home
Contact Uscontact@sarakadee.com
สาระเพื่อนักเดินทาง และการท่องเที่ยว อย่างเข้าใจและรอบรู้
www.Thaitraveler.com
เที่ยวทั้วไทยกับ "นายรอบรู้" เดือนกุมภาพันธ์

นายรอบรู้ชวนเที่ยว.. วัดภูมินทร์ มรดกทางวัฒนธรรมล้ำค่าของชาวน่าน

"นายรอบรู้" เชื่อว่าเพื่อน ๆ หลายคนคงเคยเห็นภาพเขียนรูปชายหญิงเกี้ยวพาราสีกัน อันเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังภายในวิหารวัดภูมินทร์ จังหวัดน่าน งานชิ้นเอกนี้มีผู้นำไปเผยแพร่ในรูปแบบต่าง ๆ มากมาย ทั้งโปสการ์ด ปฏิทิน และอื่น ๆ จนวัดแห่งนี้มีชื่อเสียงไปทั่วประเทศ ถึงกระนั้นบางคนก็ยังไม่เคยไปสัมผัสกับของจริง คงเพราะน่านเป็นจังหวัดชายแดนที่ค่อนข้างห่างไกล อย่างไรก็ตาม "นายรอบรู้" รับประกันว่าหากใครได้ลองไปสัมผัสน่านและวัดภูมินทร์ โดยเฉพาะในฤดูหนาวที่มีสายหมอกลอยอ้อยอิ่งในยามเช้าแล้ว ต้องหลงรักเมืองและวัดนี้แน่นอน
แผนที่ (คลิกดูภาพใหญ่)
น่านอยู่ไกลจากกรุงเทพฯ ประมาณ ๖๖๘ กิโลเมตร ถ้าขับรถไปเองก็ใช้เวลาประมาณ ๘ ชั่วโมง เรียกว่านั่งกันหลายเมื่อยทีเดียวกว่าจะถึง แต่ถึงแล้วก็ชื่นใจ เพราะเมืองเขาน่าอยู่ เป็นเมืองเล็ก ๆ ในหุบเขา มีแม่น้ำน่านไหลผ่าน บรรยากาศสงบเงียบ ผู้คนมีไมตรีตามแบบชาวเหนือ วัดวาอารามก็สวยงาม โดยเฉพาะวัดภูมินทร์ที่ "นายรอบรู้" กำลังจะชวนไปชม
วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ในตัวเมืองน่าน ตรงสี่แยกถนนสุริยะพงษ์ตัดกับถนนผากอง ถ้ามาจากตลาดลุ่ม ถึงสี่แยกนี้แล้วมองไปทางซ้าย จะเห็นวิหารทรงจัตุรมุขของวัดชัดเจน ด้านหน้าวิหารตรงหัวมุมสี่แยกทำเป็นลานกว้างเปิดโล่ง ซึ่งสถาปนิกตั้งใจแต่งภูมิทัศน์เพื่อขับให้ตัววิหารโดดเด่นยิ่งขึ้น 
วัดภูมินทร์เป็นวัดเก่าแก่ พงศาวดารเมืองน่านบันทึกว่า สร้างมาตั้งแต่ พ.ศ. ๒๑๓๙ ต่อมาในปี พ.ศ. ๒๔๑๐ เจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าผู้ครองเมืองน่านในสมัยนั้น โปรดให้บูรณะวัดครั้งใหญ่ ใช้เวลาถึงแปดปีจึงแล้วเสร็จ ภาพจิตรกรรมภายในวิหาร ซึ่งเป็นศิลปกรรมแบบไทยลื้อ ก็คงวาดขึ้นในสมัยนี้
บรรยากาศยามเช้าในฤดูหนาวที่หน้าวิหาร (คลิกดูภาพใหญ่)กลุ่มภาพจิตรกรรมภายในวิหารที่มีชื่อเสียงมาก (คลิกดูภาพใหญ่)
ด้วยเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ประตูของพระวิหารจัตุรมุขจึงเปิดต้อนรับผู้มาเยี่ยมเยือนทุกวัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนเข้าไปกราบพระและทัศนาภาพเขียนภายใน ขอให้ชื่นชมกับรูปทรงของวิหารจากภายนอกเสียก่อน ด้วยมีความพิเศษตรงที่สร้างเป็นทรงจัตุรมุข งดงามแปลกตาไม่เหมือนใคร ถึงขนาดรัฐบาลไทยในสมัยรัชกาลที่ ๘ เคยพิมพ์รูปพระวิหารหลังนี้ลงในธนบัตรใบละ ๑ บาท ตัวอาคารจัตุรมุขมีประตูและบันไดทั้งสี่ทิศ ที่ราวบันไดเป็นปูนปั้นรูปพญานาค ส่วนที่ประตูทั้งสี่ทิศสลักรูปท้าวเวสสุวัณแผลงฤทธิ์ รูปพรรณพฤกษาสอดแซมด้วยสัตว์จตุบาททวิบาท ฝีมืองดงามสมกับฐานะวัดหลวง
ชื่นชมความงามภายนอกแล้ว ต่อไปเชิญก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปชื่นชมภายในกันบ้าง ตามธรรมเนียมพุทธศาสนิกชนที่ดี เข้าโบสถ์เข้าวิหารก็ต้องไหว้พระประธานก่อน องค์ปฏิมาที่นี่พิเศษคือมีสี่องค์ ประทับนั่งปางมารวิชัย หันพระปฤษฎางค์ (หลัง) ชนกัน บ่ายพระพักตร์สู่ประตูทางเข้าทั้งสี่ทิศ ประดิษฐานอยู่กลางพระวิหาร เรียกว่าเข้ามาทางไหนก็จะพบองค์พระอยู่ตรงหน้า ถัดจากไหว้พระแล้วก็ดูภาพเขียนฝาผนังที่ช่างอุตสาหะเขียนไว้จนรอบทิศ ช่วงนี้ต้องให้เวลานานหน่อยเพราะภาพมีมาก และที่สำคัญต้องพินิจ จึงจะเห็นความสนุกที่ช่างได้สอดแทรกคละเคล้าไปกับเรื่องราววิถีชีวิต วัฒนธรรมของชาวน่านในสมัยเมื่อร้อยกว่าปีก่อน ค่อย ๆ ดูไม่ต้องรีบร้อน แล้วเราจะเรียนรู้อดีตได้จากภาพเขียนเหล่านี้ คล้ายนั่งไทม์แมชีนย้อนเวลาเลยทีเดียว ภาพที่น่าสนใจ ได้แก่ 
ภาพจิตรกรรมที่สันนิษฐานว่าเป็นภาพเหมือนของช่างวาด (คลิกดูภาพใหญ่)ลวดลายแกะสลักอย่างวิจิตรที่บานประตูวิหาร (คลิกดูภาพใหญ่)พระประธานสี่ทิศภายในพระวิหาร (คลิกดูภาพใหญ่)
-ภาพที่ยอดเสาซ้ายมือของประตูด้านทิศตะวันออก ผู้รู้สันนิษฐานว่าน่าจะเป็นภาพเหมือนของเจ้าอนันตวรฤทธิเดช ผู้ปฏิสังขรณ์วัดนี้
-ภาพที่ยอดเสาขวามือของประตูด้านทิศตะวันตก เป็นภาพชายวัยกลางคนมีเคราดก ใบหน้าคล้ายชาวตะวันตก สวมเสื้อสีแดง สวมหมวก และสะพายย่าม สันนิษฐานว่าเป็นมิชชันนารีที่เข้ามาเผยแพร่ศาสนาในเมืองน่าน 
-ภาพบนผนังด้านตะวันตก แอบอยู่ซ้ายมือข้างประตู เป็นรูปหนุ่มสาวกำลังเกี้ยวพาราสีกัน ชายหนุ่มเปลือยอก เห็นรอยสักเต็มไปทั้งแขน ไหล่ หน้าอก พุง และหน้าขา เป็นการสักตามสมัยนิยมในยุคนั้น อันเป็นที่มาของการเรียกคนกลุ่มนี้ว่า "ลาวพุงดำ" ตำแหน่งของภาพจงใจเขียนให้อยู่ข้างหลังประตู และเขียนอย่างประณีตมาก น่าจะเป็นภาพเหมือนของช่างวาดเอง ภาพนี้จัดเป็นภาพชิ้นเยี่ยม 
-ภาพตรงผนังขวามือของประตูทางทิศเหนือ เป็นภาพชายหญิงกลุ่มหนึ่งยืนหยอกเย้า เกี้ยวพาราสีกัน แสดงให้เห็นถึงสภาพชีวิตความเป็นอยู่และการแต่งกายในอดีต สังเกตว่าช่างได้ใส่อารมณ์ความรู้สึกลงบนใบหน้าผู้คนในภาพอย่างเต็มที่ ซึ่งต่างจากงานจิตรกรรมฝาผนังในภาคกลางอย่างสิ้นเชิง เป็นกลุ่มภาพที่มีชื่อเสียงและงดงามมาก
เที่ยววัดจนชุ่มชื่นใจแล้ว ถ้าเกิดหิวขึ้นมา จะหาของกินก็ไม่ลำบาก เพราะในเมืองมีร้านให้เลือกหลากหลาย แต่ถ้าอยากกินของอร่อยก็ต้องสรรหากันหน่อย "นายรอบรู้" เคยไปชิมแล้วหลายร้าน ขอแนะนำพอเป็นตัวอย่างสักสองสามที่ดังนี้ ร้านปุ้ม ๓ ที่ตลาดบน ร้านคุ้มค๊กมอง ถนนผากอง และร้านเรือนแก้ว ถนนสุมนเทวราช ลองไปเถิด รับรองไม่ผิดหวัง
Home