอดีไปเดินเล่นตลาดนัดรถไฟที่จตุจักรบังเอิญเห็นผ้าลายรูปตัว S ทำให้เกิดความคิดจะแต่งเป็นซูเปอร์แมน คือหน้าต้องด้านเท่าปูนซีเมนต์จริงๆ ถึงทำได้ เพราะไม่มีหน้ากากสวมเหมือนฮีโร่อื่นๆ” พี่ซุปหัวเราะอีกครั้ง

ฟังพี่ซุปเล่าผมคิดในใจว่าครั้งแรกที่พี่ซุปแต่งตัวเป็นซูเปอร์แมนคงต้องรวบรวมพลังกายและใจเยอะเหมือนกัน และต้องเป็นคนบ้าระห่ำมากๆ

“ทุกครั้งเราต้องสะกดตัวเองว่า นี่ไม่ใช่ตัวเรานะ แต่เป็นซูเปอร์แมน เพราะถ้าคิดว่าเป็นตัวเราจะรู้สึกอาย เราต้องอินกับคาแร็กเตอร์ตัวละตรให้ได้ ตอนแรกเราคิดว่าแค่เปิดเพลงแล้วยืนเฉยๆ กลายเป็นคนที่มาเดินตลาดเต้นโชว์เราแถมถามว่าทำไมพี่ไม่เต้นตามผม บางคนเจอเรา เฮ้ย! ซูเปอร์แมนมายืนเฉยๆ ทำบ้าอะไรวะ ทำให้รู้ว่าเราต้อง หนึ่ง ให้คนรู้ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ สอง อะไรคือจุดขายของเรา สาม โชว์เราจะเป็นอย่างไร สี่ การปิดโชว์

“ถ้าเราเต้นตรงจังหวะเพลงทุกอย่างจนจบ คนที่ดูเราจะพร้อมใจปรบมือและส่งเสียงกรี๊ด เขาไม่ได้กรี๊ดที่เราเป็นซูเปอร์แมน แต่กรี๊ดที่เราแสดงดี ผลคือมีคนมาถ่ายรูป ให้เงิน ปรบมือ สำหรับผมนี่คือผลพลอยได้ สำคัญที่สุดคือได้เห็นรอยยิ้มของทุกคน” บุรุษเหล็กซูเปอร์แมนพูดด้วยความภาคภูมิใจ

การฝึกแสดงเต้นโชว์โยกย้ายส่ายสะโพกของพี่ซุปอาจคล้ายกับที่หางเครื่อง แดนเซอร์ หรือ K-pop ที่ต้องฝึกเต้นให้แม่นยำตามจังหวะ ต้องมีร่างกายที่สมบูรณ์ เพื่อให้คนดูประทับใจ
พี่ซุปผู้มีกล้ามเป็นมัดมาแสดงที่ตลาดนัดเป็นประจำ ไม่ว่าวันศุกร์ เสาร์ หรืออาทิตย์ โดยเริ่มการแสดงตั้งแต่ ๑ ทุ่ม และเวียนไปตามสถานที่ต่างๆ การแสดงนี้ไม่เสียค่าเช่าที่

“แล้วแต่คนจะให้ เราคิดว่าทำเพราะชอบ เราสนุกกับมัน สิ่งที่เขาให้เรา เราก็นำไปให้คนที่ประสบปัญหา”

บุรุษผู้สวมผ้าคลุมยังไปร่วมกิจกรรมอื่นๆ เช่น สวมชุดฮีโร่ไปวิ่งในพิธีเปิดงานวิ่งมาราธอน งานแต่งงาน งานวันเกิด เดินเล่นที่ถนนข้าวสาร หรือออกทริปขับรถเล่นกับเหล่าเพื่อนฮีโร่คนอื่นๆ

แล้วในชีวิตของการเป็นฮีโร่ซูเปอร์แมน เคยเจอเหตุการณ์แปลกๆ หรือซาบซึ้งจนเสียน้ำตาบ้างหรือเปล่า พี่ซุปเล่าเหตุการณ์ที่ฟังแล้วแปลกปนตลก คือการได้เจอกลุ่มเด็กช่างกำลังตีกัน

“พอพวกเขาเห็นเราก็ตกใจกับการแต่งตัวของเรา จากที่ทะเลาะกันอยู่กลับเดินมาขอถ่ายรูปกับเรา เสร็จปุ๊บก็เดินจากกันดื้อๆ เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เราคิดว่า เฮ้ย! ชุดนี้มันทำให้คนที่อารมณ์เสีย หงุดหงิด เครียดๆ กลายเป็นอารมณ์ดีได้ขนาดนี้เลย” พี่ซุปเล่าไปหัวเราะไป

“การแต่งตัวเป็นซูเปอร์แมนทำให้เรากลายเป็นดารา ซูเปอร์สตาร์ในวันนั้นเลย ไม่ว่าจะไปกินข้าว เดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้า จะมีคนมาขอถ่ายรูปเหมือนเราเป็น จัสติน บีเบอร์ คือฮอตมาก แต่มีบางคนก็กล้าๆ กลัวๆ ที่จะมาถ่ายรูปกับเรา”’

หลังจากนั้นพี่ซุปได้เล่าเรื่องการไปเยี่ยมเด็กผู้ป่วยโรคต่างๆ ณ โรงพยาบาลเด็ก

“หลักๆ จะไปเยี่ยมเด็กที่เป็นมะเร็ง หรือมีความผิดปรกติทางสมอง”

“เด็กเหล่านี้สภาพจิตใจยังไม่เข้มแข็งเท่าผู้ใหญ่ ยังเปราะบาง ผมเชื่อว่าในใจเด็กคิดว่าทำไมเราต้องเป็นโรคนี้ ทำไมเราต้องเป็นมะเร็งด้วย บางคนต้องนอนที่โรงพยาบาลเป็นเดือนๆ ลองคิดดูสิขนาดผู้ใหญ่ยังหดหู่เลย แล้วเด็กจะรู้สึกแย่ขนาดไหน

“ลองนึกภาพตามดู ถ้าวันหนึ่งมีฮีโร่ขวัญใจที่เราชื่นชอบมาเยี่ยม เราจะรู้สึกดีและมีกำลังใจแค่ไหน บางทีผมไปเจอเด็กที่เป็นมะเร็งระยะที่ ๓ ต้องเข้ารับการผ่าตัด หรือหมอกำลังฉีดยา ตอนนั้นเขาร้องไห้ แต่พอเขาเห็นซูเปอร์แมน เขาหยุดร้องไห้ เขามีกำลังใจขึ้นมา บางครั้งผมแอบร้องไห้ตามเขาเลยก็มีนะ” พี่ซูเปอร์แมนเล่าด้วยน้ำเสียงหดหู่

“ผมเคยเห็นเด็กในห้อง ICU กำลังถูกปั๊มหัวใจ หรือเด็กในห้องปลอดเชื้อ ชีวิตเขาอยู่ได้แค่ในห้องสี่เหลี่ยม บางครั้งพ่อแม่ก็มาขอบคุณผม เพราะเขาก็ไม่รู้ว่าลูกจะอยู่ได้นานแค่ไหน และจะพาลูกไปเดินเที่ยวตามห้างก็ไม่ได้ ทำให้พวกเขารู้สึกว่าการที่เรามาก็เหมือนเราช่วยหยิบยื่นสิ่งที่เด็กต้องการมาให้” พี่ซุปยิ้มด้วยความภาคภูมิใจ

“ผมคิดว่าบางครั้งชีวิตคนเรามันสั้นไปนะ ถ้าเรายังมีลมหายใจก็น่าจะสร้างประโยชน์ให้เขาได้ ความรู้สึกของการบริจาคเงินหรืออาหารให้ผู้อื่น ไม่เท่ากับการได้ให้กำลังใจเด็กเหล่านี้เลย”

บางครั้งผมก็คิดว่าพี่อ๊อดมีนิสัยคล้ายกับซูเปอร์แมน คือ มีความกล้าหาญ มีจิตใจดีงาม รักความยุติธรรม คอยช่วยเหลือผู้คน และยังเป็นตัวอย่างให้เหล่าซูเปอร์ฮีโร่อื่นๆ

จงใช้ชีวิตอย่างแบตแมน

หากจะหาซูเปอร์ฮีโร่สักคนของค่ายดีซี คอมิกส์ ที่ดูสมน้ำสมเนื้อกับซูเปอร์แมน ทั้งด้านความสามารถ ชื่อเสียง บารมี เชื่อว่าคงต้องนึกถึงอัศวินรัตติกาล แบตแมน

คู่หูที่ทำงานการกุศลร่วมกับพี่อ๊อด ซูเปอร์แมน ไม่ใช่แบตแมนแห่งเมืองก็อตแทม แต่เป็นแบตแมนแห่งคลองถม นามว่า กัมปนาท จันทร์แก้ว

พี่แบตแมนมีชื่อเล่นว่าพีช เป็นพ่อค้าขายโมเดลของเล่นพวกซูเปอร์ฮีโร่อยู่ย่านคลองถม ทำธุรกิจมา ๑๒ ปีแล้ว ขายทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ส่วนวันธรรมดาขายของออนไลน์ผ่านเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม

ชีวิตชายหนุ่มวัย ๓๐ มีนิสัยคล้ายแบตแมน และชื่นชอบแบตแมนมาตั้งแต่สมัยเด็ก เป็นคนโสด เคยมีครอบครัวแต่ก็ล้มเหลวแยกทางกัน ถึงแม้จะท้อกับปัญหาชีวิต แต่ก็ไม่เคยท้อกับการสร้างความสุขให้คนอื่น มีสโลแกนการทำงานว่า เจ็บจริง ถูกจับจริง ถ้ามันจำเป็นก็คงต้องตายจริง

เหตุการณ์ที่ทำให้สวมชุดแบตแมนครั้งแรก

“เกิดขึ้นที่ตลาดคลองถม มีพ่อค้าแม่ค้ารวมตัวกันประท้วง ๒-๓ พันคน ผมมาให้กำลังใจ และผมก็เป็นหนึ่งในคนที่ถูกผลกระทบด้วย เพราะตอนนั้นรัฐบาลจะสั่งปิดตลาดคลองถม” ชายหนุ่มร่างอวบสวมหน้ากากค้างคาวเล่าความหลัง

แล้วทำไมถึงต้องสวมชุดแบตแมนทำงานเพื่อสังคม

“ถ้าเราทำบุญในรูปแบบเดิมๆ ก็คือใช้เงิน ใช้ของ แต่การสวมชุดแบบนี้เหมือนเราได้ทำบุญด้วยรอยยิ้ม ทำให้คนอื่นรู้สึกสนุก สร้างรอยยิ้มให้คนรอบข้างได้ อย่างคนป่วย คนชรา คนพิการ เขาจะรับรู้ถึงความสุข มันเป็นการทำบุญอย่างหนึ่งที่ทำให้เขาสุขภาพจิตดี”

แบตแมนได้ช่วยเหลือผู้คนมากมาย ไม่ว่าจะไปโรงพยาบาลสงฆ์ โรงพยาบาลเด็ก บ้านคนพิการ คนตาบอด บ้านราชวิถี

“ตอนไปช่วยเหลือคนตาบอด เขาจะไม่รู้จักว่าแบตแมนเป็นอย่างไร เขาจะเข้ามาจับชุดผมว่าชุดนี้คือแบตแมน”

ขณะที่ฟังแบตแมนเล่าวีรกรรม ผมคิดในใจว่าบางครั้งก็อยากลองทำอะไรเหมือนพี่เขาบ้าง

“เหตุการณ์ไฟไหม้ในชุมชนใต้สะพานย่านพระรามเจ็ด ผมโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจ ตำรวจไม่มาสักที ก็เลยขี่มอเตอร์ไซค์ไปที่สถานีตำรวจ แจ้งว่ามีไฟไหม้ ผมก็ไปช่วยพวกเขาดับไฟ

“ว่างๆ บางครั้งก็สวมชุดแบตแมนออกไปขับมอเตอร์ไซค์เล่นเฉยๆ กลางคืนบางทีไปเจอสามีภรรยาทะเลาะกันอยู่ ชกต่อยภรรยา ผมเดินเข้าไปแล้วพูดว่า เด็กคนนี้ไม่ไหวแล้ว ถ้าคุณอยากสนุกต่อ มาเจอกับผมดีกว่า เขาก็เดินหนีไปเลย

“บางทีเจอแท็กซี่ขับรถปาดหน้ากัน เอามือชี้ด่ากัน รถติดยาวเลย ผมขับรถเข้าไปบอกว่าจะต่อยกันไปข้างทาง พอเขาเห็นผม เขาขับรถหนีไปเลย”

เขายังเคยโดนตำรวจจับด้วย แบตแมนแห่งคลองถมบอกว่า

“เคยโดนตำรวจเรียก เพราะผมจอดติดไฟแดง ชุดของผมโดดเด่นสะดุดตา เขาก็มาขอตรวจ ขอค้น และหมวกของผมผิดกฎจราจร ตำรวจก็ทำหน้าที่ถูกแล้ว ใครจะไปรู้ว่าชุดแบบนี้บางทีอาจติดอาวุธระเบิดได้ ถ้าเขาปล่อยผ่านไป” พี่พีชหัวเราะ

“บางครั้งเราเจอเทศกิจ เขาไม่อนุญาตให้เรามาเต้นเปิดหมวกรับบริจาค เราต้องใช้กลยุทธ์เหมือนแบตแมน คือกลลวงและภาพมายา เราต้องทำให้เขารู้สึกเชื่อใจเราให้ได้ว่าเราไม่ได้มีอันตราย เราใช้รอยยิ้มและจิตใจเราที่อยากช่วยสร้างรอยยิ้ม”

แล้วเหตุการณ์อะไรที่พี่แบตแมนประทับใจมากที่สุด

“เป็นเหตุการณ์ที่ผมเอาอาหารไปแจกคนไร้บ้านแถวเสาชิงช้า มีตำรวจมาบอกว่าให้ขึ้นไปบนทางเท้าด้วยเพราะจะมีรถขบวนเสด็จฯ ผ่าน ไม่มีรถนำขบวน มีแค่รถเบนซ์สีขาวสามสี่คันขับผ่านมา ผมเห็นรถคันกลาง ผมเห็นในหลวง (รัชกาลที่ ๙) เป็นเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุดมากๆ เลยตั้งแต่ใส่ชุดแบตแมน”

ครั้งแรกที่แต่งตัวเป็นแบตแมนแล้วมาแสดงเต้นโชว์กับซูเปอร์แมน รู้สึกอายบ้างไหม

“ครั้งแรกของทุกคนต้องรู้สึกอายมาก่อน แต่ผมมีหน้ากากแบตแมนปิดบังใบหน้า ทำให้ไม่รู้สึกอายมาก แต่ถ้าถอดเมื่อไหร่จะรู้สึกอาย” พี่พีชหัวเราะ

“เชื่อว่าทุกคนที่มองผมจะคิดว่าปัญญาอ่อนหรือเปล่า บ้าหรือเปล่า แต่หลังๆ ผมคิดเสมอว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน เรารู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ก็พอ

“ผมเคยเจอคนโจมตีในเฟซบุ๊กว่าแต่งตัวแบบนี้อยากจะดังหรือไง ต้องการสร้างกระแสให้ตนเองเหรอ ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปแก้ตัว อยากจะว่าผมเป็นคนอย่างไรก็แล้วแต่เขาคิด”

“ชุดฮีโร่ของพี่แตกต่างกับคอสเพลย์ของเด็กวัยรุ่นตรงไหน” ผมเอ่ยถามพี่พีช

“เขาแต่งคอสเพลย์เล่นเฉพาะในงาน อยู่ในสถานที่ที่มีคนจัดให้ แต่ผมสวมชุดแบตแมนมาใช้ในชีวิตจริง

“ผมสวมชุดแบตแมนออกมาช่วยคน ไม่ใช่นักแสดงบนเวที แต่ผมแสดงในชีวิตจริง”

…………………

 

บางครั้งผมก็คิดว่าทั้งพี่อ๊อดและพี่พีชก็มีนิสัยคล้ายกับซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลาย คือ มีความกล้าหาญ มีจิตใจดีงาม รักความยุติธรรม และชอบช่วยเหลือผู้คน

ทุกครั้งที่ได้ยินได้ฟังพี่เขาพูด ทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์ในหนังทั้งสองเรื่องมากมาย

คำถามที่ผมเคยคิดในใจว่า “จะมีฮีโร่เหมือนในหนังที่เราดูตอนเด็กๆ มาปราบเหล่าร้ายหรือเปล่า”

วันนี้ผมพอจะมีคำตอบ…