เรื่องและภาพ : ทีมแพรนกวิ้น ค่ายนักเล่าความสุข

‘สวนขวัญ’ ปลายฝันของคนเดินทาง

ต้องตา ธีรรัตนศิวกุล เจ้าของ “สวนขวัญ” ถือตะกร้าพืชผักสมุนไพรเก็บสดๆ จากสวน ก่อนจะล้างทำความสะอาดและแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์

อากาศชื้นและเย็น คล้ายฤดูกาลปลายฝนต้นหนาวยังมีอยู่ในเดือนมกราคม

บ้านหลังเล็กกะทัดรัดสีขาว ไร้เครื่องปรับอากาศ ทั้งประตูและหน้าต่างบานเกล็ดจึงได้เปิดออกรับเอามวลอากาศอันบริสุทธิ์ยามเช้าตรู่เข้ามาสู่ผู้พักพิง

ยอดหญ้าพลิ้วไหวตามแรงลมอยู่ด้านนอก

ต้นไม้ใหญ่น้อยและสุมทุมพุ่มไม้วางกายรายเรียงรอบตัวบ้าน

ต้นชะมวง ลีลาวดี หม่อน มะม่วง มะอึก เผือก และมัน ตลอดจนไม้ดอกงามอย่างอัญชัน ปีบ บุหงาส่าหรี และอีกมากมายหลากหลายสีสันส่งกลิ่นหอม

เจ้าของ “สวนขวัญเกษตรธรรมชาติ” อยู่ตรงหน้าเรา

ต้องตา ธีรรัตนศิวกุล หญิงวัยกลางคนร่างเล็กผู้มีรอยยิ้มอ่อนโยน เธอดูแข็งแรงกระฉับกระเฉงกว่าเด็กวัยรุ่นเสียอีก

สวนแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ตำบลห้วยใหญ่ อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรี

คือพื้นที่ที่ให้ความรู้สึกแสนสงบ

“นี่ต้นชะมวง แต่ก่อนรดน้ำได้ตามสบาย เดี๋ยวนี้ไม่ได้แล้วนะ ต้องรดแบบระวังหน่อย เพราะ ‘เขา’ ไม่ให้ยุ่ง”

ต้องตาพูดยิ้มๆ พลางแหวกกลุ่มใบของไม้สูงให้ได้เห็นรวงผึ้งขนาดใหญ่

คือ ‘เขา’ ที่ต้องตาหมายถึง

“ใบของมันกินได้ เปรี้ยวๆ” ว่าแล้วเด็ดใบอ่อนจากปลายกิ่งหนึ่งส่งให้เราลองชิม รสออกเปรี้ยวและติดจะฝาด อร่อยดี เหมาะกับน้ำพริกรสกลมกล่อมสักถ้วย

พื้นที่ขนาด ๘ ไร่ของสวนขวัญเต็มไปด้วยแมกไม้อุดมสมบูรณ์ ไม้ป่า ไม้ดอกไม้ประดับ และสมุนไพรนับร้อยชนิด ยังมีผลไม้ กล้วย มะพร้าว มะเฟือง ฝรั่งนานาพันธุ์ บ่อปลากว้างขวาง และบรรดาสิงสาราสัตว์

ไม่จำเป็นต้องเงี่ยหูฟังก็ได้ยินเสียงนกน้อยขับขานอยู่ทั่ว ที่บ้านสวนแห่งนี้มีนกคุ้มครองมาอยู่อาศัยกันด้วยซ้ำ ต้องตาว่า ก็ปล่อยให้เขาอยู่กันไปตามธรรมชาติแบบที่เขาชอบ

ต้องตาคือคนคนหนึ่งที่มีความรักมอบให้กับธรรมชาติและป่าไม้มาเนิ่นนาน

……………………….

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ภายในสวน ใช้เก็บน้ำและเลี้ยงปลา

อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ภายในสวน ใช้เก็บน้ำและเลี้ยงปลา

ภาพต้องตาและเพื่อนร่วมทางขณะท่องเที่ยวเดินป่า

ภาพต้องตาและเพื่อนร่วมทางขณะท่องเที่ยวเดินป่า

“สมัยก่อนเราออกเดินทาง เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าในไทยไปมาเกือบทุกที่แล้ว ใช้ชีวิตอยู่ในนั้น หุงข้าวในป่า กางเปลนอน ทำความรู้จักต้นไม้ ก็เป็นชีวิตแบบหนึ่งที่เราชอบ พออายุเยอะขึ้นคงปีนป่าปีนเขาไม่ไหว ก็สร้างป่าของตัวเอง”

หากย้อนเวลากลับไปสัก ๓๐ ปี คงได้เห็นหญิงสาวหน้าตาน่ารัก สวมแว่น ในชุดพยาบาลสีขาวสะอาด ทำงานขะมักเขม้น ซึ่งไม่ใช่ตัวตนแบบที่ต้องตาชื่นชอบนัก

“ตอนเรียนค่อนข้างไฟแรง เรียกว่ากินอุดมการณ์แทนข้าว แต่การทำงานในระบบน่ะน่าเบื่อ”

ต้องตาลาออกจากงาน แล้วพาตัวเองออกสู่โลกกว้างอย่างใจปรารถนา เพียรหาคำตอบบางอย่างให้หัวใจอันสับสน

ไล่เรียงมาตั้งแต่เชียงราย พะเยา น่าน ยาวจรดชุมพร ระนอง สุราษฎร์ธานี ร่างเล็กกับเป้ใบโตและเหล่าสหายร่วมใจ พากันโบกรถ นอนกลางดินกินกลางป่าเขา

การเดินทางอันนำมาซึ่งความเหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า ทว่าแสนสุขสม โมงยามที่ได้ดื่มด่ำบรรยากาศของลำเนาพงไพร ดำรงชีวิตกลางหุบเขา ล่องเรือตระเวนไปในแม่น้ำที่สองฝั่งฟากถูกขนาบด้วยป่าชายเลน

คือวันเวลาที่ได้เรียนรู้ว่าธรรมชาติอันยิ่งใหญ่มักบ่มเพาะทุกสรรพชีวิต รวมทั้งมนุษย์ตัวจ้อยอย่างนักเดินทางกลุ่มนี้ด้วย

ดูราวกับการผจญภัยสู่โลกใบใหม่ของต้องตาจะไม่มีวันสิ้นสุดลง

“การเดินทางภายนอกจะช่วยเปิดการเดินทางภายใน”

อัลบัมภาพมากมายถูกกางออก ทั้งภาพถ่ายจริงและภาพจากความทรงจำ

“ทุกครั้งที่เราออกไปสู่ภายนอก มันจะย้อนกลับมาที่ภายในของเรา มันโตไปด้วยกัน การเดินทางทำให้เรารู้จักตัวเราเองดีขึ้น หนทางที่ยากลำบาก…จะเปลือยตัวเราให้เห็น แล้วเราเลือกได้ ว่าชอบตัวเองในขณะนั้นไหม”

ระหว่างเส้นทาง ต้องตาได้พบเจอผู้คนมากมายและค้นพบมิตรภาพในหัวใจมนุษย์

เธอเชื่อว่าแง่งามของชีวิตผสมปนเปอยู่ในสิ่งเหล่านี้ แววตาอุ่นละมุนขณะบอกเล่าความหลังแก่เราบอกใบ้ให้สดับฟัง ว่าช่วงเวลานั้นแสนดีเพียงใด

กระนั้น หนทางเดินยาวไกลย่อมต้องมีที่ทางใดสักแห่งให้หยุดฝีเท้า และคล้ายว่าต้องตาได้พบบ้านหลังใหม่ที่เธออยากอยู่

เธอกล่าวกับเรา การมีชีวิตอยู่โดย “การให้” ทำให้ชีวิตของเธอเต็มเปี่ยมด้วยความหมาย

“องค์การเพิร์ล เอส บัค อินเตอร์เนชั่นแนล” องค์การพัฒนาเอกชนสาธารณกุศล คือฤดูร้อนอันอบอุ่น คือบ้านของนักเดินทางคนนี้ จัดตั้งขึ้นเพื่อหยิบยื่นโอกาสมอบแด่เด็กผู้เร่ร่อนและยากไร้

เด็กๆ นับร้อยทั่วเขตพื้นที่พัทยาและระยองได้รับความช่วยเหลือจุนเจืออย่างเมตตา

“เวลาทำงานเราเชื่อว่า การหยิบยื่นความรักหรือกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ แค่ในช่วงเวลาสั้นๆ มันอาจเป็นครั้งหนึ่งหรือสองครั้งในชีวิตของเขา แต่จะเป็นสิ่งที่อยู่ในใจเขาไปตลอด เป็นกำลังใจในการใช้ชีวิตต่อ”

ระยะเวลาสิบกว่าปีสำหรับบ้านที่บรรจงสรรค์สร้างเพื่อเด็กๆ ยาวนานในความรู้สึกของต้องตามากกว่านั้น เสมือนว่าเวลาครึ่งชีวิตถูกอุทิศให้กับสิ่งแสนดี

“เหมือนแม่ที่มีลูกมากและลูกแต่ละคนก็มีปัญหาเยอะ”

รอยยิ้มเอ็นดูปรากฏไม่คลายยามเล่าเรื่องราวชวนปวดหัวของเด็กๆ แต่ละคนให้ฟัง

“ครั้งแรกเมื่อเราเจอเด็กเกเร อาจมองว่าเขาไม่ดี แต่เมื่อเข้าไปดูจริง ๆ ว่าชีวิตเขาอยู่ยังไง ทำให้เราค่อยเข้าใจหัวใจของเขา และรัก…แต่พอทำมาเรื่อย ๆ ก็เริ่มรู้สึกตัวว่าเราแก่แล้ว”

ต้องตานิ่งไปนิดขณะรำลึกความหลัง “ตัดสินใจอยู่นานเหมือนกันนะ”

ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหันหลังให้กับความรักชิ้นใหญ่อย่างนี้ แต่กับบางสิ่ง เราอาจไม่สามารถหยัดยืนเพื่อมันไปได้ตลอดทั้งชีวิต ถ้อยความหนึ่งของต้องตา

“หลังออกจากงานของเพิร์ล เอส บัคฯ แล้ว เราตั้งใจเอาไว้ว่าคงเปลี่ยนจากเด็กเร่ร่อนมาดูแลหมาเร่ร่อนแทน”

คงเป็นหัวใจแห่งการให้ที่แท้จริง ความหมายของชีวิตที่ค้นเจอ

……………………

ภาพฟิล์มในอัลบัมเล่มใหญ่ที่ต้องตาถ่ายระหว่างเดินทางท่องเที่ยว

ภาพฟิล์มในอัลบัมเล่มใหญ่ที่ต้องตาถ่ายระหว่างเดินทางท่องเที่ยว

 เหล่าสุนัขจรจัดที่ต้องตาเก็บมาเลี้ยงในสวนพากันวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน เมื่อต้องตาเดินผ่านก็จะคอยวิ่งเข้ามาล้อมตัวและเดินไปด้วยตลอดทาง

เหล่าสุนัขจรจัดที่ต้องตาเก็บมาเลี้ยงในสวนพากันวิ่งเล่นอย่างสนุกสนาน เมื่อต้องตาเดินผ่านก็จะคอยวิ่งเข้ามาล้อมตัวและเดินไปด้วยตลอดทาง

หากใครมาเยือนสวนขวัญเกษตรธรรมชาติ สิ่งแรกที่ผู้มาเยี่ยมเยียนจะได้สัมผัสมิใช่สีเขียวแห่งป่าใบ ทว่าคือเสียงบรรเลงขับขานอันโหวกเหวกน่าปวดหูของบรรดาชาวสี่ขา ๓๐ กว่าชีวิต

หลายชีวิตมาจากข้างถนน บางชีวิตเดินตามติดมาเองจากตลาด บางตัวเหลือสามขาแต่สุดซ่า แต่ละตัวจับจองอาณาบริเวณของตัวเองตลอดรอบสวนขวัญ ต้องตาว่า ชาวสี่ขาพวกนี้เป็นทั้งเพื่อนซี้และยามรักษาการณ์ผู้แสนเคร่งขรึม

“หมาๆ ที่นี่เก่งมาก ถ้าเห็นงูเลื้อยผ่านมันจะตามดมกลิ่น ตะกวดนี่เจอกันไม่ได้ โดยเฉพาะไอ้จี๊ด”

คนเล่าหมายถึง “ส้มจี๊ด” หมาแก่ขนฟูสีขาวที่ออกจะอมเทาอยู่หน่อยๆ เพราะความแสบซนสมชื่อ

“เห็นตัวเล็กแบบนี้จับตะกวดเก่ง บางทีจับได้งู งูแทบจะพันรอบมันได้ทั้งตัว แต่มันยังลากงูวิ่งหนีหมาตัวอื่นๆ ได้อีก”

คงจะเป็นเกมการแข่งขันระหว่างหนุ่มสาวสี่ขา ที่หนุ่มสาวสองขาอย่างเราๆ เข้าไม่ถึง

ในสวนแห่งนี้ หากเราก้าวย่างอย่างแผ่วเบา ระมัดระวัง และคอยสังเกตดี ๆ จะได้พบเห็นสัตว์นานาชนิดซึ่งอยู่อาศัยร่วมกัน โผล่กายออกมาให้เราได้แอบมอง

สวนขวัญสงบ ร่มรื่น และทุกสรรพชีวิตก็ล้วนเติบโต–งอกงาม

ปัจจัยสำคัญในการดำเนินชีวิตให้เป็นไปของต้องตามีอยู่สองสามอย่าง อย่างแรกคือการมีความรัก–ต่อบางสิ่งบนโลกใบกลมนี้ อาจคือผู้คน คือสัตว์น้อยใหญ่ กระทั่งดอกไม้และสายน้ำ ถัดมาคือการงานที่สามารถปล่อยวางหัวใจไว้ด้วยได้ อย่างสุดท้าย คือการมีอากาศบริสุทธิ์อยู่รายล้อม

สำหรับหญิงวัยกลางคนผู้พ้นผ่านหลากฤดูกาลของชีวิต เพียงแค่ได้ตื่นเช้ามาหายใจเข้า หายใจออก ก็เป็นเรื่องดีของชีวิตแล้ว

“ส้มจี๊ด” สุนัขตัวแสบประจำสวน แอบมองต้องตาล้างผักอยู่หลังขวดน้ำหมักชีวภาพ

“ส้มจี๊ด” สุนัขตัวแสบประจำสวน แอบมองต้องตาล้างผักอยู่หลังขวดน้ำหมักชีวภาพ

“ปีนี้น้ำแล้งมาก ปรกติน้ำในบ่อไม่เคยลดต่ำขนาดนี้” ต้องตากล่าวระหว่างพาพวกเราดูบ่อน้ำที่ใช้เลี้ยงสาหร่าย อาหารปลาดุกในบ่อ

“ปีนี้น้ำแล้งมาก ปรกติน้ำในบ่อไม่เคยลดต่ำขนาดนี้” ต้องตากล่าวระหว่างพาพวกเราดูบ่อน้ำที่ใช้เลี้ยงสาหร่าย อาหารปลาดุกในบ่อ

เราถามต้องตาว่า ทำสวนอย่างนี้ มีอะไรเป็นปัญหา

คนถูกถามหัวเราะเบา ๆ

“งานสวนอยู่ภายใต้ธรรมชาติ ต้องพบเจอสภาวะแล้ง ฝนตกชุก น้ำท่วม เป็นเงื่อนไขที่เราไม่สามารถห้ามได้ เราต้องแก้ไข เรียนรู้…ภัยธรรมชาติที่เกินพอดีอาจทำให้เราเหนื่อย แต่สิ่งเหล่านี้จะสร้างความแข็งแกร่ง”
กวีบทหนึ่งจากริมฝีปากของต้องตา ลอยล่องมาให้เราได้สดับ “มะละกอมีบาดแผล… แต่ลองแลดูเถิดหนา อันริ้วรอยรอบกายา คือราคาการงอกงาม” บทกล่อมขวัญมะละกอ ประพันธ์โดย เสกสรรค์ ประเสริฐกุล
ชื่อว่าสวนขวัญเกษตรธรรมชาติ แน่นอนว่าทุกสิ่งอย่างไร้สารเคมีตามชื่อ ผลผลิตที่สะอาดและผ่านกรรมวิธีอันพิถีพิถันจะถูกส่งต่อไปยัง “ตลาดนัดเกษตรธรรมชาติ” ในวัดญาณสังวรารามวรมหาวิหาร อันเป็นโครงการเนื่องในพระราชดำริเพื่อเกษตรกร

แบบแผนของสวนขวัญดำเนินไปเพื่อการอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างแท้จริง

อยู่อย่างพอเพียง และเข้าใจสมดุลของธรรมชาติ

“โครงการอื่นๆ เราก็เข้าไปศึกษา ดูว่าแต่ละแห่งเขาทำกันอย่างไร แล้วเอามาปรับใช้ให้ดี ซึ่งส่วนมากไม่ค่อยได้ใช้ทฤษฎีที่ตายตัว อยากปลูกอะไรเราก็ปลูก ค่อยๆ ทำความรู้จักต้นไม้ไป”

ต้องตาอธิบาย เพราะต้นไม้ดอกไม้ต้องการการดูแลมากกว่านั้น คำว่า “เกษตรกรรม” ละเอียดอ่อนกว่าที่เราเคยนึกถึง

เกษตรธรรมชาติมีมาตรฐานหลายอย่าง หลักสำคัญหนึ่งคือเรื่องการทำปุ๋ย ปุ๋ยที่ใช้ต้องหมักจากมูลสัตว์ อย่างขี้วัว ขี้ไก่ ผสมใบไม้ ใบหญ้า กลายเป็นสารอาหารที่เหมาะสมกับต้นไม้ ซึ่งในท้ายที่สุดทุกอย่างจะย่อยสลายกลับคืนสู่แผ่นดิน ยังความอุดมสมบูรณ์ให้คงดังเดิม

“พวกนี้คือสมุนไพร”

ต้นไม้ต้นเล็กมากมายรอบตัวเรา ดินใต้ฝ่าเท้าชุ่มชื้น สีสันของหมู่มวลสมุนไพรพาให้ใจเย็นฉ่ำ

“อย่างต้นนี้เรียกแปะตำปึง เขากินรักษาตับกัน ผักผลไม้พวกนี้กินได้ทั้งนั้น เราก็เอามาทำน้ำปั่น”

ทั้งน้ำผักปั่น น้ำหม่อนรสหอมหวาน ยังมีน้ำเสาวรส น้ำมะขามป้อม

ผลผลิตอื่นทั่วไปก็มากมาย อย่างสบู่น้ำผึ้งหรือน้ำมันมะพร้าวล้วนเป็นของจากธรรมชาติ ไม่ทำร้ายผู้บริโภค

“เราทำให้คนที่ดูแลสุขภาพ ให้เขากินดี” น้ำเสียงของคนทำฟังดูสุขใจ

สวนขวัญ…คือของขวัญชิ้นโตที่ทะนุถนอมความสุขของคนรับอย่างดี

ต้องตาย้ำว่าปลูกต้นไม้ต้องใช้ใจปลูก ต้องใส่ใจในทุกสิ่ง ทุกผลกระทบจากทุกๆ ขั้นตอน

“เวลาเรามองต้นไม้ ดอกไม้ จะรู้สึกว่ามันน่ารัก อยู่กับต้นไม้แล้วสบายใจ…เมื่อเริ่มปลูกต้นแรกแล้วรอด เราจะมีกำลังใจปลูกเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เวลาเห็นว่าผลิใบติดผล ‘เธอรอดแล้ว เธอแตกใบอ่อน’ เห็นเป็นอย่างนี้เราจะดีใจ”

ขณะที่เมล็ดพันธุ์กำลังถูกหว่านบนผืนดินชุ่มชื้น หัวใจอ่อนโยนของผู้หญิงคนนี้คงโปรยปรายคล้ายเม็ดฝนหยาดลงพร้อมกัน

ต้องตากำลังเลือกเก็บผักและสมุนไพรภายในสวน เพื่อนำไปทำน้ำปั่น

ต้องตากำลังเลือกเก็บผักและสมุนไพรภายในสวน เพื่อนำไปทำน้ำปั่น

พืชผักสดที่เก็บจากในสวน ปลูกแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี

พืชผักสดที่เก็บจากในสวน ปลูกแบบธรรมชาติ ไม่ใช้สารเคมี

 ผลิตภัณฑ์บางส่วนที่ต้องตาทำออกมาขายเพื่อให้คนรักสุขภาพได้กินได้ใช้ของที่ปลอดภัยและมีประโยชน์

ผลิตภัณฑ์บางส่วนที่ต้องตาทำออกมาขายเพื่อให้คนรักสุขภาพได้กินได้ใช้ของที่ปลอดภัยและมีประโยชน์

“สังคมแต่ละอาชีพแตกต่างกันไป…เราคิดว่าอาชีพเกษตรกรเป็นสังคมคนดีมีความสุขนะ หลุดพ้นจากความกดดันทั้งหลายแหล่ของสังคม หลุดพ้นจากค่านิยม เราเป็นอิสระ”

มุมมองในแง่งามของต้องตาทำให้คนฟังอย่างเราคล้อยใจตาม

เธอว่าความคิดของเกษตรกรที่คงมีแปลกแยกกันอันเป็นความธรรมดา

“แต่ยังเหมือนคลื่นที่พร้อมขับเคลื่อนเรื่องราวดีๆ ไปด้วยกัน…บทสนทนาของนักปลูกมักจะเป็นเรื่องมองต้นไม้ดอกไม้ เรื่องของสิงสาราสัตว์ จะทำอย่างไรให้ผักขึ้นงาม และดอกไม้บานสวย”

หลักของวิถีเกษตรกรที่สำคัญคือความพอประมาณ

อย่างต้องตาว่าคนทำเกษตรควรพอเพียง หากหวังรวยด้วยทางนี้จะเหนื่อยมากไป แต่ถ้าหวังเพียงรอยยิ้มและความสุขใจ สุขแบบที่พอเลี้ยงตัวเองพร้อมจุนเจือชาวสี่ขาได้ จะกลายเป็นความเหนื่อยแบบพอดีๆ

เพราะทุกเส้นทางที่ใครๆ เลือกเดินย่อมต้องทุ่มเทแรงกาย แรงใจ และสติปัญญา

หนทางนี้สำหรับต้องตานั้นคุ้มค่า ด้วยการกลับกลายมาเป็นสุขภาพที่ดี และมีอากาศอันบริสุทธิ์รายล้อมบ้าน ทั้งยังมีเพื่อนซี้แสบซนอีกกว่า ๓๐ ชีวิต

“เราเชื่อว่าชีวิตถูกลิขิตไว้ด้วย ตัวเราเลือกเองด้วย”

เจ้าของสวนขวัญกล่าว

“ทุกสิ่งจะค่อยๆ ผลักให้เราไปสู่จุดที่เป็นที่ทางของเรา…เราอาจเดินผ่านช่วงเวลาแต่ละช่วงเพื่อทำความรู้จักตัวเอง เพื่อจะแข็งแกร่งมากพอสำหรับในวันหนึ่ง เมื่อไปถึงสถานที่ที่รู้สึกว่ามันใช่ของเรา เราก็จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง ด้วยความสุข ความเข้าใจ…”

โลกของสวนขวัญมีขนาดพอเหมาะพอดี ดำเนินไปตามครรลองของมัน