เรื่อง / ภาพ วีระศักดิ์ จันทร์ส่งแสง
ปิดทุกตำบล
หลังจากหลายจังหวัดทยอยปิดตัวเองกันแล้ว ผู้ว่าราชการจังหวัดก็ออกคำสั่งปิดจังหวัดกระบี่ เมื่อวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๖๓ และนายอำเภอคลองท่อมก็สั่งปิดทุกตำบลในวันเดียวกันนั้น
อาจเป็นอำเภอแรกอำเภอเดียวในเมืองไทยก็เป็นได้ที่ปิดตัวต้านภัยโควิด-๑๙ กันถึงระดับตำบล ให้ผู้คนเคลื่อนไหวไปมากันอยู่เฉพาะภายในตำบลตนเอง
“อำเภอคลองท่อมเสี่ยงสูง เราอยู่ติดอำเภอเกาะลันตาซึ่งเป็นพื้นที่สีแดง และคนคลองท่อมออกไปทำงานอยู่ที่อ่าวนาง ที่ภูเก็ตก็เยอะ ซึ่งเป็นพื้นที่เสี่ยง” นายอำเภอไพศาล ศรีเทพ บอกเหตุผลที่สั่งปิดอำเภอคลองท่อม ให้แต่ละตำบลปิดตัวเอง ไม่ให้เดินทางเข้าออกข้ามเขตตำบลของตน
“ก่อนออกประกาศปิดจังหวัดกระบี่ ผู้ว่าฯ เชิญประชุมนายอำเภอ ผมบอกว่าถ้าเราไม่ล็อกตำบลจะอันตราย โอกาสแพร่เชื้อหากันจะสูง กลุ่มเสี่ยงจากพื้นที่หนึ่งอาจเข้าไปแพร่ในตำบลอื่นด้วย เราเลยต้องล็อกตำบล ถนนบางเส้นเราปิดตายไม่ให้รถวิ่งผ่าน โดยเฉพาะทางเชื่อมระหว่างหมู่บ้าน คนเดินทางต้องผ่านเข้าด่านตรวจ เราจะคัดกรองได้ เหมือนกับสำนวนปักษ์ใต้ที่บอกว่า ต้อนให้เข้าไซ”
เป็นความเข้มงวดที่อาจทำให้คนในท้องถิ่นและคนผ่านทางต้องยุ่งยากลำบากบ้าง
“ผมคุยกับทีมกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน อบต. ว่าเราจำเป็น เราต้องยอมลำบากในช่วงนี้เพื่อรักษาชีวิตรอด ตอนนี้อำเภอเรายังเป็นสีเขียว ตัวเลขผู้ป่วยยังเป็นศูนย์ ถ้าติดขึ้นมาแล้วอาจตายได้”
ทุกตำบลขานรับ ดังที่นายกองค์การบริหารส่วนตำบล เติม จันทร์ส่งแสง ตำบลพรุดินนา ชุมชนพื้นที่สวนเกษตรกรรมด้านตะวันออกของอำเภอคลองท่อมต่อแดนอำเภอลำทับ ให้ความเห็นต่อมาตรการนี้ว่า
“การดูแลชีวิตมนุษย์เป็นเรื่องสำคัญที่ทุกคนต้องเคารพและให้ความร่วมมือ ยากลำบากกันสักนิดก็ดีกว่าให้บ้านเมืองตกอยู่ในอันตรายไปกว่านี้ เรื่องเศรษฐกิจค่อยฟื้นฟูเอาได้”
ตำบลพรุดินนามีเส้นทางหลักเชื่อมต่อกับตำบลใกล้เคียงสี่ช่องทาง ตั้งด่านหลักสี่จุด ปฏิบัติการรวมกำลังเจ้าหน้าที่ปกครองท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน แพทย์ประจำตำบล คณะกรรมการหมู่บ้าน อสม. จิตอาสา ร่วมกับตำรวจและปลัดอำเภอ ดูแลตรวจตราภายใต้ระเบียบ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน และคำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอ
ด่านกองไม้ ทางเชื่อมต่อตำบลคลองท่อมใต้ กับด่านห้วยนา ต่อแดนตำบลทุ่งไทรทอง อำเภอลำทับ บนเส้นทางสาย ๔๐๓๘
กับด่านห้วยมะขามป้อม บ้านเขาสามหน่วย และด่านช่องลานช้าง ที่เชื่อมต่อกับตำบลเพหลา
เหล่านี้เป็นทางเข้าออกพื้นที่ตำบลบนเส้นทางหลัก หรือทางหลวงแผ่นดิน แต่ตามหมู่บ้านระหว่างตำบลยังมีทางท้องถิ่นเชื่อมต่อถึงกันอีกมาก ซึ่งหลายเส้นทางได้ใช้วิธีปิดตายโดยใช้แท่งปูนหรือไม้ขวางปิดถนน ซึ่งอาจสร้างความติดขัดขลุกขลักให้แก่ผู้ใช้เส้นทางสัญจรบ้าง แต่นายก อบต. พรุดินนามองว่าเป็นความจำเป็น
“ปิดทางย่อยเพื่อให้คนมาผ่านด่านคัดกรอง บันทึกประวัติ เหตุผลการสัญจร ถ้าปล่อยให้เกิดทางลัดไปได้ ต้องใช้เจ้าหน้าที่ในการไปดักคัดกรองอีกจำนวนมาก กำลังคนของเราจะไม่พอ จึงต้องปิดเส้นทางบางส่วน อาจทำให้ต้องอ้อม แต่ไม่ได้ไกลมาก ทุกคนต้องช่วยกัน”
นายก อบต. พรุดินนา ได้ส่งชุด อปพร. ของ อบต. เข้าร่วมอยู่เวรยามตามด่านคัดกรองทุกด่านด้วย
“เจ้าหน้าที่ อปพร. ของ อบต. ได้รับการฝึกอบรมมาแล้ว โดยก่อนนี้ก็เข้าไปร่วมสถานการณ์ต้านภัยโควิดด้วยการรณรงค์ส่งเสริมการดูแลสุขภาพอนามัยของประชาชน โดยนำเจลล้างมือและหน้ากากอนามัยไปแจกให้คนที่เดินทางไปมาในตำบล ประสานงาน อสม. ทุกหมู่บ้านให้ทำเจลและทำหน้ากากอนามัย ให้ทุกหมู่บ้านนำกลับไปทำใช้เอง และให้ความรู้กับชาวบ้านโดยจัดรถประชาสัมพันธ์ตามสถานการณ์และแนะนำการดูแลและป้องกันตนเองตามหลักเกณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุข ทุกวันนับแต่มีกระแสการแพร่ระบาดของโควิด-๑๙”
ช่วงนี้ทั้งเจ็ดตำบลของอำเภอคลองท่อมต่างปิดตัวเอง เส้นทางสัญจรยังอยู่ แต่มีด่านคัดกรองแน่นหนา และใช้วิธี “ปิดตาย” เส้นทางบางสาย เนื่องจากกำลังเจ้าหน้าที่ไม่เพียงพอจะตั้งด่านบนเส้นทางท้องถิ่นได้ครบทุกสาย
ตามที่นายอำเภอบอกว่า “เราต้องลดปริมาณคนที่ไปประจำอยู่ที่ด่านวันละ ๑๔ ชั่วโมง ตั้งแต่ตี ๔ ถึง ๔ ทุ่ม ในการปิดช่องทางไม่ให้มีรูรั่ว ไม่ให้หลบหลีกได้ เพื่อไม่ให้มีโควิด-๑๙ ในอำเภอเรา ถ้าทุกคนช่วยเชื่อว่าจะปลอดภัย ครบกำหนดก็เปิดกลับตามปรกติ”
กักตัว (เอง) ให้ได้
มาตรการปิดพรมแดนตำบล ห้ามคนเดินทางข้ามเขตพื้นที่ คัดกรองคนเข้าออก ดำเนินควบคู่ไปกับการจัดกลุ่มควบคุมเฝ้าระวังอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะกลุ่มเสี่ยงสี่กลุ่ม ตามที่นายอำเภอไพศาลแจกแจงให้ฟังอย่างละเอียดว่า
กลุ่มแรกเรียกว่าพียูไอ เป็นกลุ่มเสี่ยงที่มีโอกาสเป็นผู้ป่วย จำนวน ๒๔ คน ครึ่งหนึ่งครบ ๑๔ วันแล้ว ผลตรวจเป็นลบ อีก ๑๒ คนที่เหลือรอให้ครบวันปลอดภัย
กลุ่ม ๒ กลุ่มผู้สัมผัสเสี่ยงสูง สัมผัสคนที่เป็นมาแล้ว “คนของเราสัมผัสจากลันตาและอ่าวนาง ครบ ๑๔ วันแล้ว ๑ คน อีกคนจะครบวันที่ ๒๒ เมษายน”
กลุ่ม ๓ กลุ่มที่เดินทางมาจากต่างจังหวัด กรุงเทพฯ และปริมณฑล เข้ามาในพื้นที่อำเภอคลองท่อม “เรากักคนที่เดินทางจากต่างพื้นที่มาก่อนแล้ว เริ่มมาก่อนพื้นที่อื่น เข้าตำบลไหนกำนันผู้ใหญ่บ้านบันทึกข้อมูลไว้หมด ทั้งสิ้น ๑,๒๔๖ คน กักตัวครบ ๑๔ วันแล้ว ๘๘๔ คน อยู่ในช่วงกักตัวอีก ๓๖๒ คน”
มาตรการเฝ้าระวังต่อกลุ่มที่ ๑-๓ นี้ จะเป็นการกักตัวอยู่ที่บ้าน ไม่สุงสิงกับใคร ปฏิบัติตาม พ.ร.บ. โรคติดต่อ พ.ศ. ๒๕๕๘ “เราให้อยู่บ้าน แต่ถ้าไม่ปฏิบัติตามคำแนะนำจะตักเตือนก่อน ขั้นต่อมานำมากักตัว ถ้าฝ่าฝืนดำเนินคดี จำคุก ๑ ปี ปรับ ๒ หมื่น หรือทั้งจำทั้งปรับ แต่ที่ผ่านมายังไม่มีผู้ฝ่าฝืน”
เฉพาะกลุ่มที่ ๔ คือคนท้องถิ่นที่กลับมาจากกรุงเทพฯ ที่ต้องกักตัวในสถานที่ที่ทางการจัดไว้
“ตอนนี้คนคลองท่อมถ้ามาจากกรุงเทพฯ ต้องเข้ากักตัวในโรงแรมที่เราจัดไว้ ๑๔ วัน เป็นนโยบายของกระทรวง ของจังหวัด ไม่อยากถูกกักก็อยู่ กทม. ไปก่อน ทางรถโดยสารมาไม่ได้ ถ้าขับรถมาเองเข้าหมู่บ้านชาวบ้านก็รู้ ผู้ใหญ่ต้องพาไปให้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลคัดกรอง ให้คำแนะนำในการอยู่ในหมู่บ้าน”
ตอนนี้คนคลองท่อมที่กลับมาจาก กทม. ถูกกักอยู่สองคน “คัดกรองมาจากต้นทาง ลงเครื่องเราไปรับพาเข้าโรงแรมที่กักตัว บอกพ่อแม่เขาให้รู้ว่าอยู่ตรงนี้ เอาของไปส่งได้ผ่านเจ้าหน้าที่ แต่ไปคุยในห้องไม่ได้”
กักกลุ่มเสี่ยงและควบคุมคนไปไม่ให้เคลื่อนย้าย จำกัดคนให้อยู่ในวงแคบในพื้นที่ตัวเอง เอื้อให้ชาวบ้านเฝ้าระวังกันเองได้ด้วย
งดค้าขายข้ามพื้นที่
วิถีวัฒนธรรมแบบ “เกลอเล เกลอเขา” ที่คนแถวชายทะเลขนเอาปลามาซื้อขายแลกเปลี่ยนกับผักผลไม้ของคนชายเขาถูกตัดขาดลงชั่วคราว ตลาดเหลือแต่แม่ค้าในตำบล จำนวนแผงลดน้อยลง และอนุญาตให้เปิดได้จากเช้าถึง ๑๑ โมงเท่านั้น
ระหว่างที่นายอำเภอให้ข้อมูลอยู่นั้น พ่อค้าแม่ค้าจากคลองปิ้ง ตำบลคลองพน ห้าหกราย มายื่นหนังสือขออนุญาตจะข้ามไปขายของในตลาดตำบลทรายขาว
นายอำเภอกล่าวกับราษฎรกลุ่มนั้นว่า “ต้องขอกันว่าตอนนี้อย่าเพิ่งเคลื่อนย้ายคนระหว่างตำบล จนหยุดการแพร่ระบาดได้ก็จะปลดล็อก ผมเองก็ถูกด่าทุกวัน เขาว่าเราปล่อยให้เข้าไป ทั้งที่ไม่ได้ปล่อยเลย ถ้ามีปัญหาเรื่องรายได้ให้ไปที่ท้องถิ่นเลย ไปกรอกแบบฟอร์มยื่นเรื่องพิจารณารับการช่วยเหลือที่ อบต. หรือผู้ใหญ่บ้าน”
เมื่อผู้ค้าขายกลุ่มนั้นปลีกตัวไปแล้วนายอำเภอให้ข้อมูลอีกว่า
“มีแม่ค้าตลาดสดที่อำเภอใกล้เคียงติดมาจากในตลาด เราจึงพยายามไม่ให้แม่ค้าเคลื่อนไหว ถ้าติดก็แพร่อยู่ในตำบลตัวเอง อย่าให้ไปแพร่วงกว้าง เพราะแม่ค้าสัมผัสคนเยอะมากจนไม่สามารถสอบสวนโรคได้ว่าแพร่เชื้อต่อให้ใครเยอะเท่าใด เราไม่ต้องการให้เกิดการรับเชื้อต่อๆ กัน ผู้ค้าขายเป็นกลุ่มหนึ่งผ่านข้ามตำบลไม่ได้ แต่ผู้รับจ้างขนส่งไปได้ เป็นการขนส่งสินค้าอุปโภคบริโภคผ่านได้”
นายอำเภอคลองท่อมสรุปบทเรียนเรื่องนี้ตั้งแต่ตอนจังหวัดใกล้เคียงประกาศปิดจังหวัดก่อน เกิดการเคลื่อนย้ายผู้คนอย่างโกลาหล ปล่อยคนมีเชื้อเข้าสู่พื้นที่จังหวัดเพื่อนบ้าน
“ตอนนี้มาขอให้ผมอนุญาตไปขายของตลาดโน่นนี่ เกิดมีคนป่วยขึ้นมา เราต้องต่อเวลาออกไป แล้วจะไม่ยิ่งเหนื่อยขึ้นไปอีกหรือ เราเหนื่อยแค่เดือนนี้กับเหนื่อยต่อไปจะเลือกอย่างไหน”
นายอำเภอไพศาลตั้งคำถามแบบชวนคิด แล้วบอกเป้าหมายของตนในฐานะผู้นำ
“ตอนนี้เศรษฐกิจได้รับผลกระทบ แต่เศรษฐกิจกับชีวิตคน เราต้องเลือกเอาชีวิตคนไว้ก่อน เศรษฐกิจตกแต่คนยังอยู่ เราก็ทำมาหากินได้ต่อ เมื่อพื้นที่เรา green ผู้ว่าฯ ก็จะปล่อยให้เรากลับมาทำมาหากินได้ตามปรกติ ตอนนี้คลองท่อมกำลังเฝ้าระวังถึงวันที่ ๒๒ เมษายน ถ้าตัวเลขผู้ป่วยเป็น ๐ เราอยู่สบายเลย และอย่างช้าไม่เกินวันที่ ๓๐ ผู้ว่าฯ จะประกาศกระบี่เป็นสีเขียว”