ด.ญ. ทิฑัมพร เด่นโยธา

ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกาวิละวิทยาลัย จ. เชียงใหม่

เรื่อง มาอ่านหนังสือกันเถอะ!

คำว่า “หนังสือ” เป็นคำที่เพื่อนๆ ทุกคนอาจจะเคยฟังจนชินหู และเพื่อนๆ บางคนอาจจะรักและชอบอ่านหนังสือ แต่สำหรับบางคนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือนั้น ถ้าได้ลองอ่านหนังสือสองเล่มที่ข้าพเจ้าเคยอ่านมาแล้วรับรองว่าจะชอบอ่านหนังสือขึ้นมาเลยทันที แม้ว่าหนังสือสองเล่มนี้จะเป็นเรื่องสั้นที่ไม่ค่อยมีภาพประกอบสักเท่าใด แต่ก็เป็นหนังสือที่เพื่อนๆ จะได้รับความเพลิดเพลินไปกับจินตนาการอันไร้ขีดจำกัดที่ผู้แต่งได้บรรจงคัดเรื่องราวต่างๆ มาเป็นตัวหนังสือ ดิฉันจึงอยากนำหนังสือที่กล่าวข้างต้นมาแนะนำให้เพื่อนๆ คนได้อ่านโดยเฉพาะกับเพื่อนที่ไม่ชอบอ่านหนังสือเลย

หนังสือเล่มแรกที่อยากจะแนะนำคือเรื่องน้องเล็กที่แสนซน ซึ่ง มานพ แก้วสนิท นักเขียนวรรณกรรมคนสำคัญของแผ่นดินใต้ได้บรรยายถึงเด็กคนหนึ่งที่มีชื่อว่า “น้องเล็ก” หรือ “ม้ง” แต่ในที่นี้ข้าพเจ้าขอเรียกว่า “น้องเล็ก” เขาเป็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่ซนมาก แต่ในความซนเหล่านั้นแฝงไปด้วยความสนุก ที่ใครก็ตามที่ได้อ่าน บางครั้งก็อาจจะอดไม่ได้ที่จะอ้าปากหัวเราะจนขากรรไกรค้าง หรือในบางตอนที่เพื่อนๆ ก็อาจจะต้องหยิบผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำตาที่ไหลจนเอ่อล้นเลยก็ว่าได้ เช่น ในตอนหนึ่งที่สนุกและน่าสงสารน้องเล็กมากคือตอนที่น้องเล็กมีความรักไปแอบชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเรียนอยู่ห้องตรงกันข้าม ทุกๆ วันน้องเล็กจะเอาดอกไม้ไปวางไว้ในโต๊ะของเด็กผู้หญิงคนนั้น เด็กผู้หญิงคนนั้นก็ดูเหมือนจะมีใจให้เหมือนกัน แต่มีเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้ความรักของน้องเล็กต้องเปลี่ยนไป อยากทราบไหมว่าเพราะอะไร? ถ้าอยากทราบก็คงต้องรีบไปอ่านหนังสือเล่มนี้กันแล้วล่ะ! ดิฉันขอรับประกันเลยว่าถ้าได้อ่านหนังสือเล่มนี้แล้วจะต้องไม่ผิดหวังแน่นอน

และนอกจากหนังสือเล่มนี้จะมีความสนุกแล้วยังมีเกร็ดความรู้เล็กๆ น้อยๆ ที่เพื่อนๆ จะสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ เช่น ในตอนที่น้องเล็กกับเพื่อนกลุ่มที่อิจฉารุ่นพี่ ป. 6 ที่ไปได้เข้าค่ายพักแรมลูกเสือ จึงได้พากันเลียนแบบพวกพี่ๆ บ้างโดยการไปเข้าค่ายที่ป่าหลังโรงเรียนกันเอง ขณะที่กำลังนอนหลับกันอยู่นั้น ไฟที่ก่อทำอาหารนั้นได้เกิดลุกขึ้น น้องเล็กกับเพื่อนๆ จึงรีบพากันดับไฟ แต่ดับเท่าไหร่มันก็ไม่ยอมดับ จนลุงพุ่มภารโรงของโรงเรียนเห็นเข้าจึงรีบใช้จอบคุ้ยเศษใบไม้ใบหญ้าให้แยกออกจากกันเป็นแนวกันไฟ ไฟจึงมอดลง ลุงพุ่มบอกว่า “อย่าล้อเล่นกับฟืนไฟเป็นอันขาด ไม้ขีดก้านเดียวอาจเผาเมืองได้ทั้งเมือง” ดิฉันก็เห็นด้วยกับลุงพุ่มเพราะไฟสามารถเผาผลาญทุกอย่างที่ขวางหน้ามัน ขอเพียงเชื้อเพลิงไฟก็สามารถเผาทุกอย่างได้ และยังมีเกร็ดความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมประเพณีของภาคใต้ คือวันชักพระ หรือ “วันลากพระ” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราควรทราบ

หนังสือเล่มนี้ไม่เพียงแต่มีความสนุกสนาน มีเกร็ดความรู้เท่านั้น แต่ยังมีข้อคิดคติสอนใจหลายๆ เรื่องด้วย แต่ในที่นี้ขอยกมาเพียงเรื่องเดียว คือ เรื่องที่น้องเล็กยอมรับผิด เรื่องมีอยู่ว่าน้องเล็กมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่ชื่อโต้ง โต้งไม่ชอบครูคนหนึ่งซึ่งทำโทษเขาเกินเหตุ เขาจึงแก้แค้นโดยการใช้หัวเข็มขัดนักเรียนขูดสีรถของครูคนนั้น น้องเล็กก็อยู่ในเหตุการณ์นั้นด้วยแต่น้องเล็กไม่ได้เป็นคนลงมือทำรถ เมื่อครูใหญ่ทราบเรื่อง จึงเรียกเด็กๆ มาสอบถามหาความจริง แต่เด็กๆ ก็ไม่ยอมรับสารภาพ จนครูดุ่ยครูคนสนิทของเด็กๆ สอบถามความจริง น้องเล็กจึงยอมรับสารภาพแทนเพื่อน แล้วบอกว่า “มีใครบางคนทำ แต่อยากให้บอกครูใหญ่ว่าพวกเราทุกคนทำ” เพื่อน ๆ คงสงสัยว่าทำไมน้องเล็ก เด็กที่อายุไม่ถึง 10 ขวบ ยังกล้ารับผิดทั้งๆ ที่ตนเองไม่ได้ทำ นั่นก็เพราะว่าน้องเล็กรักเพื่อนของเขามาก และเขาไม่อยากให้เพื่อนของเขาต้องลำบากเกินไปในการชดใช้ค่าเสียหาย นี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งของข้อคิดคติสอนใจที่ดิฉันได้จากเรื่องนี้

ความจริงหนังสือเล่มนี้มีเนื้อหาสาระที่น่าสนใจอีกมากมาย แต่เอาเป็นว่าลองไปอ่านหนังสือเล่มนี้ดู รับรองว่าเพื่อนๆ จะไม่ผิดหวังแน่ หนังสือเล่มนี้มีราคาเพียงเล่มละ 100 บาท เท่านั้น ดีกว่าที่เพื่อนๆ จะไปซื้อหนังสือการ์ตูนมาอ่านเพราะนอกจากจะเสียเงินเปล่าๆ แล้ว ยังเสียเวลาอีกด้วย

เล่มที่ 2 ที่อยากจะแนะนำคือเรื่องที่เกี่ยวกับเด็กเช่นกัน แต่เป็นเด็กผู้หญิงที่ซนไม่แพ้กับน้องเล็กเลย นั่นก็คือเรื่องแก้วจอมซน ซึ่งผู้แต่งท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า “แว่นแก้ว” ได้แต่งขึ้นมา หนังสือเล่มนี้เป็นหนังสือที่อ่านแล้วสนุก เหมาะกับการคลายเครียด เพราะถ้าใครได้อ่านหนังสือเล่มนี้ต้องฮาไปตามๆ กัน โดยหนังสือเล่มนี้ได้บรรยายถึงเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ซนมาก เธอชื่อ “แก้ว” แก้วเป็นเด็กผู้หญิงที่มีนิสัยซนแบบพิลึก ความซนของแก้วแฝงไปด้วยความหวังดีที่ส่วนมากความหวังดีที่แก้วหยิบยื่นให้ผู้อื่นจะกลับกล

ายมาเป็นความวุ่นวายที่ใครๆ ก็ต้องปวดหัวไปตามๆ กัน อย่างเช่นตอนที่พ่อแม่ของแก้วไปธุระที่ต่างจังหวัด จึงให้พี่หนูมาอยู่เป็นเพื่อนและให้ช่างมาติดกลอนประตูเพราะช่วงนั้นขโมยชอบขึ้นบ้านแถวๆ บ้านแก้วมาก ระหว่างที่ช่างมาติดประตู แก้วรู้สึกว่าช่างติดกลอนประตูน้อยเกินไปจึงให้ช่างติดกลอนประตูเพิ่มบานละห้ากลอน เมื่อพ่อแม่แก้วกลับมาต่างตกตะลึงในความหวังที่ (ไม่ดี) ของแก้วที่มอบให้พ่อแม่ อย่างเช่นแก้วเคยได้รางวัลในความหวัง (ไม่) ดีด้วยไม้หวายที่ฟาดลงบนร่างกายหรือการตีนั่นเอง

ความจริงแก้วก็เป็นคนที่มีความดีที่น่าเอาเป็นตัวอย่างบ้างเหมือนกัน นั่นก็คือแก้วเป็นคนที่มีความรัก แก้วจะรักทุกคนแม้กระทั่งสุนัขที่ไม่ใช่ของตัวเอง เป็นคนมีมนุษย์สัมพันธ์ดีกับทุกคน เข้ากับคนง่าย นอกจากนั้นยังมีความสัตย์ซื่อที่น่าเอาเป็นแบบอย่าง และบางครั้งที่แก้วทำผิดแก้วก็จะยอมรับผิดโดยทันที ที่สำคัญแก้วไม่เคยโกรธใครเลยนอกจากอ๊อดซึ่งในเรื่องแก้วจอมซน จะบรรยายถึงสาเหตุที่แก้วกับอ๊อดโกรธกันว่าเกิดมาจากสาเหตุอะไร ถ้าเพื่อนๆ อยากทราบเพื่อนๆ ก็คงต้องลองไปอ่านกันเองแล้ว

หนังสือทั้งสองเล่มที่ดิฉันแนะนำเป็นหนังสือที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย เป็นหนังสือที่สามารถคลายเครียดได้ เพราะมีความสนุกภายในตัว ใครที่อ่านต้องหัวเราะไปตามๆ กัน ความเครียดที่สะสมมาก็หายเป็นปลิดทิ้ง และเป็นหนังสือที่มีข้อคิดภายในตัวที่สามารถเตือนสติเพื่อนๆ ได้ นอกจากนั้นยังฝึกตัวเพื่อนๆ ในการรักการอ่านอีกด้วย ถ้าเพื่อนๆ คนใดไม่ชอบอ่านหนังสือถ้ามาอ่านหนังสือสองเล่มนี้ขอรับรองว่าจะชอบหนังสือเล่มนี้เลยทันที

ดิฉันขอแนะนำให้เพื่อนทุกคนหันมาสนใจการอ่านให้มากขึ้น อ่านหนังสืออะไรก็ได้ที่คิดว่ามีประโยชน์ต่อเพื่อนๆ เพราะหนังสือนอกจากจะทำให้คนฉลาดแล้วยังเป็น บันไดขั้นแรกเพื่อฝึกฝนนิสัยรักการอ่าน และข้อสำคัญควรเลือกอ่านหนังสือที่มีประโยชน์ต่อตนเองเช่น หนังสือเรื่องน้องเล็กที่แสนซน หรือ หนังสือเรื่องแก้วจอมซน อย่าลืมว่ายิ่งอ่านยิ่งฉลาด เพราะฉะนั้นเรา “มาอ่านหนังสือกันเถอะ”

ด.ญ. ทิฆัมพร เด่นโยธา ม. 2/9 โรงเรียนกาวิละวิทยาลัย
จังหวัดเชียงใหม่ เกิดวันที่ 31 ตุลาคม 2533
ที่อยู่ 15/6 ถ. หนองประทีป ต. หนองป่าครั่ง อ. เมือง จ. เชียงใหม่ 50000
โทรศัพท์ 0-6921-4681, 0-5326-1874
ลงชื่ออาจารย์ผู้รับทราบ
(นางปราณี วงศ์ชัย)
อาจารย์ 2 ระดับ 7 ผู้สอนวิชาภาษาไทย