“ปตท. ขอแสดงความเสียใจอย่างยิ่งกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อผู้ที่ได้รับผลกระทบ ทั้งญาติผู้เสียชีวิต ผู้ได้รับบาดเจ็บ และทรัพย์สินที่เสียหาย โดยล่าสุดมีผู้เสียชีวิต ๓ ราย บาดเจ็บ ๖๖ ราย ซึ่งขณะนี้ปลอดภัยและกลับบ้านได้แล้ว ๓๗ ราย”
ประกาศ : ปตท. รุดเยี่ยม เร่งช่วยเหลือผู้ที่ได้ผลกระทบจากเหตุการณ์ก๊าซฯ รั่ว (ฉบับที่ ๔)
ลงวันที่ ๒๓ ตุลาคม ๒๕๖๓ เวลา ๑๔.๐๙ น.
เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม ๒๕๖๓ เวลาประมาณ ๑๒.๕๕ น. ได้เกิดเหตุก๊าซธรรมชาติรั่วจากท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ใต้ดินฟุ้งกระจายสู่บรรยากาศ และเกิดการลุกไหม้ เหตุเกิดใต้แนวเสาไฟฟ้าแรงสูงฝั่งตรงข้ามวัดเปร็งราษฎร์บำรุง ต.เปร็ง อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ ใกล้โรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดีและสถานีตำรวจภูธรเปร็ง ริมถนนเทพราช-ลาดกระบัง
ภาพวีดีโอบันทึกไว้ด้วยกล้องติดรถยนตร์เผยให้เห็นภาพเปลวไฟลุกโชติช่วงขึ้นไปบนท้องฟ้า สูงกว่าเสาไฟฟ้าแรงสูง หลังเกิดเหตุราวสองชั่วโมง เพจเฟสบุ๊ก PTT News ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) รายงานว่า ปตท. ได้เข้าควบคุมสถานการณ์ก๊าซฯ รั่วไหลและเพลิงไหม้ได้เรียบร้อยแล้ว พร้อมเร่งช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ และตรวจหาสาเหตุ โชคชัย ธนเมธี ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ชี้แจงว่าเจ้าหน้าที่ ปตท. ได้ดำเนินการตัดแยกระบบบริเวณช่วงท่อที่เกิดการรั่วไหลและแจ้งให้ลูกค้าที่ได้รับผลกระทบทราบต่อมา ปตท. ยืนยันมาตรการตรวจสอบความปลอดภัยท่อส่งก๊าซฯ ว่าเป็นไปตามมาตรฐานสากล เน้นความปลอดภัยสูงสุดเป็นสำคัญ อธิคม เติบศิริ ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการกลุ่มธุรกิจปิโตรเลียมขั้นต้นและก๊าซธรรมชาติ ระบุว่า ปตท. ปฏิบัติตามมาตรฐานสากล (ASME B31.8) ในการบริหารจัดการท่อส่งก๊าซฯ อย่างเคร่งครัด ตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ก่อสร้าง การบริหารจัดการการขนส่งและการบำรุงรักษาระบบท่อส่งก๊าซฯ เพื่อประสิทธิภาพใน การส่งก๊าซฯ และความปลอดภัยสูงสุด
ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ ๒๗ กรกฎาคม ๒๕๕๖ ได้เกิดเหตุการณ์ท่อรับน้ำมันดิบขนาด ๑๖ นิ้ว ของ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) รั่วกลางอ่าวไทย ส่งผลให้น้ำมันดิบปริมาณราว ๕๐ ตันหรือ ๕๐,๐๐๐ ลิตร ไหลลงสู่ท้องทะเล กระแสน้ำและลมทะเลพัดคราบของเหลวสีดำเข้าฝั่งบริเวณอ่าวพร้า เกาะเสม็ด จ.ระยอง ฉาบหาดทรายกลายเป็นสีดำ
เหตุไฟไหม้จากท่อก๊าซฯ รั่วน่าจะเป็นหายนะรุนแรงสุดในรอบ ๘ ปีของบริษัทเชื้อเพลิงพลังงานของประเทศไทย หากแต่เปลี่ยน “เชื้อเพลิงต้นเหตุ” จาก “น้ำมันดิบ” เป็น “ก๊าซธรรมชาติ”
สารคดีลงพื้นที่สัมภาษณ์เพื่อบันทึกเหตุการณ์ความสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินครั้งล่าสุด
(1)
“หลายคนบอกจะย้ายลูกไปเรียนที่อื่น หวังว่ามันคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
ญาณกวี บุญทัน
ครูโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี
“วันเกิดเหตุ นักเรียนเตะฟุตบอลกันอยู่แถวโดมด้านหน้าใกล้แนวบ้านที่ถูกไฟไหม้ ประมาณเที่ยงครึ่งเด็กทยอยเดินกลับมาขึ้นเรียน ผมอยู่กับนักการ ซ่อมไฟอยู่ใต้ถุนอาคารเรียน ได้ยินเสียง ‘ฟิ้ว’ แล้วดัง ‘ตุ้ม’ เหมือนเครื่องบินตก ชะโงกไปทางอาคารหลังที่ยังสร้างไม่เสร็จ มีไฟลุกขึ้นมาจากด้านหลัง มองเห็นไฟสูงท่วมเสาไฟฟ้าแรงสูง จำไม่ได้ว่าเสียงตุ้มมีกี่ครั้ง แต่มากกว่าสองครั้งแน่ ครั้งแรกไฟน่าจะยังไม่ขึ้นไปสูงเท่าไหร่ อีกตุ้มหนึ่งไฟสูงกว่า ภาพที่คนเห็นเยอะๆ จากกล้องติดรถยนตร์ที่ผ่านมาจะเห็นว่าไฟลุกขึ้นไปสูงมาก สูงกว่าเสาไฟฟ้าแรงสูง จากภาพเราจะเห็นไฟลุกขึ้นข้างบน แต่ก่อนนั้นมันยิงออกข้าง ยิงเข้าตัวบ้านก็เลยไหม้ไปถึงโรงพักเยอะ ที่เห็นจากกล้องติดรถยนตร์น่าจะไม่ใช่ตุ้มแรก
“หลังระเบิดทุกคนตกใจ เด็กบางคนกระโดดออกจากห้องทางหน้าต่าง กระดูกแตก ร้องห่มร้องไห้ วิ่งกรูกันมา ผมเห็นแค่นั้นก็วิ่งเอาตัวรอดเหมือนกัน ออกจากโรงเรียนให้เร็วที่สุด ไปให้ไกลเกินระยะความร้อน เด็กจะหยุดถ่ายรูปผมก็สั่งให้วิ่ง ตอนนั้นลมตีมาจากทางตะวันออก ก็ให้วิ่งไปทางตะวันตก บางส่วนออกทางใต้ถุนบ้านพักครู ลุยโคลนออกไป แต่ส่วนใหญ่จะไปออกทางสุดแนวรั้วลวดหนามท้ายโรงเรียน มีช่องเล็กๆ ให้พอหนีออกได้ แต่ก็ไปติดกันอยู่ตรงนั้น ทุกคนตกใจ คุมสติไม่ได้
“ไฟลุกอยู่ประมาณ ๓๐ นาที ถุงพลาสติกใต้บ้านพักครูละลาย ปลั๊กไฟบนอาคารเรียนละลายเหมือนกัน มันร้อนขนาดนั้น บ้านหลังแรกโดนเต็มๆ เหมือนถูกไฟพุ่งเข้าใส่ ต้นไม้ต้นกล้วยที่อยู่ไกลๆ ก็ไหม้ เหมือนไฟวิ่งมาชน สาดเข้าหากัน
“เสี่ยง กลัว โชคดีที่เขาตัดแก๊สเร็ว ถ้าช้ากว่านี้ ๑๐ หรือ ๑๕ นาที แถบนี้ไม่เหลือเพราะถุงพลาสติกมันละลายแล้ว มันพร้อมลุกแล้ว เป็นอาคารไม้เก่าทั้งนั้น”
“ทุกข์ถึงเด็กถึงผู้ปกครองที่เขาเป็นห่วงลูก ผู้ปกครองที่มารับลูกระบายให้ผมฟัง ไม่อยากให้ลูกมาเสี่ยงภัย บอกทำไมมันเสี่ยงจังอาจารย์ ได้ยินหลายคนบอกจะย้ายลูกไปเรียนที่อื่น หวังว่ามันคงไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว”
(2)
“๕ ล้านก็ไม่คุ้มกับชีวิตคน”
วินัย ชุ่มศิริ
นักการภารโรงโรงเรียนเปร็งวิสุทธาธิบดี
“ผมอยู่โรงเรียนนี้มา ๘ ปี วันนั้นได้ยินเสียงเหมือนเปิดวาล์วแก๊สแรงๆ ดัง ‘ฟู่’ พอฟู่เสร็จก็ระเบิด ‘ตึ้ม’ ผมออกมาดู เห็นไฟลุก ครูบอกให้เรียกเด็กให้หนีออกข้างหลัง พากันวิ่งออกไป พวกหิน ดิน ทราย กระเด็นตกลงไปในบ่อน้ำ ปุ๊บปั๊บๆ เหมือนฝนตก พื้นคอนกรีตด้านหน้าโรงเรียนกลายเป็นลานดิน มีแต่ก้อนหินก้อนดินหนาเป็นเซนสองเซนติเมตร ลูกหินลูกกรวดกระเด็นมาทับถมจนมองไม่เห็นปูน
“ตอนแรกคนคิดว่าเครื่องบินตก ก่อนตกมีเสียวลากยาว เหมือนเราเปิดแก๊สแล้วยังไม่ติดไฟ ฟู่ๆๆ ลากยาวแล้วพอจุดไฟก็ ‘ตึ้ม’
“ไฟพุ่งขึ้น ความร้อนแผ่ออกมา ผมกระโดดลงบ่อน้ำหลังโรงเรียน คิดว่าคงปลอดภัยกว่า ก็เลยตัดสินใจลงน้ำเอาชีวิตรอด ลงไปทั้งที่โทรศัพท์ยังอยู่ในกระเป๋ากางเกง ว่ายทะแยงไปขึ้นอีกฝั่ง ห่างออกไปประมาณ ๑๕๐-๒๐๐ เมตร ส่วนครูพาเด็กวิ่งไปทางโรงปูนที่อยู่ห่างออกไป แล้วทาง อบต.ก็มารับเด็กๆ ครู คนที่เจ็บป่วยพาส่งโรงพยายาบาล
“ชาวบ้านที่หนีออกทีหลังเป็นแผลพุพองตามตัว เพราะความร้อนมันเริ่มมากขึ้น มีเจ็บขา หกล้ม ย่ำกัน ผมโดนไม้ตำที่เท้า มีเด็กโรงเรียนเรากระดูกเท้าแตก ๒-๓ คน มีครูเจ็บหนัก ๑ คน
“เท่าที่เห็น ความร้อนกินไปหมด ใบไม้ไหม้เพราะความร้อน ดงกล้วยก็ไหม้ ไม่ใช่ไฟแต่เป็นความร้อนที่แผ่ออกมา อีกฝั่งหนึ่งของถนนก็เหมือนกัน หันไปมองเห็นไฟขึ้นสูงมาก สูงเลยเสาไฟฟ้า ยังนึกว่าถ้ามันมาต่ำๆ สงสัยหมด เผาหมด
“หลังเกิดเหตุ รถเก๋งครูรถมอเตอร์ไซด์นักเรียนละลายรวมกันประมาณ ๑๔ คัน ที่โรงพักรถตำรวจก็เหลือแต่โครง ที่อยู่ระยะใกล้ๆ นี่ถูกเผา ละลายไหม้หมด
“ไม่เคยเจออะไรอย่างนี้ ตอนนั้นผมยังคิดเลยว่ามันจะรอดมั๊ย ขนาดผมลงไปอยู่ในน้ำ เหมือนมีไฟลอยอยู่บนหัว ผมคิดว่าถ้าเกิดลูกไฟแตกแล้วกระจายไปโดนคนคงจะไม่เหลือ โชคดีที่ไม่แตก ไม่กระจาย พุ่งขึ้นไปตรงๆ
“สามศพที่ตายมีคุณยายคนหนึ่งทนความร้อนไม่ไหว ออกมาตายข้างนอกบ้าน น่าเสียใจยายยังแข็งแรง ทุกวันจะเก็บกวาดต้นไม้ใบไม้เอาไปปลูกแตงไทยกับฟักทองแจกคนแถวนี้ ยังเป็นขวัญกำลังใจชาวบ้านได้อีกหลายปี ยายอีกคนหนึ่งที่ตายเป็นอัมพาต กับอีกคนเห็นว่าเป็นคนงานในแคมป์
“รู้ว่าตรงนี้มีท่อก๊าซสร้างมานาน ไม่คิดว่ามันจะเกิดเหตุการณ์อย่างนี้ ๕ ล้านก็ไม่คุ้มกับชีวิตคน ผู้คนคงโศกเศร้าอีกนาน ช่วงที่คนอยู่ เจ้าหน้าที่มาก็ยังไม่เท่าไหร่ แต่พอเขาออกไปกันหมด มันคงดูเงียบเหงา”
(3)
“มองเห็นไฟขึ้นเป็นสองแฉก และมีเสียง ‘ฟู่’ ตลอดเวลา”
ถนอมจิตร์ แตงเล็ก
ชาวบ้าน
“บ้านที่ปลูกอยู่ตรงนี้มีทั้งหมด ๑๑ หลัง ของเราเป็นหลังที่ ๑๑ อยู่ใกล้โรงเรียนมากที่สุด อยู่มาตั้งแต่ปี ๒๕๕๔ ใกล้จะครบสิบปี เราเป็นแม่ค้าอยู่ในโรงเรียน ตอนเกิดเหตุกำลังล้างจาน วันนั้นทำงานวันสุดท้ายเพราะถัดไปเป็นวันหยุด ปิดถังแก๊สแล้ว อยู่ๆ ได้ยินเสียงบึ้ม คิดว่ายางระเบิดเพราะแถวนี้รถสิบล้อยางระเบิดบ่อย พอบึ้มครั้งที่สองมันสะเทือน คิดว่าแผ่นดินไหว รีบวิ่งหนีออกจากตึกเพราะกลัวตึกถล่ม เห็นแสงสีส้มๆ วิ่งไปก็หันไปมองลูกที่อยู่ที่บ้าน เห็นลูกวิ่งมา ก็วิ่งหนีไปที่ถนนสองร้อยปี วิ่งได้ประมาณครึ่งกิโลก็เริ่มวิ่งไม่ไหว นึกว่าจะตายอยู่ตรงนี้ เอาต้นกกมาบังไอความร้อน มันร้อนมากนะ หูพองเป็นแผลตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ คิดถึงบ้านว่าจะรอดมั๊ย นึกถึงหลวงพ่อโสธรในใจขอให้บ้านลูกรอดเถอะ
“เรามองเห็นไฟขึ้นเป็นสองแฉก และมีเสียง ‘ฟู่’ ตลอดเวลา น่ากลัวมาก มองไปทางตึกสูงสามชั้นที่กำลังก่อสร้าง ไฟสูงกว่าตึก ไม่มีกลิ่นเหม็น ถ้าได้กลิ่นเราคงแจ้งความกับตำรวจแล้ว
“ช่วงแรกๆ ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่เข้ามาไม่ได้ สายไฟขาด พาด พวกกู้ภัย รถดับเพลิงมาสแตนบายด์แต่ต้องรออยู่ข้างนอก ตอนไฟลุกไม่มีใครเข้ามาได้หรอก บ้านที่ไหม้ไฟก็ลุกอยู่เป็นชั่วโมง
“ที่บ้านเรารอด ไม่ไหม้ไฟคงเพราะมีต้นกระถินขึ้นสูง ถ้าไม่มีต้นกระถินบังไว้ สแลนกันแดดที่เป็นยางคงไหม้ไฟแล้ว เพราะอะไรที่เป็นยางกับพลาสติกมันไหม้ แล้วบ้านเราเป็นบ้านไม้ คงไม่รอด บ้านที่อยู่ห่างไปสองกิโลหน้านิคมฯ ความร้อนยังไปถึง
“กระเบื้องหลังคาบ้านเผยอออก กระจกสะเทือนต้องให้ช่างมาดู แฟนต้องเปิดกระจกเพื่อให้ไอร้อนมันทะลุออกไป น้ำในบ่อร้อนจนปลาตาย แม่ค้าในโรงอาหารโดนไฟเลีย พอง เป็นตุ่มน้ำ คนงานก่อสร้างกระโดดลงมาจากชั้นสอง ออกทางบันไดไม่ได้เพราะมันร้อนก็เลยกระโดดลงมา ขาหักสองข้างเลยสองคน เด็กนักเรียนก็เจ็บ หลายคนไม่ได้ใส่รองเท้า
“ถามว่ากลัวมั๊ย กลัว เพราะบ้านเราอยู่ที่นี่ ถามว่ามันจะเกิดขึ้นอีกได้มั๊ย เกิดได้สิ แล้วถ้าตอนนั้นเราอายุ ๖๐ หรือ ๗๐ ปี จะยังวิ่งไหวมั๊ย เจ้าหน้าที่ อบต.มาบอกถ้าว่าเขาจะปล่อยแก๊สอีกเมื่อไหร่จะมาแจ้ง ก็ได้แต่หัวเราะ คิดว่าจะไปนอนที่อื่นก่อนดีมั๊ย ทุกวันนี้จุดเตาแก๊สยังรู้สึกกลัว ถ้าขายที่ได้แล้วมีเงินไปซื้อที่อื่นอยู่ก็คงไม่อยู่แล้วตรงนี้
“จะได้ค่าชดเชยเท่าไหร่ก็ไม่รู้ ความจริงเรื่องเงินเราไม่ได้คิดเลยนะ คิดแค่ว่าทำยังไงให้เราอยู่แบบปลอดภัย เงินเยียวยาใช้แป๊บเดียวก็หมด แต่สภาพจิตใจที่เราต้องอยู่ต้องแก่ตายที่นี่ ไม่อยากได้ศพละ ๕ ล้านบาท”
“อยากให้ ปตท.เข้มงวดเรื่องท่อก๊าซมากกว่านี้ เพราะเท่าที่รู้เขาไมได้เปลี่ยนทั้งสาย ยังใช้ท่อเก่า เปลี่ยนเฉพาะตรงจุดที่เกิดเหตุ ดังนั้นมันจะเกิดขึ้นอีกตอนไหนก็ไม่รู้ อย่าบอกว่าไม่เกิด สามสิบปีข้างหน้าเราแก่แล้ว เราวิ่งไม่ไหวจะทำยังไง ให้คลานก็ไม่รู้จะรอดรึเปล่า แล้วถ้าไปเกิดที่อื่น ลองนึกสภาพ ขอให้ดูแลมากกว่านี้ได้มั๊ย ของที่อยู่ใต้ดินเราไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นตอนไหน”
“ถามว่าเขาดีกับเรามั๊ย เขาดีกับเรานะ พวก ปตท. พวกหน่วยงานเขาดีกับเราหมด เขาก็ต้องสร้างภาพพจน์ของเขาไว้ ถ้าเกิดใครฟ้องร้องสักคน หรือไปร้องเรียน ไม่เอาท่อก๊าซ ลำบากนะ”
“อะไรจะเกิดในอนาคตเราไม่รู้ ทุกวันนี้ก็นอนผวาอยู่ รถแมคโครทำงานเมื่อคืนก็ชะโงกดู ขนาดรู้ว่าตอนนี้ท่อไม่มีแก๊สก็ยังชะโงกมอง ความรู้สึกเวลาเขาทำงาน เราก็กลัวนะ”
(4)
“ไปเถอะ แม่ไม่ไปหรอก”
“ไม่ได้ฉลาดหรอก แต่ขึ้นมาแล้วมันร้อน ก็ต้องลงน้ำ”
“อายุป่านนี้จะเจออะไรอีก แค่หนนี้หนเดียวพอแล้ว”
ชวน-สุรชัย-พยอม สิงห์โต
ชาวบ้าน
“ไปเถอะ แม่ไม่ไปหรอก”
ชวน สิงห์โต
“ตกใจมาก นึกว่าตายแล้ว บอกหลวงพ่อโสธรช่วยลูกด้วย ยังบอกลูก ไปเถอะ แม่ไม่ไปหรอก เหมือนเราเป็นตัวถ่วง เดินไม่ไหว มันก็เลยลากเราลงน้ำ ไม่ได้เดินเลย มันลากอย่างเดียว ถ้าเราเดิน ตาย กว่าจะไป ดูสิหญ้าบนทางเดินแห้งเลย
“ที่รอดมาได้คงเพราะเราบอกหลวงพ่อโสธร แล้วตะโกนบอกศาลตายายให้ช่วยดูแลบ้าน เราก็พูดเรื่อยไป จะไม่มีอะไรเหลือแล้ว”
“ไม่ได้ฉลาดหรอก แต่ขึ้นมาแล้วมันร้อน ก็ต้องลงน้ำ”
สุรชัย สิงห์โต
“ผมเช็ดไก่เสร็จก็เข้าไปเปิดทีวีนอนดูในห้อง อยู่ๆ บ้านสั่น อยู่ในห้องไม่ค่อยได้ยินเสียง ได้ยินแค่ ‘ตึ้ม’ เบาๆ แต่บ้านสั่นน่ากลัวเหมือนแผ่นดินไหว แล้วมันสั่นไม่หยุด ใจเสีย เปิดประตูออกมา หน้าห้องเป็นสีแดงเหมือนใครเปิดไฟนีออนสีส้ม เปิดห้องมายังมองไม่เห็นไฟที่ไหม้นะ ตกใจ อะไรกัน หรือฝนดาวตก เพราะมันเหมือนมีเม็ดๆ หล่นมาในน้ำ คิดว่าฝนดาวตกรึเปล่า
“พอออกมา น้องสาวเอากุญแจรถส่งให้ บอกให้ช่วยไปเอารถ ผมกระโดดข้ามหน้าต่างไปไขรถ ไขเสร็จรถร้อนจี๋ จับรถไม่ได้ ก็เลยข้ามหน้าต่างกลับมา มาเจอแม่ ถามแม่ยังไม่หนีไปอีกเหรอ แม่บอกแม่ไปไม่ไหว ลูกจะไปก็ไปก่อนเถอะ ไม่ต้องห่วงแม่ ไปเลย
“ช่วงนั้นต่างคนต่างเอาตัวรอด แต่ผมบอกไม่ได้ แม่ไม่ไปฉันก็ไม่ไป ถ้าไปต้องไปด้วยกัน ถ้าตายก็ต้องตายพร้อมกัน ยังไงต้องเอาแม่ออกไปให้ได้
“ตอนนั้นเขายังไม่สูบน้ำเข้ามาในบ่อ น้ำตื้นกว่านี้ ผมดึงแม่ลงน้ำ ดึงตัวแม่ข้างหนึ่ง แม่ก็ตะกายกลับเลยต้องล็อกทั้งสองข้าง แล้วก็ลากแม่ไป เห็นรีโมตคามือแม่อยู่เลย บอกแม่ให้เอาทิ้งไป เรานั่งแล้วเอาขาดันไป เอาแม่ไปด้วย ลากแม่มาเรื่อยๆ จนขึ้นมาบนคันบ่อ ปรากฏว่าร้อนมาก พองเลย บอกแม่ว่าเราเดินไปไม่ได้หรอก ต้องกลับลงน้ำ ถึงจะไม่รู้ว่าสายไฟฟ้ามันตกลงน้ำรึเปลาเพราะท่อแก๊สมันระเบิดใกล้เสาไฟฟ้า มันอาจจะขาดลงมา พ่อเองก็ไม่กล้าลงน้ำเพราะกลัวว่าจะมีไฟดูด แต่เราขึ้นมาแล้วมันร้อนจัด ไม่ได้ฉลาดหรอก แต่ขึ้นมาแล้วมันร้อน ก็ต้องกลับลงน้ำ อยู่ข้างบนตาย ลงไปข้างล่าง วัดดวงเอา สุดท้ายก็พาแม่ไปถึงหัวมุมท้ายบ่อ แม่หอบ บอกว่าขึ้นไม่ไหว บอกแม่มาถึงนี่แล้วยังไงก็ต้องขึ้น ดันตูดแม่ขึ้นไปแล้วก็รีบเดินไปทางหลังบ้านพักครู เจอหลานตรงนั้นช่วยรับแม่ต่อ ตรงนั้นไม่ค่อยร้อนแล้ว มีตึกบัง ผมเองรีบกลับบ้านมารับหมากับเมีย
“กลัวบ้านไฟไหม้ มันร้อนจัด มอเตอร์ไซด์ด้านหนึ่งละลายหมด ไฟหน้ารถยนตร์ก็ละลาย ทรายยังจับติดอยู่เลย เปิดฝากระโปรงทรายเต็มเลย ขนาดจอดอยู่ห่าง ลูกมะพร้าวสุก ไม่ใช่ด้วยไฟนะ ด้วยความร้อนที่มันแผ่ออกมา ถังที่ตั้ง อวนปลา เก้าอี้โซฟา มันร้อนมากจนไหม้กลายเป็นสีดำ ผมเลี้ยงไก่ชน ปรากฎว่าลูกไก่ตายไป ๑๗ ตัว ไก่ใหญ่ ๓ ตัว อีกบ้านหนึ่งเขาเลี้ยงนกหงส์หยกก็ตาย ตามตัวผมเป็นแผลพุพอง แขนโดนความร้อนลวก หลังจากนี้ก็คงกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม เรามันคนจน ไม่มีเงิน จะไปอยู่ที่ไหนได้ ก็ต้องอยู่ที่นี่ต่อไป”
“อายุป่านนี้จะเจออะไรอีก แค่หนนี้หนเดียวพอแล้ว”
พยอม สิงห์โต
“ตอนเกิดเหตุนอนหลับอยู่ในบ้าน ไปตัดไม้เผาถ่านกลับมาก็นอนพัก กะว่าสักพักจะมาเก็บถ่านขึ้น ตอนระเบิดไม่ได้ยินเสียงเลย หลับ ได้ยินชาวบ้านร้องไฟไหม้ๆ ก็ออกมา พอออกมารอบตัวเรามันแดงๆ ส้มๆ ไปหมดแล้ว ตกใจ หนีอย่างเดียว เสียงมันดัง พูดอะไรก็ไม่ได้ยิน เห็นน้ำในบ่อขาวเลยนะ แล้วลูกหินมันลงเป็นเม็ดๆ เห็นลูกไฟมันขึ้นเป็นเขาสองเขาสูงกว่าเสาไฟฟ้า สูงอยู่ประมาณชั่วโมงกว่าๆ จนเขาปิดวาล์วละมั้ง แต่ถึงปิดก็ลุกอยู่นานเป็นชั่วโมง ถ้าไม่ปิดนี่ไม่คงไม่เหลือ
“เป็นแผลหลายแห่ง เหมือนโดนลวก อนามัยไม่ทำแผลให้ บอกว่าแผลลึกไป ทำให้ไม่ได้ ต้องไปโรงพยาบาล จะให้ค้างคืนแต่ผมไม่อยากค้าง ขอกลับในคืนนั้นเลย มาถึงบ้านต้องเอาเทียนมาจุดเพราะเขาตัดไฟ ไฟมาประมาณสามทุ่ม ทุกคนกลับมาพร้อมหน้าพร้อมตา เจ้าหน้าที่พร้อมใจกันทำให้เรามีไฟใช้จนได้ เขารีบเปลี่ยน รีบทำ เขาดี เขาดีมาก บริการดี”
“อายุป่านนี้จะเจออะไรอีก แค่หนนี้หนเดียวพอแล้ว ไม่มีแล้วต่อไป ไม่อยากเจอแล้ว”