“นารีพิฆาต” - สุเมรุจักรวาล ตอนที่ 57

เป็นธรรมดาของผู้ที่ขึ้นสู่อำนาจด้วยการรัฐประหาร ความหวาดหวั่นอันดับต้นๆ คือเกรงว่าจะมีคนอื่นมาทำปฏิวัติซ้อน ท้าวสักกะเทวราช ผู้ดำรงตำแหน่งพระอินทร์แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ก็ไม่ต่างกัน

เมื่ออดีตมาฆะมาณพ นำคณะ คสส. ยึดอำนาจ กวาดล้างเหล่าเทพคนดีชุดเดิมจากยอดเขาพระสุเมรุจนต้องตกสวรรค์กลายเป็นอสูรไปแล้ว เรื่องที่คอยติดตามหลอกหลอนเสมอคือกลัวว่าอสูรจะยกทัพมารบพุ่งเอาวิมานของตนคืน ส่วนอีกข้อหนึ่งก็คือเกรงว่าอาจมีผู้ที่ประกอบด้วยบุญบารมีคนใหม่ขึ้นสวรรค์มาแย่งชิงตำแหน่ง จึงต้องหมั่นคอยเช็ค “เลเวลบุญ” ของใครต่อใครให้วุ่นไปหมด

กาลครั้งหนึ่งมีดาบสรูปหนึ่งบำเพ็ญพรตอยู่ ณ ป่าหิมพานต์ ชื่อ “อิสิสิงคดาบส” ผู้มีมวยผมบนศีรษะสองมวยเหมือนเขากวาง “เดชานุภาพแต่ศีลตบะพระอีสิสิงคดาบสนั้นล้ำเลิศยิ่งนักหนา” จนสั่นสะเทือนรู้สึกขึ้นไปได้ถึงพิภพดาวดึงส์ พระอินทร์เล็งเห็นว่าถ้าปล่อยให้สั่งสมบุญบารมีเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายคงมาเกิดบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ “จะได้เป็นพระอินทร์ อาตมาก็จะเคลื่อนคลาดออกจากยศ” จึงต้องวางแผนกำจัดคู่แข่งทางการเมือง

พระอินทร์จึงส่ง “อลัมพุสา” นางฟ้าผู้เป็นหนึ่งในบาทบริจาริกาจำนวนสองโกฏิกึ่ง (๒๕ ล้านองค์) ซึ่งเล็งเห็นแล้วว่าหุ่นดี หน้าตาสวยสะเป็นพิเศษ อีกทั้งมีทักษะด้านจริตมารยาการประเล้าประโลม เหนือกว่านางฟ้าองค์ใด ทีแรกเธอตอบปฏิเสธด้วยเห็นว่าการใช้เสน่ห์เล่ห์กลไปทำลายตบะของผู้ทรงศีลนั้นเป็นบาปหนัก แต่ก็ไม่อาจขัดเทวโองการได้ จำใจลงไปสู่ชมพูทวีป

อิสิสิงคดาบสบวชอยู่กับกัสสปดาบสผู้เป็นบิดาในป่าหิมพานต์มาตั้งแต่แรกรู้ความ ไม่เคยพบปะหรือรู้จักมนุษย์ตนใด วันหนึ่งบิดาจึงดั้นด้นพาบุกป่าเข้าไปดูต้นนารีผล พลางชี้ให้สังเกตรูปร่างลักษณะของผลไม้พิเศษนั้น ว่าต่อไปภายภาคหน้า หากพบเห็นสัตว์ชนิดใดมีรูปร่างหน้าตาอย่างนี้ ขอให้รีบหลีกหนีไปให้ไกลที่สุด เพราะเป็นมลทินแห่งบรรพชิต

ครั้นแล้วต่อมากัสสปดาบสผู้บิดาก็ล่วงลับไป

เช้าวันนั้น อิสิสิงคดาบสกำลังยืนกวาดศาลาโรงบูชาไฟอยู่เพลินๆ จู่ๆ นางอลัมพุสาก็มาปรากฏตัว “แว๊บ!” อยู่ตรงหน้า

ทันทีที่เห็น ดาบสหนุ่มระลึกได้ทันทีว่านี่เองคือ “ผู้หญิง” ที่บิดาเคยย้ำเตือน แต่แล้วตนเองกลับไม่อาจตั้งสติไว้ได้ เดินตาลอยเข้าไปหา นางอลัมพุสาขยับตัวออกห่างแล้วทำทีจะก้าวหนี ดาบสหนุ่มรีบจ้ำตาม จังหวะนั้นเองเธอหันขวับ มาสวมกอดอิสิสิงคดาบสเต็มมือ ผลคือแต้มบุญที่สะสมเก็บงำมาทั้งชีวิตหายวับไปกับตา ทำให้ดาบสหนุ่มถึงแก่เป็นลมสลบหมดสติไป

ลืมตาขึ้นอีกครั้ง เวลาผ่านไปแล้วสามปี อิสิสิงคดาบสซึ่งร่างกายยังแข็งแรงดีเป็นปรกติ ลุกขึ้นเหลียวซ้ายแลขวา เห็นเถาไม้เลื้อยขึ้นปกคลุมศาลาที่เคยก่อกองไฟบูชารกเรื้อ ทางเดินจงกรมที่เคยกวาดจนเตียนโล่งทุกวันก็กลับเป็นป่าเป็นดงไปหมดสิ้น เกิดสลดสังเวชใจ น้ำตาไหลพรากๆ

นางอลัมพุสากลับมาปรากฏตัวอีกครั้งแล้วอธิบายว่านางจำใจลงมาด้วยไม่อาจขัดคำสั่งพระอินทร์ และว่า “พระผู้เป็นเจ้าประมาทไปแล้ว หารู้องค์ว่าประมาทไม่” อิสิสิงคดาบสจึงหวนระลึกถึงคำสั่งสอนของบิดา แล้วตั้งจิตมั่นว่าจะบำเพ็ญฌานให้สมบูรณ์พร้อมอีกครั้ง ตัดใจไม่คบหาสตรีอีกต่อไป

นิทานเรื่องนี้ที่เล่าแทรกใน “ไตรภูมิโลกวินิจฉยกถา” บอกเราว่าพระอินทร์เคยใช้แผน “นารีพิฆาต” และต้นนารีผลยังเคยถูกใช้เป็น “สื่อการเรียนรู้” สำหรับยุวดาบสในป่าหิมพานต์ด้วย