เรื่องและภาพ : Born to be nurse

ภารกิจการสอนภาคปฏิบัตินักศึกษาพยาบาล (เส้นทางนางฟ้า)

ฤดูร้อนเดือนมีนาคมกำลังเริ่มขึ้น ช่วงเวลาการสอนภาคปฏิบัติ มาถึงแล้ว วันที่ 15 มีนาคม 2563 ฉันจัดเตรียมเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว นม น้ำ ยาที่จำเป็น เครื่องนอนเพื่อไปพักค้างในโรงพยาบาลที่เป็นสถานที่ฝึกงาน และไม่ลืมแอลกอฮอลเจล และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ที่หาซื้อยากกว่าสิ่งใด ปรากฏการณ์หน้ากากอนามัยขาดตลาดจึงเป็นความลำบากของวิชาชีพเรา

วันที่ 16-19 มีนาคม 2563 การสอนภาคปฏิบัตินักศึกษาครั้งนี้ ไม่ปกติเหมือนทุกปีที่ผ่านมา

สถานการณ์ระบาดโคโรนาไวรัสทำให้เราต้องเตรียมพร้อมนักศึกษาทุกด้าน เพื่อป้องกันนักศึกษาติดเชื้อขณะให้การพยาบาล นักศึกษาของเราฝึกงานได้เพียง 4 วันก็มีประกาศจากรัฐบาลปิดสถานศึกษาและระงับการฝึกภาคปฏิบัติ นักศึกษาทุกคนต้องกลับบ้านและมีการมอบหมายส่งรายงานกรณีศึกษาทางออนไลน์

ใครจะคิดว่าโรคระบาดจะกลับมาในยุค 2020

ฉันติดตามข่าวสารของลูกศิษย์ที่สำเร็จการศึกษาและกลับไปทำงานในบ้านเกิดของพวกเขา และคอยส่งกำลังใจให้ เพราะรู้ว่าลูกศิษย์ของฉันเหนื่อยล้าเครียดกับงาน อีกทั้งต้องดูแลตัวเองให้มีสุขภาพดี พร้อมรับมือการไปดูแลผู้ป่วย

ลูกศิษย์ของฉันก็เป็นมนุษย์เดินดินเฉกเช่นผู้อื่น

มีครอบครัวที่ต้องดูแล ต้องการมีชีวิตที่ปกติสุขเหมือนผู้อื่น

เมื่อเขาเลือกเดินบนเส้นทางนางฟ้าแล้วเขาต้องรับผิดชอบหน้าที่ให้ดีที่สุด แม้เส้นทางนั้นมีความเสี่ยงตาย เฉกเช่นนักรบที่ออกสงครามฉันใด พยาบาลที่ดูแลผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 หรือโรคติดเชื้อต่างๆ ก็มีความเสี่ยงตายเช่นนั้น

ในยามนี้โคโรนาไวรัสเปรียบเสมือนข้าศึกที่บุกไปทั่วโลก มองไม่เห็นตัว แต่ทำให้เราเจ็บป่วยและล้มตาย

ในที่สุดวิชาชีพพยาบาลของพวกเรา เครื่องแบบสีขาวกลายเป็นนักรบไปในบัดดล มีเสื้อเกราะคือชุด PPE มีอาวุธคือเข็มฉีดยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์

ณ เวลานี้ความเข้มแข็งและพลังในตนเองสำคัญที่สุด

กำลังใจจากครอบครัวและสังคม กำลังใจจากมวลมหาชน ทำให้หัวใจที่อ่อนล้าของพวกเราฮึกเหิม และพร้อมที่จะสู้ต่อไปด้วยจิตเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์

พวกเราต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด…และพวกเราไม่ต้องการเป็นวีรบุรุษหรือวีรสตรีในเครื่องแบบสีขาว

Covid -19 จากพยาบาลชายแดนใต้

นุชนาถ-ลูกศิษย์คนหนึ่งของฉันที่ทำงานในโรงพยาบาลจังหวัดปัตตานี เธอส่งข้อความเข้ามาด้วยความห่วงใยอาจารย์แม่ของเธอ ส่วนฉันก็ส่งกำลังใจเรื่องการทำงานและชีวิตในแต่ละวัน
มาฟังเรื่องราวของนาถกัน

………….

มีนาคม 2563 เริ่มต้นเดือนใหม่ได้ไม่สวยเลย

ข่าวการระบาดของโรคเริ่มเข้ามาถึงใจกลางประเทศของฉัน พร้อมทั้งมีชื่อใหม่ว่า “Covid 19”

ฉันคิดว่าไม่เป็นไรหรอก ประเทศของฉันมีมาตรการจัดการดีอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เป็นไปในแนวทางที่ฉันหวังไว้

การแพร่ระบาดใกล้เข้ามาทุกที

สัปดาห์แรกของการทำงานในโรงพยาบาลประจำจังหวัด ที่นอกจากจะประสบกับปัญหาความไม่สงบความรุนแรงในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภายใต้แล้ว พวกเรากำลังจะพบกับปัญหาใหม่ที่กำลังจะเริ่มขึ้น ณ ตอนนี้ ทุกหน่วยงานเรียกประชุม วางแผนและทบทวนการบริหารจัดการทันที

แล้ววันนี้ก็มาถึง

มีรายงานแจ้งผู้ป่วยผล Covid 19 possitive อยู่ที่โรงพยาบาลประจำอำเภอ กำลังจะส่งตัวมารักษาและดูอาการต่อที่โรงพยาบาลของฉัน

ต้องบอกก่อนว่า ฉันเป็นพยาบาลประจำห้องคลอด เอาล่ะสิ โอกาสสัมผัสพบเจอโรคแบบนี้น้อยมาก วันทั้งวันที่ทำงานหนักสุดแล้วก็แค่ผู้ป่วยครรภ์เป็นพิษต้องให้ยากันชัก นี่คือที่สุดแล้วของแผนกฉัน

เริ่มแรกของเช้าวันนั้น หัวหน้าแจ้งว่ามีการจัดเวรโรคอุบัติใหม่ ขอให้ทุกคนดูชื่อในตารางเวรที่จัดได้เลย (โอ๊ย ฉันยังไม่ได้ทำใจเลย) แล้วเราก็เริ่มต้นด้วยการซักซ้อมการดูแลผู้ป่วยตามหลักการที่ถูกต้อง การสวมชุดป้องกันตัวเอง การเข้าไปดูแลผู้ป่วยในห้องแรงดันลบที่ทางโรงพยาบาลจัดเตรียมไว้

ในขั้นตอนการดูแลผู้ป่วย เมื่อเริ่มรับเวรแล้วเราต้องอธิบายให้ผู้ป่วยทราบโดยคุยกับผู้ป่วยผ่านโทรศัพท์ประจำห้อง และดูผู้ป่วยผ่านจอโทรทัศน์วงจรปิด

เมื่อถึงเวลาให้ยาเป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราต้องเข้าไปสัมผัสผู้ป่วย ต้องสวมชุดที่เรียกว่า PPE

ภายในชุดนี้ ร้อน อึดอัด หายใจไม่ออก เหงื่อท่วมตัว แต่ก็ต้องอดทน ผู้ป่วยน่ารักให้ความร่วมมือดีมาก

ออกมาจากห้องได้…โอ๊ยโล่ง…ได้ถอดชุดอันอึดอัดทิ้งซะที

ครบ 8 ชั่วโมงกับการอยู่เวรกับคนไข้ ส่งเวรเสร็จ อาบน้ำสระผมจากตึกผู้ป่วยก่อนลงเวร

เช้าวันถัดมากลับมาทำงานที่ตึก เราทบทวนทุกขั้นตอนการดูแลผู้ป่วยแบบละเอียดยิบ และอัปเดทยอดผู้ป่วยทุกวัน

…………………………

มาถึงความรู้สึกตอนนี้ รู้สึกกลัว กังวลในใจไปหมด ฉันต้องป้องกันตัวเองรอบด้าน เริ่มซื้อหน้ากากอนามัยเองเพราะของโรงพยาบาลเริ่มมีไม่เพียงพอ หาซื้อมาได้ก็ในราคาอันแสนแพง ต้องหาซื้อเผื่อคนในครอบครัว ทั้งหน้ากากอนามัย ทั้งแอลกอฮอลเจลและน้ำยาล้างมือ พร้อมทั้งให้ความรู้คนในครอบครัวให้พวกเขาตระหนักถึงความรุนแรงของโรคและการป้องกันดูแลตัว

เพราะอะไรนะหรือ เพราะทุกคนในครอบครัวที่ฉันดูแลอยู่มีโรคประจำตัวทุกคน พ่อของฉันเป็นโรคความดันโลหิตสูงและไขมันในเลือดสูง รักษาต่อเนื่องที่คลินิกโรคเรื้อรังโรงพยาบาลประจำอำเภอ แม่มีโรคประจำตัวคือหอบหืดต้องใช้ยาพ่นและต้องพบแพทย์โรงพยาบาลประจำจังหวัดเป็นประจำ พี่ชายของฉันเป็นผู้ป่วยจิตเวชจากการถูกลอบยิงทำให้ต้องรับยาจิตเวชต่อเนื่องจากโรงพยาบาลที่ฉันทำงานอยู่

ช่วงนี้ใช้ชีวิตการทำงานไปกลับเฉพาะโรงพยาบาลและบ้านพักของฉันเท่านั้น เพราะมติที่ทำงาน ทุกคนต้องมีความพร้อมตลอดเวลา หากมีผู้ป่วยมาต้องตามได้ตลอด 24 ชั่วโมง

เหนื่อยนะแต่ก็ต้องอดทนและต้องปรับตัว เช่น จะไม่ได้กลับบ้านบ่อยๆ ต้องตื่นเร็วกว่าปกติขณะที่เวลาจะนอนของพยาบาลแบบฉันก็น้อยอยู่แล้ว เพราะกว่าจะผ่านเข้าโรงพยาบาลได้ต้องอ้อมเข้าทางประตูหน้าโรงพยาบาลเท่านั้นจากเมื่อก่อนเข้าประตูหลังสำหรับเจ้าหน้าที่ถึงตึกที่ทำงานเลย แต่นี่ต้องผ่านด่านตรวจวัดไข้ ด่านประตู อ้อมวนไปยังที่จอดรถ ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา ส่วนเรื่องล้างมือก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะฉันทำเป็นประจำอยู่แล้วทุกวัน

หลังจากสองสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคมผ่านไป ทุกอย่างเริ่มเป็นระบบมากขึ้น

แต่แล้วข่าวร้ายก็มาถึง เริ่มมีประกาศห้ามเจ้าหน้าที่ทุกคนออกนอกเขตจังหวัด ใช่ค่ะ บ้านเดิมฉันไม่ได้อยู่ที่นี่ พ่อแม่ฉันอยู่อีกจังหวัดหนึ่งที่ติดกัน แล้วฉันควรทำอย่างไร วันหยุดที่ปกติจะได้กลับบ้านไปอยู่กับทุกคนในครอบครัว

ฉันตัดสินใจขับรถไปตัวอำเภอหาดใหญ่ รีบซื้อของใช้ที่จำเป็นสำหรับทุกคนในบ้านและของใช้ในชีวิตประจำวัน รีบขับรถเอาของกลับไปให้ทุกคนที่บ้าน เสร็จเรียบร้อยก็รีบกลับทันที จากเมื่อก่อนที่จะได้กอดพ่อหอมแก้มพ่อ พูดหยอกล้อกับแม่ก่อนจะกลับไปทำงานทุกครั้ง

ฉันกลัวไปหมด ที่สำคัญในใจฉันกลัวว่าตัวเองจะเป็นคนแพร่กระจายเชื้อให้กับทุกคน

แต่ช่างเถอะแค่กลับไปเห็นว่าทุกคนยังสบายดีก็สบายใจมากแล้วในสภาวะเช่นนี้

……………………………

ผ่านมาถึงสัปดาห์ที่ 3 ของการทำงานเดือนมีนาคม

อัตราการเพิ่มของผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องทำงานกันตามหน้างานและรู้จักวิธีการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า

สัปดาห์นี้เหนื่อยเพิ่มอีก เพราะมีคนไข้กลับจากประเทศเพื่อนบ้านที่ปิดประเทศจากการแพร่กระจายโรคเช่นเดียวกับบ้านเรา

คนไข้รายใดมีประวัติกลับจากประเทศนี้หรือสัมผัสผู้ที่กลับจากประเทศนี้ ก็จะถูกกักตัวไว้ก่อนเพื่อตรวจตามขั้นตอน ซึ่งมีจำนวนมาก เพราะคนบ้านเราส่วนใหญ่ข้ามไปทำงานที่ประเทศเพื่อนบ้านด้วยค่าเงินที่แพงกว่าในสมัยก่อน

เจ้าหน้าที่ทุกคนเริ่มทำงานหนักขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนเริ่มเหนื่อยล้า อีกทั้งอุปกรณ์ต่างๆ เริ่มขาดแคลน ไม่พอใช้ ต้องจัดหาและทำกันเอง เพื่อให้เจ้าหน้าที่ทุกคนปลอดภัยที่สุด

โรงพยาบาลเริ่มประกาศรับบริจาคจากภายนอก

รู้สึกขอบคุณทุกๆ ท่านแทนเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ช่วยเหลือและสนับสนุนพวกเรา ให้มีแรงและพลังในการทำหน้าที่กันต่อไป

ฉันตั้งใจทำงานเพราะในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนที่จะมาถึง จะเป็นวันหยุด 2 วันของฉัน จะได้กลับบ้านอีกครั้ง

แต่แล้วฉันก็ต้องฝันสลาย มี พ.ร.ก. ฉุกเฉินประกาศปิดจังหวัด

เจ้าหน้าที่ทุกคนห้ามออกนอกพื้นที่ มิหนำซ้ำ มีประกาศจากทางโรงพยาบาลให้เจ้าหน้าที่ทุกคนยกเลิกวันลาพักร้อนเดือนเมษายน

ฮือ…ฉันอยากร้องไห้ไม่ได้กลับบ้านแล้วสินะ

วันที่ลาพักร้อนเพราะพี่ชายหมอนัดคลินิกจิตเวชจะทำอย่างไรดีละทีนี้

ฉันปลอบใจตัวเองเบาๆ ว่าต้องอดทน

ถึงเวลานี้แล้วก็คงต้องตั้งใจทำหน้าที่ตัวเองให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ที่สุด

ฉันเฝ้าภาวนาและหวังว่า วันหนึ่งในไม่ช้า เหตุการณ์นี้จะผ่านพ้นไปอย่างรวดเร็ว

พอตอนนั้นจะได้บอกกับตัวเองว่าอย่างเต็มปากเต็มคำว่า “ฉันทำมันดีที่สุดแล้ว”

ภาคภูมิใจในวิชาชีพพยาบาล…เครื่องแบบสีขาว

เราภาคภูมิใจในวิชาชีพพยาบาล เครื่องแบบสีขาว นักรบในเครื่องแบบสีขาว ลูกศิษย์ของฉัน เพื่อนร่วมวิชาชีพของฉัน พวกเราทำหน้าที่ในวิชาชีพอย่างดีที่สุด และเต็มกำลังความสามารถด้วยความเอื้ออาทรและจิตเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์

พวกเราก็เป็นปุถุชนไม่ต่างจากผู้อื่นที่รักตัวกลัวตาย ไม่อยากเจ็บป่วย และอยากอยู่สุขสบาย แต่เมื่อเราเลือกวิชาชีพนี้แล้วเราจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดด้วยความรับผิดชอบมีวินัยอดทนเสียสละและเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์
เราจะเป็นกำลังใจให้กันเสมอ ลูกศิษย์ของฉัน เพื่อนร่วมวิชาชีพของฉัน บุคลากรทางการแพทย์-พยาบาลทุกท่าน ไม่ว่าเราจะทำงานในจุดไหน ทั้งด้านการส่งเสริม รักษาและฟื้นฟูสุขภาพ

พวกเราเหล่านักรบในเครื่องแบบสีขาว ฝ่าวิกฤติ….สงครามโควิด-19

เราตอบแทนพระคุณพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคน เราจะรอดและปลอดภัยไปด้วยกัน

เสียงเพลง “มาร์ชพยาบาล” ดังก้องอยู่ในใจและอยู่ในความทรงจำของพยาบาลทุกคน

อันความกรุณาปราณี   จะมีใครบังคับก็หาไม่
หลั่งมาเองเหมือนฝนอันชื่นใจ    จากฟากฟ้าสุลาลัยสู่แดนดิน
ข้อความนี้องค์พระธีรราชเจ้า    พระโปรดเกล้าประทานให้ใจถวิล
ใช้คุณค่ากรุณาไว้อาจิณ    ดั่งวารินจากฟ้าสู่สากล
อันพวกเราเหล่านักเรียนพยาบาล    ปณิธานอนุกูลเพิ่มพูนผล
เรียนวิชากรุณาช่วยปวงชน    ผู้เจ็บไข้ได้พ้นทรมาน
แม้โรคร้ายจะแพร่พิษถึงปลิดชีพ    จะยึดหลักดวงประทีปคือสงสาร
แม้เหนื่อยยากตรากตรำใจสำราญ     อุทิศงาน…เพื่อคนไข้…ทั้งใจกาย

ผลงานจากผู้เข้าร่วมโครงการค่ายนักเล่าความสุข โดย สสส. และนิตยสารสารคดี