รวบรวมโดย : วันชัย ตันติวิทยาพิทักษ์ / วิรพา อังกูรทัศนียรัตน์ / ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์

ก่อนวิวัฒนาการของดาร์วิน

  • ราว ๓๔๓ ปีก่อน ค.ศ.
    อริสโตเติลเขียนหนังสือชื่อ History of Animals เสนอแนวคิด “บันไดของธรรมชาติ” (ladder of life) โดยจัดอันดับสิ่งมีชีวิตทั้งหลายตามลำดับความซับซ้อน อันเป็นฐานของการจำแนกประเภทหรืออนุกรมวิธาน (taxonomy)
  • ๑๖๖๕
    โรเบิร์ต ฮุก นักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ค้นพบหน่วยชีวิตที่เป็นโครงสร้างพื้นฐาน ที่สุดของสิ่งมีชีวิต เรียกว่า “เซลล์” (cell) แต่ละเซลล์มีหน้าที่เฉพาะและทำงานร่วมกันเพื่อให้สิ่งมีชีวิตดำรงอยู่ได้
  • ๑๘๐๙
    – ๑๒ กุมภาพันธ์ ชาร์ลส์ ดาร์วิน เกิดในชรูว์สเบอรี (Shrewsbury) ประเทศอังกฤษ เป็นบุตรคนที่ ๕ ของนายแพทย์โรเบิร์ต ดาร์วิน และนางซูซานนาห์ เวดจ์วูด
    – ฌอง-บาตีสต์ เดอ ลามาร์ก นักปราชญ์ชาวฝรั่งเศส ตีพิมพ์หนังสือ Philosophie Zoologique เสนอแนวคิดว่า สปีชีส์ต่างๆ มีวิวัฒนาการโดยการสืบทอดลักษณะที่ได้รับมาภายหลัง (acquired characteristics)
  • ๑๘๑๘
    ดาร์วินเข้าโรงเรียนกินนอนในชรูว์สเบอรี เป็นเวลา ๗ ปี เริ่มชอบสะสมซากแมลง เปลือกหอย ไข่นก เหรียญต่างๆ และหินแปลกๆ เขาเล่าภายหลังว่า การสะสมสิ่งเหล่านี้คือการเตรียมตัวเป็น
    นักธรรมชาติวิทยาในเวลาต่อมา
  • ๑๘๒๕
    ดาร์วินสอบเข้าเรียนด้านการแพทย์ที่มหาวิทยาลัยเอดินบะระตามความปรารถนาของบิดา
  • ๑๘๒๗
    เรียนแพทย์ได้ ๒ ปี ดาร์วินรู้ตัวว่าไม่ชอบ เคยหนีเรียนวิชาผ่าศพ บิดาจึงส่งเขาเข้าเรียนทางศาสนาที่ไครสต์คอลเลจแห่งมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ด้วยหวังจะให้ดาร์วินบวชเป็นบาทหลวงในอนาคต
  • ๑๘๒๘
    ดาร์วินเริ่มสนใจวิชาด้านกีฏวิทยาอย่างมาก สะสมแมลงเต่าทอง พร้อมกับเข้าเรียนวิชาพฤกษศาสตร์และธรณีวิทยา
  • ๑๘๓๑
    – จบการศึกษาระดับปริญญาตรีโดยไม่ได้รับเกียรตินิยม และทำงานวิจัยในเคมบริดจ์เป็นเวลา ๒ เทอม ก่อนจะร่วมเดินทางรอบโลกไปกับเรือราชนาวีอังกฤษชื่อ บีเกิล เพื่อสำรวจทางวิทยาศาสตร์เป็นเวลา ๕ ปี
  • ๒๗ ธันวาคม เรือ บีเกิล ออกจากท่าเรือในเมืองพลีมัท ประเทศอังกฤษ มุ่งสู่ทวีปแอฟริกา
  • ๑๘๓๒
    เรือ บีเกิล เดินทางมาถึงชายฝั่งหมู่เกาะ เคปเวอร์ดในทวีปแอฟริกา ดาร์วินเริ่มทำการจดบันทึกสิ่งที่พบเห็นในสมุดบันทึก
  • ๑๘๓๓-๑๘๓๔
    เรือ บีเกิล สำรวจบริเวณชายฝั่งอุรุกวัย ชิลี และเกาะฟอล์กแลนด์

  • ๑๘๓๕
    เรือ บีเกิล สำรวจชิลี เปรู ก่อนจะออกจากเมืองลิมาไปยังหมู่เกาะกาลาปากอส ดาร์วินใช้เวลาตั้งแต่ ๑๖ กันยายนถึง ๒๐ ตุลาคมสำรวจหมู่เกาะแห่งนี้ เขาได้พบสัตว์ต่างๆ ที่ไม่พบในเกาะอื่น เช่น เต่ายักษ์ กิ้งก่ายักษ์ ปลาพันธุ์ใหม่ ๑๕ ชนิด นกพันธุ์ใหม่ ๒๖ ชนิด หอยและแมลงที่ไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน เขาคิดว่าพืชและสัตว์บนหมู่เกาะนี้คงจะมาจากที่ไกลๆ แล้วนานวันเข้าก็วิวัฒนาการ เปลี่ยนแปลงกลายพันธุ์เพื่อให้เข้ากับสภาพแวดล้อม หรือเรียกได้ว่าเป็นการคัดสรรตามธรรมชาตินั่นเอง
  • ๑๘๓๖
    ในเดือนมกราคม เรือบีเกิลได้รับคำสั่งให้ไปยังเมืองซิดนีย์และโฮบาร์ต ประเทศออสเตรเลีย ดาร์วินได้พบสัตว์มี ถุงหน้าท้องเช่นจิงโจ้ที่ไม่เคยพบในประเทศอื่น จากนั้นเรือได้แล่นกลับไปยังแหลมกู๊ดโฮป ข้ามฝั่งไปยังมหาสมุทรแอตแลนติกที่เกาะเซนต์เฮเลนา ในเดือนสิงหาคมก็ได้แล่นกลับไปบราซิล และเดือนตุลาคมดาร์วินเดินทางกลับมาอังกฤษเพื่อเริ่มตีพิมพ์งานเขียนด้านวิทยาศาสตร์

  • ๑๘๓๗
    ดาร์วินนำตัวอย่างพืชและสัตว์จากการเดินทางไป กับเรือ บีเกิล มาแสดงที่สมาคมธรณีวิทยาแห่งลอนดอน ตลอดระยะเวลา ๕ ปี ดาร์วินได้มีโอกาสเปรียบเทียบสัตว์และพืชจากส่วนต่างๆ ของโลก ทำให้มีความเชื่อว่าพืชและสัตว์ทั้งหลายไม่ได้ถูกสร้างขึ้นในทันทีทันใด แต่ชนิดของต้นไม้หรือสัตว์มีวิวัฒนาการ ดาร์วินได้ตีพิมพ์ผลงานชิ้นสำคัญเล่มแรกคือ The Zoology of the Voyage of H.M.S. Beagle และใช้เวลาอีก๒๐ ปีต่อมาในอังกฤษรวบรวมหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการของเขา
  • ๑๘๓๘
    ดาร์วินได้รับตำแหน่งเลขาธิการสมาคมธรณีวิทยาแห่งลอนดอน และลงมือศึกษากฎพื้นฐานสำคัญในการคัดสรรตามธรรมชาติ
  • ๑๘๓๙
    – ดาร์วินแต่งงานกับ เอมมา เวดจ์วูด มีบุตรรวม ๑๐ คน
    – ตีพิมพ์งานเขียน The Voyage of the Beagle ที่ดาร์วินรวบรวมจากบันทึกระหว่างการเดินทางไปกับเรือ บีเกิล
    – ดาร์วินได้รับเลือกเป็นสมาชิกของ The Royal Society
  • ๑๘๔๒
    ดาร์วินตัดสินใจย้ายครอบครัวจากลอนดอนมาใช้ชีวิตใกล้ธรรมชาติอยู่ในชนบทเล็กๆ ที่หมู่บ้านดาวน์ (Down Village) ในเมืองเคนต์ และเป็นบ้านพักไปจนตลอดชีวิต
  • ๑๘๔๘
    คาร์ล มาร์กซ์ และ ฟรีดริช เองเกลส์ ตีพิมพ์ The Communist Manifesto ซึ่งถือเป็นคัมภีร์ของลัทธิคอมมิวนิสต์
  • ๑๘๕๔
    หลังจากใช้เวลาศึกษาเพรียงหลายปี ดาร์วินเกิดสงสัยว่าทำไมรูปร่างของสิ่งมีชีวิตแต่ละชนิดถึงมีการเปลี่ยนแปลง และเกิดความคิดว่าด้วยการคัดสรรตามธรรมชาติ คือสิ่งมีชีวิตทั้งสัตว์และพืชต่างต้องต่อสู้ดิ้นรนเพื่อมีชีวิตอยู่ ส่วนที่อ่อนแอไม่เหมาะสมก็จะตายหรือสูญพันธุ์ไป ในช่วงนี้เองที่เขาเสนอแนวคิดว่า มนุษย์อาจมีวิวัฒนาการมาจากลิง และได้ตีพิมพ์หนังสือชุดเพรียงฉบับสมบูรณ์ คือ A Monograph on the sub class Cirripedia และ A Monograph on the fossil Balanidae and Verrucidae
  • ๑๘๕๗
    ใช้เวลาทั้งปีเขียนต้นฉบับ“The Origin of Species”
  • ๑๘๕๘
    – ๑๘ มิถุนายน
    ดาร์วินได้รับต้นฉบับจาก อัลเฟรด รัสเซล วอลเลซ นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ ซึ่งกำลังรวบรวมตัวอย่างพืชและสัตว์ในอินโด- นีเซีย บทความนั้นมีเนื้อหาเกี่ยวกับ สปีชีส์และความหลากหลายที่ใกล้เคียงกับทฤษฎีการคัดสรรตามธรรมชาติจนดาร์วินถึงกับกล่าวว่า “ผมไม่เคยเห็นอะไรที่มันพ้องต้องกันได้ขนาดนี้เลย…”
  • – ๑ กรกฎาคม การนำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วินและวอลเลซ ในการประชุมของสมาคม ลินเนียนแห่งลอนดอน เป็นครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้รับการประกาศว่าเป็นผู้ค้นพบทฤษฎีนี้

วิวัฒนาการของดาร์วิน

  • ๑๘๕๙
    ๒๔ พฤศจิกายน หนังสือ The Origin of Species ของดาร์วินตีพิมพ์ในลอนดอนเป็นครั้งแรก ทำให้ความเชื่อเรื่องพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและสิ่งมีชีวิตทุกชนิดใน ๖ วันถูกท้าทายอย่างรุนแรง หนังสือเล่มนี้นำเสนอว่าสิ่งมีชีวิตมีอายุยืนยาวกว่านั้นและมีการเปลี่ยนแปลงมาโดยตลอด วิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตเกิดขึ้นจากการต้องดิ้นรนเพื่อความอยู่รอดจากสภาพบีบคั้นทางธรรมชาติ การเกิดสปีชีส์ใหม่เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อย และสภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยทำให้เกิดการคัดเลือกทางธรรมชาติขึ้น เพื่อให้ได้ลักษณะที่เหมาะสมและมีโอกาสสืบพันธุ์ต่อไป
  • ๑๘๖๐
    – เมื่อหนังสือ The Origin of Species ออกวางจำหน่าย ผู้คนที่เคร่งศาสนากล่าวหาดาร์วินว่า ทำให้คนอ่านเชื่อว่ามนุษย์สืบเชื้อสายมาจากลิง หนังสือของดาร์วินถูกเผาด้วยความโกรธและขยะแขยง
  • -๓๐ มิถุนายน การประชุมระหว่างฝ่ายศาสนจักรกับนักวิทยาศาสตร์ที่ออกซฟอร์ด เพื่อถกเถียงกันถึงกำเนิดของสัตว์และพืช เรียกกันว่า “1860 Oxford evolution debate”
  • วิลเลียม ทอมสัน หรือ “ลอร์ดเคลวิน” คำนวณอายุโลก และประมาณว่าโลกน่าจะเย็นลงเมื่อราว ๑๐๐ ล้านปีก่อน นับเป็นครั้งแรกที่อายุของโลกได้รับการยืนยันจากการคำนวณทางวิทยาศาสตร์ว่ายืนยาวกว่าที่บันทึกไว้ในไบเบิล
  • ๑๘๖๑
    มีการค้นพบฟอสซิลของ Archaeopteryx ยุคจูแรสสิก อายุ ๑๕๐-๑๔๕ล้านปีก่อน ที่แคว้นบาวาเรียทางตอนใต้ของเยอรมนี เป็นหลักฐานชิ้นสำคัญสนับสนุนทฤษฎีวิวัฒนาการของดาร์วิน คาดว่าเป็นตัวเชื่อม (missing link) ระหว่างนกยุคใหม่กับไดโนเสาร์
  • ๑๘๖๔
    – ดาร์วินได้รับรางวัลเหรียญ Copley จาก The Royal Society นับเป็นรางวัลเกียรติยศสูงสุดสาขาวิทยาศาสตร์
    – มีการตีพิมพ์หนังสือ Principles of Biology ของ เฮอร์เบิร์ต สเปนเซอร์ ต่อมาคำสำคัญในหนังสือเล่มนี้ก็เป็นที่นิยมแพร่หลาย นั่นคือ “ความอยู่รอดของผู้ที่เหมาะสมที่สุด”
  • ๑๘๖๗
    มีการตีพิมพ์หนังสือ Das Kapital ของ คาร์ล มาร์กซ์ ว่าด้วยวิถีการผลิตและการต่อสู้ทางชนชั้น มาร์กซ์เคยบอกว่าแนวคิดวิวัฒนาการของดาร์วินเป็นฐานการวิเคราะห์เรื่องพัฒนาการการต่อสู้ทางชนชั้นในประวัติศาสตร์สังคมมนุษย์ ถึงกับจะเขียนคำอุทิศแด่ดาร์วิน

  • ๑๘๗๑
    ผลงาน The Descent of Man, and Selection in Relation to Sex ของดาร์วินได้รับการตีพิมพ์ หนังสือเล่มนี้บ่งชี้ว่ามนุษย์กับลิงไม่มีหาง(ape) มีบรรพบุรุษร่วมกัน ก่อให้เกิดการต่อต้านอย่างรุนแรงจากคริสตจักร เนื่องจากท้าทายคัมภีร์ไบเบิลที่ว่าพระเจ้าเป็นผู้สร้างโลกและสิ่งมีชีวิตทุกชนิด
  • ๑๘๗๒
    The Origin of Species พิมพ์เป็นครั้งที่ ๖ และมีการตีพิมพ์หนังสือ The Ex pression of the Emotions in Man and Animals ของดาร์วิน ชี้ให้เห็นว่ามนุษย์และสัตว์อื่นแสดงอารมณ์ของตนออกมาอย่างไร
  • ๑๘๗๗
    มีการตีพิมพ์หนังสือ The Different Forms of Flowers on Plants of the same Species และ A biographical sketch of an infant ซึ่งดาร์วินเขียนขึ้นจากบันทึกระหว่างปี ๑๘๓๙-๑๘๔๑
  • ๑๘๘๒
    – ดาร์วินทำงานตลอดชีวิตแม้กระทั่งวาระสุดท้าย สองวันก่อนตายเขากล่าวว่า “เมื่อข้าพเจ้าต้องหยุดการสังเกต ข้าพเจ้าก็ตาย”
  • ๑๙ เมษายน ชาร์ลส์ ดาร์วิน เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจล้มเหลวขณะอายุได้ ๗๓ ปี ร่างของเขาฝังอยู่ ณ วิหารเวสต์มินสเตอร์ กรุงลอนดอน เคียงข้างกับเซอร์ไอแซก นิวตัน

หลังวิวัฒนาการของดาร์วิน

  • ๑๘๘๓
    ฟรานซิส กาลตัน เสนอแนวคิดเรื่องการปรับปรุงพันธุกรรมมนุษย์ (eugenics) เป็นครั้งแรก คือความพยายามปรับปรุงเปลี่ยนแปลงคุณภาพของมนุษย์โดยวิธีควบคุมการเจริญพันธุ์หรือการผลิตลูกหลาน เขาเชื่อว่าสังคมควรจะห้ามปรามไม่ให้ผู้มีโรคที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรมได้มีลูกหลาน ขณะเดียวกันก็ควรสนับสนุน ให้ผู้มีสติปัญญาดีมีลูกหลายคน
  • ๑๙๐๐
    มีการค้นพบงานของ เกรกอร์ เมนเดล นักพฤกษศาสตร์ชาวออสเตรียผู้เสนอทฤษฎีการถ่ายทอดลักษณะทางพันธุกรรม ช่วยเพิ่มรากฐานทางพันธุศาสตร์ให้แก่การคัดสรรตามธรรมชาติและเป็น การรับรองแนวคิดของดาร์วินให้หนักแน่นยิ่งขึ้น
  • ๑๙๐๗
    รัฐอินเดียนา สหรัฐอเมริกา เป็นมลรัฐแรกที่ออกกฎหมายบำรุงพันธุ์มนุษย์ (Indiana Eugenics Law) ด้วยเชื่อว่าอาชญากรรม ความยากจน และปัญหาสังคมล้วนสืบทอดทางกรรมพันธุ์ จึงสั่งให้ทำหมันคนเหล่านี้ ต่อมาอีกหลายรัฐในอเมริกาก็ออกกฎหมายทำนองนี้ตามมา
  • ๑๙๑๒
    มีการก่อตั้ง “สมาคมสุพันธุศาสตร์” (Eugenics Society) ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ โดยนายกสมาคมฯ ในขณะนั้นคือ เลียวนาร์ด ดาร์วิน ลูกชายของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน ผู้สนับสนุนแนวคิดเน้นความสำคัญของพันธุกรรมหรือยีนต่อพัฒนาการของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ผลจากการประชุมครั้งนี้ได้ก่อให้เกิดกระแสพันธุกรรมนิยมในหลายประเทศ

  • ๑๙๒๕
  • ๑๘ กรกฎาคม Mein Kampf หนังสือที่ทรงอิทธิพลที่สุดในศตวรรษที่ ๒๐ เขียนโดย อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก และได้กลายเป็นหนังสือขายดีมียอดจำหน่ายทั่วโลกเกือบเท่าคัมภีร์ไบเบิล ถือเป็นคัมภีร์ของลัทธินาซี สนับสนุนการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิวในเวลาต่อมา ว่ากันว่าฮิตเลอร์ได้อิทธิพลทางความคิดเรื่องความบริสุทธิ์และเหนือกว่าของเชื้อชาติเยอรมันมาจากนักคิดคนสำคัญของโลก หนึ่งในนั้นคือ ชาร์ลส์ ดาร์วิน
  • ๒๑ กรกฎาคม การตัดสินคดีประวัติศาสตร์แห่งศตวรรษที่ ๒๐ หรือ “The Monkey Trial” ในอเมริกา หลังจากที่ จอห์น สโคปส์ ครูวิทยาศาสตร์ วัย ๒๔ ปีท้าทายกฎหมายต่อต้านวิวัฒนาการของรัฐเทนเนสซี ด้วยการสอนเกี่ยวกับวิวัฒนาการของดาร์วินในชั้นเรียน สุดท้ายศาลตัดสินว่าเขามีความผิดและลงโทษปรับ ๑๐๐ เหรียญสหรัฐ
  • ๑๙๓๘
    ๒๒ ธันวาคม มีการค้นพบปลาซีลาคานท์ในแอฟริกาใต้ ซึ่งเชื่อว่าสูญพันธุ์ไปจากโลกเมื่อ ๓๕๐ ล้านปีก่อน ครีบของมันละม้ายคล้ายกระดูกแขนและขาของสัตว์บกมาก ทำให้นักชีววิทยาสันนิษฐานว่า ซีลาคานท์คือบรรพบุรุษของสัตว์โลก ซึ่งต่อมาได้วิวัฒนาการเป็นสัตว์มีกระดูกสันหลัง
  • ๑๙๓๙
    เกิดสงครามโลกครั้งที่ ๒ เมื่อกองทัพเยอรมันภายใต้การนำของฮิตเลอร์บุกโปแลนด์จนขยายเป็นสงครามโลก มีการโฆษณาชวนเชื่อว่าชาวเยอรมันสืบเชื้อสายมาจากพวกนอร์ดิกอารยัน เป็นชนชาติที่บริสุทธิ์และเหนือกว่าชาติอื่นๆ ชาวเยอรมันจึงต้องปกครองชนชาติอื่น และต้องทำลายชาวยิวให้สิ้นซาก อันนำไปสู่การสังหารชาวยิวถึง ๖ ล้านคน
  • ๑๙๔๐
    แอนสท์ บอริส เชน และ โฮเวิร์ด ฟลอเรย์ สองนักวิทยาศาสตร์แห่งออกซฟอร์ดสามารถสกัดยาเพนนิซิลลินได้เป็นครั้งแรก ช่วยผู้ป่วยโรคปอดบวม คอตีบ ซิฟิลิส และเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปนับหมื่นต่อปีในอดีต
  • ๑๙๔๙
    การคำนวณอายุของซากฟอสซิลด้วยวิธีวัดอายุเรดิโอคาร์บอน (radiocarbon dating) หรือ “คาร์บอน-๑๔” คิดค้นโดยนักฟิสิกส์ชาวอเมริกันชื่อ วิลลาร์ด เอฟ.ลิบบี และได้มีการใช้หลักการนี้วัดอายุซากดึกดำบรรพ์ทั่วโลก รวมถึงอายุของโลก
  • ๑๙๕๓
    ๒๕ เมษายน เจมส์ วัตสัน และ ฟราน- ซิส คริก ตีพิมพ์สมมุติฐานเรื่องโครงสร้างแบบเกลียวคู่ของดีเอ็นเอ (double helix) ในวารสาร Nature ส่งผลกระทบต่อวงการวิทยาศาสตร์อย่างมาก ต่อมาพวกเขาได้พิสูจน์ด้วยผลการทดลองว่าถูกต้อง ทั้งยังทำนายความเป็นไปได้เชิงโครงสร้างว่าแต่ละสายของเกลียวคู่น่าจะแยกออกจากกันขณะแบ่งตัวเพิ่มจำนวน และทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์สำหรับสร้างสายใหม่ที่จับคู่กัน ซึ่งถูกต้องอีกเช่นกัน นับเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญที่ยืนยันว่า ดีเอ็นเอ “ไม่ใช่โปรตีน” แต่เป็น “สารพันธุกรรม” การค้นพบนี้เปิดประตูสู่การศึกษาด้านอณูชีววิทยา พันธุวิศวกรรม การจัดทำลายพิมพ์ดีเอ็นเอ ฯลฯ
  • ๑๙๗๓
    ปีเตอร์และโรสแมรี แกรนต์ สองนักชีววิทยาชาวอังกฤษ ได้ใช้เวลาหลายสิบปีศึกษานกฟินช์ในหมู่เกาะกาลาปากอส เพื่อพิสูจน์ทฤษฎีของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน และพบการวิวัฒนาการของขนาดและจะงอยปากนกฟินช์จากการต่อสู้เพื่อแย่งชิงอาหาร ซึ่งเกิดขึ้นจริงและเร็วมากแทนที่จะกินเวลาหลายพันปี
  • ๑๙๗๔
    มีการค้นพบโครงกระดูกมนุษย์ดึกดำบรรพ์ เพศหญิง ออสตราโลพิเทคัส แอฟาเรนซิส (Australopithecus afarensis) หรือรู้จักกันในนาม “ลูซี” ที่เมืองฮาดาร์ ตอนเหนือของประเทศเอธิโอเปีย คาดว่ามีอายุประมาณ ๓.๒ ล้านปี เป็นมนุษย์เดินสองขาอายุเก่าแก่ที่สุด ซึ่งเป็นหลักฐานสำคัญของการวิวัฒนาการของมนุษย์
  • ๑๙๗๖
    ในสหรัฐอเมริกา นักวิทยาศาสตร์ประสบความสำเร็จในการนำชิ้นส่วนของดีเอ็นเอจากสิ่งมีชีวิตชนิดหนึ่งไปถ่ายฝากในดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่ง เป็นจุดเริ่มต้นของจีเอ็มโอ (GMOs-Genetically Modified Organisms) หรือสิ่งมีชีวิตที่ได้จากการดัดแปลงหรือตกแต่งสารพันธุกรรมหรือดีเอ็นเอ
  • ๑๙๘๐
    ทีมนักวิจัยนำโดยหลุยส์และวอลเตอร์ อัลวาเรซ ค้นพบหลักฐานหลายๆ อย่าง ที่เชื่อถือได้ว่า การสูญพันธุ์ของไดโนเสาร์น่าจะเกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาตในราว ๖๕ ล้านปีก่อน
  • ๑๙๘๑
    มีการค้นพบโรคเอดส์ (Acquired Immune Deficiency Syndrome-AIDS) อันมีสาเหตุมาจากร่างกายได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวี (HIV) เข้าไปทำลายเม็ดเลือดขาวซึ่งเป็นแหล่งสร้างภูมิคุ้มกันโรคให้ลดน้อยลง นักวิทยาศาสตร์พบว่าไวรัสชนิดนี้เคยอยู่ในลิงและได้วิวัฒนาการแพร่เข้าสู่มนุษย์ ประมาณการว่ามีผู้เสียชีวิตจากโรคเอดส์อย่างน้อย ๒๕ ล้านคน

  • ๑๙๘๒
    การไปรษณีย์ของประเทศอังกฤษออกแสตมป์เป็นที่ระลึกครบรอบ ๑๐๐ ปีการตายของ ชาร์ลส์ ดาร์วิน

  • ๑๙๘๔
    บัวผุดพันธุ์ไทย (Rafflesia kerrii) ได้รับการประกาศเป็นพันธุ์ไม้ชนิดใหม่ ของโลก พบโดยนายแพทย์ เอ.เอฟ. จี. เคอร์ เมื่อปี ๑๙๒๙ พืชวงศ์บัวผุดเป็นพืชลึกลับแห่งป่าดิบที่นักพฤกษศาสตร์ยังไม่อาจไขปริศนาได้ว่ามันผุดตามที่ต่างๆ ได้อย่างไร อันจะนำไปสู่การค้นพบกลไกพิสดารที่เกื้อกูลกันในป่าเขตร้อน
  • ๑๙๙๕
    ตุลาคม มีการขุดพบฟอสซิลกระดูก ไดโนเสาร์ซอโรพอด ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน ยุคครีเทเชียสตอนต้น อายุ๑๓๐ ล้านปี ที่ภูกุ้มข้าว อ. สหัสขันธ์จ. กาฬสินธุ์ นับเป็นการขุดพบโครงกระดูกไดโนเสาร์เกือบครบสมบูรณ์ครั้งแรกในไทย

  • ๑๙๙๗
  • ๒๓ กุมภาพันธ์ นักวิทยาศาสตร์ของสถาบันรอสลินแห่งเอดินบะระประกาศความสำเร็จในการโคลนนิงแกะดอลลีตัวแรกในโลก สร้างความตื่นเต้นและจุดประกายความหวังในการโคลนนิงมนุษย์ แต่ในที่สุดมันก็ต้องถูกจบชีวิตลงเมื่อกุมภาพันธ์ ๒๐๐๓ เนื่องจากปัญหาแก่ก่อนวัยและโรคร้าย
  • ดร. เยาวลักษณ์ ชัยมณี แห่งกรมทรัพยากรธรณี ค้นพบฟอสซิลของ สยามโมพิเทคัส อีโอซีนัส (Siamopithecus eocaenus) ในจังหวัดกระบี่ เป็นไพรเมตชั้นสูงสกุลใหม่ ของโลก อายุ ๓๗-๓๕ ล้านปีก่อน ถือเป็นการค้นพบหลักฐานบรรพบุรุษร่วมของมนุษย์และลิงครั้งสำคัญ

  • ๒๐๐๑
    – มิถุนายน มีการประกาศความสำเร็จของโครงการจีโนมมนุษย์ (Human Ge-nome Project) ที่ทำมาตั้งแต่ปี ๑๙๙๐ โดยการตีพิมพ์ลำดับดีเอ็นเอทั้งหมดของมนุษย์ราว ๓,๐๐๐ ล้านลำดับดีเอ็นเอ ผลการศึกษาทำให้รู้ว่า ดีเอ็นเอของคนและลิงชิมแปนซี-สิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับคนมากที่สุด มีลำดับดีเอ็นเอที่คล้ายกันมากถึง ๙๘-๙๙ %
    – การจำแนกซากช้างโบราณจากตัวอย่าง ฟอสซิลที่ขุดพบใน ต. ท่าช้างและ ต. ช้างทอง อ. เฉลิมพระเกียรติ จ. นครราชสีมา พบว่ามีถึง ๘ สกุลใน ๓๘ สกุล ที่พบทั่วโลก อาทิ ช้างสเตโกดอน (๙-๐.๗ ล้านปีก่อน), ช้างซิโนมาสโตดอน (๑๑-๐.๗ ล้านปีก่อน) ช้างกอนโฟเทอเรียม (๑๖-๕ ล้านปีก่อน) เป็นต้น เป็นฟอสซิลที่สมบูรณ์และหลากหลายชนิด ทั้งยังมีความต่อเนื่องในเชิงวิวัฒนาการมากกว่าที่พบในแหล่งอื่นๆ ทั่วโลก
  • ๒๐๐๓
    กันยายน
    ขุดพบโครงกระดูกของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่ลักษณะใกล้เคียงกับมนุษย์ ยุคปัจจุบัน บนเกาะฟลอเรส อินโดนีเซีย ได้ชื่อว่า “มนุษย์ฮอบบิต” หรือมนุษย์แคระ (Homo floresiensis) อายุ ๙๕,๐๐๐-๑๘,๐๐๐ ปีมาแล้ว นำไปสู่การถกเถียงเกี่ยวกับวิวัฒนาการของมนุษย์อย่างกว้างขวาง เนื่องจากมีลักษณะผสมผสานระหว่างมนุษย์วานรกับมนุษย์สมัยใหม่
  • ๒๐๐๕
    เมษายน เริ่มโครงการจีโนกราฟิก (Genographic Project) ที่มีเป้าหมายในการศึกษาและทำแผนที่การอพยพของมนุษย์ไปยังบริเวณต่างๆ ของโลก ตามทฤษฎีการกำเนิดและอพยพของมนุษย์ว่าต้นตระกูลมนุษย์ทั้งหมดเคยอยู่ในทวีปแอฟริกา ก่อนอพยพไปยังบริเวณอื่นๆ ของโลก โครงการนี้เก็บรวบรวมและวิเคราะห์ตัวอย่างดีเอ็นเอ จากผู้คนต่างเชื้อชาติและเผ่าพันธุ์มากกว่า ๑ แสนคนทั่วโลก
  • ๒๐๐๘
    กันยายน The Church of England ซึ่งเป็นสถาบันหลักของศาสนาคริสต์นิกาย Church of England ได้ออกแถลงการณ์ขอโทษชาร์ลส์ ดาร์วิน อย่างเป็นทางการที่สถาบันแห่งนี้เคยกล่าวร้ายเขาเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่
  • ๒๐๐๙
    ธนาคารแห่งประเทศอังกฤษได้ผลิตเหรียญ ๒ ปอนด์เป็นที่ระลึกในวาระครบรอบ ๒๐๐ ปี ชาร์ลส์ ดาร์วิน
  • ๒๐๐๙
    นิตยสาร Scientific American ฉบับเดือนมกราคม ยกย่องหนังสือ The Origin of Species ของดาร์วินว่า “เป็นแนวคิดที่ทรงพลังมากที่สุดทางวิทยาศาสตร์” และเว็บไซต์ www.nature.com/darwin ระบุว่า “ดาร์วินอาจจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ทรงอิทธิพลสูงสุดในยุคใหม่”