ประสบการณ์ร้ายในโรงแรมห้าดาว
ผมได้รับเชิญจากบริษัทยาแห่งหนึ่ง ให้ไปร่วมประชุมวิชาการทางการแพทย์ ร่วมกับจิตแพทย์ที่มาจากประเทศต่างๆ ในแถบแปซิฟิก มีผู้เข้าร่วมประชุมถึง ๖๐๐ คน และครั้งนี้นับเป็นการไปภูเก็ตครั้งแรกของผม ผมเดินทางไปถึงภูเก็ตทางเครื่องบินในวันที่ ๓๑ พฤษภาคม ๒๕๔๔ มีเจ้าหน้าที่ของบริษัทยามารับผมเข้าพักที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ที่ได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมที่ดีที่สุดของจังหวัดภูเก็ตบนหาดกะรน ความเลวร้ายเริ่มต้นตั้งแต่ในคืนแรกที่ผมเข้าพักในตึก A พร้อมกับเพื่อนแพทย์อีกหนึ่งคน คืนนั้นเป็นคืนที่ผมหลับได้ไม่สนิทนัก อาจเนื่องจากการเดินทางและความไม่คุ้นเคยสถานที่ ในราวตีสี่ของวันใหม่นั้น ขณะที่กำลังเคลิ้ม ๆ อยู่ ผมก็ได้ยินเสียงกระแทกประตูสองครั้ง ผมคิดว่าคงมีพนักงานเข็นรถกระแทกประตูห้องโดยไม่ตั้งใจ จึงนอนหลับต่อ เช้ารุ่งขึ้น ตอนแต่งตัวนั้นเอง ผมก็พบสิ่งผิดปรกติ คือ กระเป๋าเงินหายไปจากกางเกงที่วางพาดไว้ก่อนนอน ตอนแรกผมคิดว่าคงทำตกที่ไหน จึงได้ค้นหาง่วนอยู่ จนเมื่อเพื่อนโทรศัพท์มาเล่าว่ามีแพทย์ที่พักอยู่ในตึกเดียวกันถูกขโมยเข้าห้อง และขโมยกระเป๋าเงินไปทั้งสามีภรรยา ผมจึงรู้ตัวว่าถูกโจรกรรมเข้าแล้ว เพื่อนผมที่พักห้องเดียวกันจึงโทรศัพท์แจ้งที่ฟร้อนท์ของโรงแรมว่ามีขโมยเข้าห้อง พนักงานบอกว่าจะแจ้งให้ผู้จัดการโรงแรมทราบ ผมรีบโทรศัพท์ไปอายัดบัตรเครดิตและบัตรเอทีเอ็มในราวเวลา ๘.๔๐ น. ในชั้นนี้ผมยังรู้สึกกับโรงแรมในแง่ที่ดีอยู่ หลังจากที่เข้าประชุมได้ถึงราว ๑๐.๐๐ น. ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวผมเองไม่ได้รับการติดต่อจากโรงแรมอย่างที่ควรจะเป็น ไม่รู้ว่าทางโรงแรมจะแก้ปัญหาให้ผมอย่างไร ครึ่งชั่วโมงต่อมา เจ้าหน้าที่ของบริษัทยาเข้ามาบอกผมว่า มีตำรวจมาขอสอบปากคำ และแจ้งให้ทางผู้จัดการโรงแรมทราบว่าผมและผู้เสียหายจะไปให้ปากคำกับตำรวจในบริเวณโรงแรม และอีกครั้งหนึ่งที่ผมรู้สึกว่าโรงแรมขาดความรับผิดชอบ เนื่องจากในการให้ปากคำนั้น มีผมกับผู้เสียหายอีกหนึ่งท่าน และเจ้าหน้าที่บริษัทยามารับฟังการให้ปากคำกับตำรวจ โดยไม่มีเจ้าหน้าที่ของโรงแรมไม่ว่าระดับใดก็ตาม ออกมารับผิดชอบ ในเวลาเที่ยง ผมทราบจากเจ้าหน้าที่บริษัทยาเพิ่มเติมว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ไปตรวจสอบสถานที่ และแสดงวิธีการเปิดห้อง ไม่ว่าผมจะล็อกห้องด้วยอุปกรณ์ใด ๆ ที่มีอยู่ในห้องนั้นก็ตาม ผมอึ้งไปพักใหญ่และคิดว่าผมได้เข้ามาพักในห้องที่ไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยใด ๆ ทั้งสิ้น ใครที่มีกุญแจผีก็สามารถเข้าถึงตัวผมได้อย่างไม่ยากเย็น ผมจึงยืนยันกับบริษัทยาว่าผมต้องการเปลี่ยนห้อง ผมเริ่มรู้สึกหงุดหงิดอีกครั้งในเรื่องที่ทางโรงแรมได้ไปดูการตรวจสอบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทราบว่าห้องนั้นไม่ปลอดภัยสำหรับแขกคนใดก็ตามที่เข้าพัก แต่ก็ไม่ได้แจ้งให้ผมทราบในทันที ทั้งที่ผมก็มีข้าวของอยู่ในห้อง และถ้าทางบริษัทยาไม่ได้มาเล่าให้ผมฟัง ผมก็ต้องนอนในห้องนั้นโดยไม่ทราบอะไรเลย นอกจากนี้ทางตำรวจยังได้ข้อมูลว่าในเวลาตีสองครึ่งถึงตีสาม พนักงานรักษาความปลอดภัยของโรงแรมได้เดินไปเคาะประตูห้องนอนที่ถูกเปิดแต่ขโมยเข้าไปไม่ได้ โดยบอกผู้เข้าพักเพียงว่าปิดประตูไม่สนิท แต่จริง ๆ แล้วมีห้องพักเจ็ดห้องที่ถูกงัดแงะ แต่มีเพียงสองห้องเท่านั้นที่ถูกโจรกรรม ทำให้ผมสงสัยว่าทำไมทางโรงแรมถึงได้ปล่อยให้เรื่องเกิดขึ้นทั้ง ๆ ที่มีเหตุเตือนล่วงหน้ามาก่อนหน้านั้น ในเวลาบ่าย ทางโรงแรมได้ติดต่อผ่านทางบริษัทยาว่าจะมาขอพบและชี้แจง แต่ถึงตอนนั้นผมไม่อยู่ในวิสัยที่จะมานั่งรับฟังคำชี้แจงใด ๆ เพราะหมดความรู้สึกดี ๆ กับโรงแรมแล้ว จึงปฏิเสธการขอพบ ในเช้าวันถัดมา ก็มีข่าวที่ไม่ดีเกิดขึ้นกับเพื่อนแพทย์หญิงในตึกเดียวกันอีกว่า มีการมาเคาะห้องในเวลาตีสองโดยไม่มีเหตุผล ทำให้แพทย์หญิงซึ่งพักในห้องเพียงคนเดียวหวาดกลัวมาก จึงขอเดินทางกลับในวันนั้นทันที ส่วนผู้หญิงทุกคนที่มาพักคนเดียวก็ย้ายมานอนห้องละสองคน และทุกห้องต้องเอาเก้าอี้มาดันประตูไว้เพราะไม่แน่ใจในสวัสดิภาพของตนเอง ผมไม่เข้าใจว่าทางโรงแรมได้ทำอะไรไปบ้าง ทำไมจึงปล่อยให้เกิดเรื่องขึ้นกับผู้เข้าพักในการประชุมระดับนานาชาติ ช่วงเที่ยงขณะที่ผมกำลังรับประทานอาหารกลางวัน รองผู้จัดการโรงแรมก็พรวดพราดเข้ามานั่งแล้วขอชี้แจง โดยบอกว่าที่ติดต่อมาช้าเพราะตามตัวผมไม่เจอ ทั้ง ๆ ที่บริษัทยาติดต่อมาก็เจอผมทุกที และผมก็ทำกิจกรรมตามกำหนดที่วางไว้ล่วงหน้าตลอด การเข้ามาชี้แจงนี้ ผมจึงรู้สึกว่าเป็นเพียงการแก้ตัว และขอชดใช้เงินที่ผมสูญเสีย โดยไม่ได้สนใจหรือถามไถ่ถึงความเดือดร้อนของผมเลย และนั่นก็เป็นครั้งสุดท้ายที่ผมได้รับการติดต่อจากโรงแรม ผมได้มานั่งทบทวนว่าผมรู้สึกโกรธ เพราะไม่รู้สึกว่าได้รับการบริการที่ดีจากโรงแรมที่อ้างว่าเป็นโรงแรมระดับห้าดาว ผมคาดหวังว่าผมไม่ควรจะถูกบุกรุกหลังจากที่โรงแรมได้พบความผิดปรกติที่เกิดกับห้องพักอื่นก่อนหน้านี้ เมื่อผมแจ้งให้ทางโรงแรมทราบถึงเหตุที่เกิดขึ้นแล้ว ทางโรงแรมควรส่งเจ้าหน้าที่มาสอบถาม และให้ความช่วยเหลือทันที มิใช่กล่าวอ้างว่าตามตัวผมไม่พบ เวลาที่ผมให้ปากคำกับตำรวจ ควรมีเจ้าหน้าที่โรงแรมมาฟังคำให้การ เพราะอาจช่วยในการสืบหาหลักฐาน มิใช่ปล่อยให้ผมและเพื่อนร่วมชะตากรรมมานั่งให้ปากคำกับเจ้าหน้าที่บริษัทยา เมื่อรู้ว่าห้องพักของผมไม่ปลอดภัย ควรแจ้งให้ผมทราบทันทีและควรเสนอการเปลี่ยนห้องให้โดยผมไม่ต้องร้องขอ เพราะนี่เป็นหน้าที่ ไม่ใช่ทางเลือกที่จะมีชีวิตที่ปลอดภัย ถ้าเกิดอะไรขึ้น ทางโรงแรมจะมีปัญญารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้นหรือไม่ โรงแรมควรกล่าวคำขอโทษกับแขกห้องอื่น ๆ ที่ถูกบุกรุกถึงแม้ว่าจะยังไม่มีอะไรเสียหาย มิใช่ทำเป็นเฉยๆ แล้วเงียบหายไป และไม่ควรปล่อยให้เกิดเหตุผิดปรกติขึ้นซ้ำจนทำให้แขกที่มาพักบางคนเสียขวัญจนต้องกลับก่อนกำหนด การขอโทษและแสดงความรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ทำไปอย่างลวก ๆ ให้เสร็จ ๆ ไป ทั้งหมดที่เล่ามานี้ เพราะผมอยากจะเตือนเพื่อน ๆ ทุกคนให้รู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และอย่าได้ไปไว้ใจกับคำว่า "โรงแรมห้าดาว" จากประสบการณ์ที่เลวร้ายของผมทั้งในเรื่องความปลอดภัยและการบริการที่ยอดแย่ของโรงแรมแห่งนี้ นายแพทย์วีรพล อุณหรัศมี/โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา (จดหมายนี้ได้รับการเรียบเรียงใหม่ เพื่อให้มีความยาว และมีความเหมาะสมสำหรับการตีพิมพ์-"นายรอบรู้")