home
Contact Uscontact@sarakadee.com
สาระเพื่อนักเดินทาง และการท่องเที่ยว อย่างเข้าใจและรอบรู้
www.Thaitraveler.com
เที่ยวทั้วไทยกับ "นายรอบรู้" เดือนมกราคม

เยือนกรุงเก่า นมัสการหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง

ในวาระเปลี่ยนศักราชใหม่ นับเป็นฤกษ์งามยามดีของการเริ่มต้นสิ่งใหม่ๆ หากต้องการใช้ช่วงเวลานี้ไปนมัสการพระสงฆ์องค์เจ้าที่ตนนับถือศรัทธา เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต และไม่อยากไปไหนไกลจากกรุงเทพฯ "นายรอบรู้" ขอแนะนำให้ไปนมัสการหลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง จ. อยุธยา หรือกรุงเก่าของเรานี่เอง วัดพนัญเชิงด้านหนึ่งติดถนนใหญ่ ซึ่งเป็นทางเข้าวัดปัจจุบัน ส่วนอีกด้านหนึ่งอยู่ติดแม่น้ำ ซึ่งเป็นด้านหน้าวัดมาแต่เดิม แม่น้ำบริเวณวัดด้านนี้เป็นวังน้ำวนขนาดใหญ่ มีแม่น้ำสามสายมาสบกัน คือ แม่น้ำลพบุรี แม่น้ำป่าสัก และแม่น้ำเจ้าพระยา ในยามแดดร่มลมโชยยามเย็น บริเวณวัดจึงเย็นสบายน่ารื่นรมย์
หลวงพ่อโตซึ่งเป็นพระประธานของวัดนั้นประดิษฐานอยู่ภายในวิหาร เป็นพระพุทธรูปที่มีลักษณะงดงาม เป็นพระปูนปางมารวิชัยที่มีขนาดสูงใหญ่ที่สุดในประเทศ หน้าตักกว้าง ๒๐.๑๗ เมตร สูง ๑๙ เมตร น. ณ ปากน้ำ อธิบายพุทธลักษณะของหลวงพ่อโตไว้ว่า พระพักตร์ของพระพุทธรูปค่อนข้างเป็นสี่เหลี่ยม ซึ่งเป็นศิลปะผสมผสานกับศิลปะอโยธยา ซึ่งมีมาก่อนการตั้งกรุงศรีอยุธยา แต่นักประวัติศาสตร์บางคนมีความเห็นว่า อโยธยาเป็นเมืองเดียวกับอยุธยา ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณะหลวงพ่อโต และพระราชทานนามว่า พระพุทธไตรรัตนายก
แผนที่ (คลิกดูภาพใหญ่)
หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปสำคัญคู่บ้านคู่เมืองมาแสนนาน คนกรุงเก่าให้ความนับถือศรัทธาในความขลังความศักดิ์สิทธิ์ มีเรื่องให้เล่าขานกันสืบมา บางเรื่องปรากฏเป็นบันทึกในหนังสือ คำให้การชาวกรุงเก่า กล่าวถึงหลวงพ่อโตองค์นี้ว่า เมื่อก่อนกรุงศรีอยุธยาแตก หลวงพ่อโตมีน้ำพระเนตรไหลประหนึ่งว่าเป็นลางบอกก่อนเกิดเหตุใหญ่ ด้วยความศักดิ์สิทธิ์ดังเล่าขานกันมานี้กระมัง พระพุทธรูปองค์นี้จึงเป็นที่เคารพนับถือของชาวกรุงเก่าสืบมา คนเฒ่าคนแก่ที่นี่เล่าให้ฟังว่า งานนมัสการหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิง เป็นงานใหญ่ประจำปีที่คนแต่ก่อนรอคอย เพราะนอกจากจะได่มานมัสการหลวงพ่อแล้ว ยังได้พายเรือเล่นอีกด้วย เพราะงานนี้จัดในฤดูน้ำหลากน้ำเต็มตลิ่ง พายเรือกันมาเป็นทิวแถวเป็นที่สนุกเพลิดเพลินของคนยุคนั้น
ปัจจุบันในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ เข้ามานมัสการและชมความงามอย่างเนืองแน่น โดยเฉพาะชาวจีนนั้นให้ความเคารพนับถือหลวงพ่อโตมาก ถึงกับเรียกพระพุทธรูปองค์นี้อีกชื่อหนึ่งว่า ซำปอกง เพราะวัดพนัญเชิงมีตำนานเกี่ยวโยงกับพระเจ้ากรุงจีน ตามที่เล่ากันมานั้นว่า พระเจ้ากรุงจีนต้องการมีสัมพันธ์กับเมืองอโยธยา จึงได้ส่งพระนางสร้อยดอกหมาก ซึ่งเป็นพระธิดาของพระองค์ มาอภิเษกกับพระเจ้าสายน้ำผึ้งผู้เป็นกษัตริย์ครองเมืองอโยธยาขณะนั้น เมื่อเรือพระที่นั่งของพระนางมาเทียบท่า พระเจ้าสายน้ำผึ้งส่งขบวนมาต้อนรับ แต่นางไม่ยอมขึ้นเล่นเชิงให้พระเจ้าสายน้ำผึ้งมารับด้วยพระองค์เอง พระเจ้าสายน้ำผึ้งตรัสว่า "มาถึงแล้วไม่ขึ้นก็ตามทีเถิด" นางน้อยใจจึงกลั้นใจตายในเรือพระที่นั่งนั้นเอง พระเจ้าสายน้ำผึ้งจึงจัดการปลงพระศพนาง ณ ฝั่งน้ำนั้น แล้วอุทิศบริเวณดังกล่าวเป็นวัดพนัญเชิงนับแต่นั้นมา
งานประเพณีทิ้งกระจาดที่วัดพนัญเชิง (คลิกดูภาพใหญ่)
เดิมวัดแห่งนี้มีชื่อว่า วัดพระนางทำเชิง หรือพระนางเอาเชิง แล้วเพี้ยนเป็นวัดพนัญเชิงในที่สุด ทุกวันนี้ยังมีศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก ชาวจีนเรียกศาลแห่งนี้ว่า ศาลเจ้าแม่จู๊แซเนี้ย อยู่ภายในวัด เป็นที่เคารพสักการะทั้งชาวจีนที่อยู่ภายในอยุธยาและจังหวัดใกล้เคียง มีการฉลองศาลเจ้าแม่ในช่วงเทศกาลตรุษจีนเป็นประจำทุกปี และนอกจากนี้ยังมีงานทิ้งกระจาดประมาณเดือนเก้า ถือเป็นงานใหญ่ของสมาคมชาวจีนอีกงานหนึ่งด้วย
ความสำคัญของหลวงพ่อโต ถึงขนาดทำให้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างหลวงพ่อโตหรือซำปอกงขึ้นที่กรุงเทพฯ เป็นพระประธานของวัดกัลญาณมิตร มีทำเลที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเช่นเดียวกับที่กรุงเก่า และพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามว่าหลวงพ่อพระพุทธไตรรัตนายก เหมือนกับหลวงพ่อโตที่วัดพนัญเชิง
วิหารที่ประดิษฐานองค์หลวงพ่อโตก็มีศิลปะงดงามน่าชมอยู่ไม่น้อย วิหารหลังนี้เป็นทรงสี่เหลี่มจัตุรัส ที่หัวเสาภายในวิหารมีลายปั้นปูนประดับเป็นกลีบดอกบัว เรียกว่า บัวกลุ่ม เป็นศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น บานประตูเป็นไม้จำหลักเป็นลายกระหนก ฝีมือช่างสมัยพระเจ้าปราสาททอง สันนิษฐานว่าวิหารนี้สร้างภายหลังการสร้างหลวงพ่อโต สังเกตจากพระชานุ หรือหัวเข่าของหลวงพ่อโตเข้าไปอยู่ในต้นเสา อีกทั้งพระวิหารก็ไม่ได้สัดส่วนกับองค์หลวงพ่อโต 
หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง  (คลิกดูภาพใหญ่)
นอกจากนี้ภายในโบสถ์ซึ่งตั้งอยู่บริเวณวิหารหลวงพ่อโต ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญสามองค์ ประดิษฐานเรียงหน้ากระดานบนฐานสูง หากหันหน้าเข้าหาพระพุทธรูป องค์ซ้ายมือเป็นพระพุทธรูปสุโขทัยทำด้วยทองสำริด องค์กลางเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสมัยอยุธยา ส่วนองค์ขวามือเป็นพระพุทธรูปสุโขทัยทำด้วยโลหะนาก ที่ผนังโบสถ์มีภาพจิตรกรรมเป็นภาพไตรภูมิ มารผจญ พุทธประวัติ เทพชุมนุมที่ฝีมือประณีตควรชม
ไหว้พระชมวัดจนสบายใจแล้ว อยากหาของอร่อย ๆ กินแล้วละก็ ขอแนะนำว่ามาเที่ยวอยุธยาต้องได้กินก๋วยเตี๋ยว ซึ่งขึ้นชื่อ หากินได้ทุกตรอกซอกซอย ก๋วยเรืออยุธยาโด่งดังไปทั่วประเทศ อย่างที่อยู่ใกล้กับวัดพนัญเชิง ก็ต้องที่ก๋วยเตี๋ยววัดใหญ่ ตั้งอยู่เยื้องกับวัดใหญ่ ร้านนี้หาไม่ยาก ที่ขึ้นขึ้นชื่อคือก๋วยเตี๋ยวเนื้อ น้ำซุปหอมหวานรสดี แต่ถ้านิยมกินก๋วยเตี๋ยวหมูต้องไปที่ร้าน กิ่งแก้วก้านทอง ตั้งอยู่ในซอยโรงหนังเจ้าพรหม ตลาดประจักษ์ ถนนนเรศวร เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูครบเครื่อง ครบทุกเส้นให้เลือกสั่ง ส่วนก๋วยเตี๋ยวไก่ฉีก ต้องไปที่หน้าสนามกีฬากลางจังหวัด หรือจะแวะไปกิน ก๋วยเตี๋ยวไก่แม่ประนอม ตรงทางเข้าวัดพนมยงค์ก็อร่อยไม่แพ้กัน
ทัศนียภาพจากการเดินทางด้วยเรือ (คลิกดูภาพใหญ่)
การเดินทางไปเที่ยวได้ทั้งทางรถและทางเรือ

วัดพนัญเชิงตั้งอยู่บนถนนสาย ๓๐๕๙ หากมาทางสายเอเชีย เลี้ยวเข้าเกาะเมืองอยุธยา จะถึงวงเวียนเจดีย์วัดสามปลื้ม เลี้ยวขวาเข้าถนนสาย ๓๐๕๙ ตรงไปผ่านวัดใหญ่ชัยมงคลไปไม่ไกลจะถึงวัดพนัญเชิง หรือจะเลือกการเดินทางด้วยเรือหางยาว จากพระราชวังบางปะอินมายังวัดพนัญเชิงก็น่าสนใจไม่น้อย มีเรือหางยาวบริการให้เช่าเหมาลำ บริเวณท่าเรือข้างพระราชวังบางปะอิน ตรงข้ามกับวัดนิเวศธรรมประวัติ ในเส้นทางนักท่องเที่ยวจะได้เห็นชุมชนริมน้ำระยะไกล ด้วยเป็นช่วงที่ลำน้ำกว้าง สถานที่น่าสนใจคือ หมู่บ้านมุสลิมเก่าแก่ที่คลองตะเคียน ปากคลองคูจาม จะได้เห็นสุสานหรือที่ชาวมุสลิมเรียกกันว่า ตะเกี๋ย เป็นอาคารทรงโดมสวยงาม สันนิษฐานว่าเป็นสุสานของท่านจุฬาราชมนตรีคนแรก หรือเฉกอะหมัดชาวเปอร์เชียร์ที่เข้ามามีบทบาทในการค้าและราชสำนักสยาม
Home