home
Contact Uscontact@sarakadee.com
สาระเพื่อนักเดินทาง และการท่องเที่ยว อย่างเข้าใจและรอบรู้
www.Thaitraveler.com
เที่ยวทั้วไทยกับ "นายรอบรู้" เดือนมิถุนายน

นายรอบรู้ชวนเที่ยว : ดูสนุก ดูที่ไหน
พระธาตุหัวกลับ... 
ปริศนาซ่อนเร้นในเมืองไก่

"นายรอบรู้" ฉบับนี้ต้องขออนุญาตทำตัวแปลกไป จากสองสามเดือนที่ผ่านมา ที่เสนอเรื่องในแนว "ดูสนุก ดูที่ไหน" เปลี่ยนมาตามกระแส Unseen in Thailand ของ ททท. เสียเล็กน้อย เพราะ "นายรอบรู้" เกิดติดใจภาพ "พระธาตุหัวกลับ" เข้า เลยอยากชวนผู้อ่านไปดูกันบ้าง
องค์พระธาตุลำปางหลวง พระธาตุประจำปีเกิด ของคนเกิดปีฉลู (คลิกดูภาพใหญ่)วิหารด้านซ้ายคือ วิหารพระพุทธ ที่ปรากฎภาพเงาพระธาตุ ส่วนวิหารด้านขวาของภาพคือวิหารหลวง (คลิกดูภาพใหญ่)ความอลังการภายในวิหารหลวง (คลิกดูภาพใหญ่)
ภาพพระธาตุหัวกลับ หรือบางคนก็เรียกว่า เงาพระธาตุ ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง มีให้ชมในมณฑปพระพุทธบาท ด้านหลังองค์พระธาตุลำปางหลวง (ที่นี่ให้เข้าชมได้เฉพาะผู้ชาย) และรวมทั้งในวิหารพระพุทธ ซึ่งตั้งอยู่ข้างๆ องค์พระธาตุลำปางหลวง (เข้าชมได้ทั้งชายและหญิง) เวลาเข้าชมต้องปิดประตูอาคารให้ภายในมืดสนิด แสงจากองค์พระธาตุลำปางหลวงซึ่งอยู่ภายนอกอาคารจะลอดผ่านรูเล็กๆ บนผนังอาคารเข้ามา โดยทางวัดนำผืนผ้าสีขาวมาวางรับภาพไว้ ทำให้เห็นภาพพระธาตุมีสีสันอย่างชัดเจน ใครได้เห็นก็ต้องทึ่ง จน ททท.นำมาเป็นหนึ่งใน Unseen in Thailand พร้อมประชาสัมพันธ์ว่าเป็น "ภาพปริศนาที่คงอยู่คู่เมืองลำปางมาเนิ่นนานแต่ครั้งบรรพกาล..."
ความจริงแล้วการเกิดภาพพระธาตุหัวกลับนี้ไม่เป็น "ปริศนา" นัก คงต่างจากกรณีของบั้งไฟพญานาคที่หนองคาย ซึ่งวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างละเอียดครบถ้วน แต่ในกรณีนี้ มีคำอธิบายด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ง่ายๆ ที่เรียกว่า ปรากฏการณ์กล้องรูเข็ม ใครที่เคยทดลองทำ "กล้องรูเข็ม" สมัยเด็ก ก็คงจะร้องอ๋อ กล้องรูเข็มนี้ใช้กรดาษสีดำปิดปลายด้านหนึ่งแล้วเจาะรูเล็กๆ ไว้ ส่วนปลายอีกด้านปิดกระดาษไข เอากล้องไปส่องกับเทียนไข ก็จะมีภาพเทียนไขกลับหัวให้เห็นบนกระดาษไข การปรากฎของภาพ "พระธาตุหัวกลับ" ก็คล้ายกับกล้องรูเข็ม คือตัววิหารที่มืดสนิดเป็นตัวกล้อง รูบนผนังคือรูบนกล้อง ส่วนผ้าขาวที่รับภาพไว้ก็คือกระดาษไข
"เงาพระธาตุ" ที่วัดพระธาตุลำปางหลวง (คลิกดูภาพใหญ่)ซุ้มประตูโขง เหนือบันไดนาค สังเกตุยอดปราสาท และลวดลายปูนปั้น มุมนี้ถ่ายจากวิหารหลวงออกไป (คลิกดูภาพใหญ่)
แล้วทำไมถึงเป็นภาพหัวกลับ
ก็เพราะรูเล็กๆ บนกล้อง หรือที่ผนังทำตัวเสมือนกับเลนส์กล้องถ่ายภาพ บีบบังคับให้แสงหักเหเกิดภาพกลับในทิศทางตรงข้ามกับของจริง ส่วนยอดมาอยู่ล่าง ส่วนฐานกลับไปอยู่บน
หลักการของการเกิดภาพ ก็ดูจะว่าไว้ง่ายๆ เช่นนี้ ไม่แปลกประหลาดอะไร แต่ "นายรอบรู้" ว่า ที่ภาพพระธาตุหัวกลับเข้าข่ายเรื่อง "อัศจรรย์" ก็คือความบังเอิญเหมาะเจาะของปัจจัยหลายประการ ตั้งแต่ระยะห่างระหว่างองค์พระธาตุกับวิหาร โดยเฉพาะตำแหน่งของรูเล็กๆ บนผนังที่เกิดขึ้นในระดับความสูงพอดีที่ทำให้เกิดภาพในวิหาร ถ้าเกิดสูงไปหรือต่ำไป อาจทำให้ไม่มีคนสังเกตุเห็นภาพก็ได้ ส่วนรูก็มีขนาดพอเหมาะจริงๆ เรียกว่าถ้าเล็กไปหรือใหญ่ไป ก็คงไม่ได้เห็นกันล่ะ
เรียกว่าหลักการง่าย แต่การเกิดขึ้นนั้นยาก ใครไม่เชื่อก็ลองทำกล้องรูเข็มดูได้ แล้วจะพบว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลยที่จะทำให้เกิดภาพบนกระดาษไขขึ้นมาได้
ลายปูนปั้น ประดับข้างเสาซุ้มประตูโขง (คลิกดูภาพใหญ่)พระเจ้าล้านทอง ประดิษฐานในกู่ปราสาททอง (คลิกดูภาพใหญ่)
มาถึงวัดพระธาตุลำปางหลวงแล้ว จะมัวแต่ดูภาพพระธาตุหัวกลับอย่างเดียวก็เห็นจะผิดไป เพราะภายในวัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลำปางนี้ มีสิ่งน่าสนใจอื่นๆ อีกมาก
วัดพระธาตุลำปางหลวงตั้อยู่บนเขาขนาดย่อม แลดูจากภายนอกนั้นก็รู้สึกถึงความยิ่งใหญ่ขอวัด เมื่อเดินขึ้นไปตามบันไดนาคที่แต่ละด้านมีนาคอยู่ถึงสองตัว จนถึงสุดปลายบันไดจะเป็นซุ้มประตูโขง ลองแหงนหน้ามองจะเห็นยอดทรงปราสาท แกะลายปูนปั้นเป็นนาค หงส์ ประดับไว้อย่างสวยงาม ส่วนเบื้องหน้าเราตอนนี้คือวิหารหลวง เป็นอาคารโถงแบบเปิดโล่ง สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง หลังคาซ้อนเป็นชั้นลดหลั่นลงมาจนเกือบถึงพื้น นับเป็นสถาปัตยกรรมล้านนาที่งดงามมาก ส่วนภายในโถงอาคารนั้นตรึงตาเราด้วยเสาสูงที่นำสายตาสู่กู่ปราสาทสีทอง เหลืองอร่ามกลางวิหาร ภายในกู่ประดิษฐานพระเจ้าล้านทอง ศิลปะเชียงแสนผสมสุโขทัย ที่เราต้องก้มกราบนมัสการด้วยความศรัทธา หลังจากนั้นลองเดินสังเกต ตามแผ่นไม้ที่ติดอยู่ด้านบนของแต่ละช่วงเสาภายในวิหาร จะมีภาพจิตรกรรมเป็นเรื่องเกี่ยวกับทศชาติชาดก พุทธประวัติ อยู่โดยรอบ แต่ละภาพสอดแทรกวัฒนธรรมวิถีชีวิตของคนสมัยก่อนไว้
ส่วนด้านหลังวิหารหลวง คือองค์พระธาตุลำปางหลวง เป็นเจดีย์ทรงกลมแบบล้านนา ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สูงถึงประมาณ ๔๕ เมตร องค์พระธาตุบุด้วยแผ่นทองแดงปิดทอง ที่ทางเหนือเรียกว่า ทองจัวโก แต่ละแผ่นมีลวดลายต่างๆ ไม่ซ้ำกัน ตามประวัติไม่ปรากฎหลักฐานการสร้างพระบรมธาตุที่ชัดเจนนัก มีเพียงศิลาจารึกที่มีข้อความกล่าวอ้างถึงพระบรมธาตุในปี พ.ศ. ๒๐๔๕ ถ้านับถึงปัจจุบัน พระธาตุลำปางหลวงก็มีอายุไม่ต่ำกว่า ๕๐๐ ปีแล้ว ส่วนวิหารหลวงน่าจะสร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๑๐๔
ดื่มด่ำบรรยากาศอันงดงาม ของบ่อน้ำพุร้อนแจ้ซ้อน (คลิกดูภาพใหญ่)ชมช้างแสดงพละกำลัง และสติปัญญา ที่ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย (คลิกดูภาพใหญ่)
พระธาตุลำปางหลวงเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนปีฉลู ใครเกิดปีวัวจึงไม่ควรพลาดการมากราบสักการะพระธาตุเพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต
ในวัดพระธาตุลำปางหลวงยังมีวิหารน้ำแต้ม ที่มีภาพเขียนเก่าแก่งดงาม พระแก้วดอนเต้า และพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมของเก่าให้ชมจำนวนมาก จึงนับได้ว่าวัดพระธาตุลำปางหลวงเป็นจุหมายที่ต้องไม่พลาดด้วยประการทั้งปวง หากใครได้มาถึงเมืองลำปาง
สำหรับผู้ที่ยังไม่จุใจกับภาพพระธาตุหัวกลับ ไม่ไกลจากวัดพระธาตุลำปางหลวง ในอำเภอเกาะคา มีวัดพระธาตุจอมปิง ซึ่งมีตำนานการสร้างมาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวี องค์พระธาตุมีลักษณะคล้ายพระธาตุหริภุญชัย ของจังหวัดลำพูน ภายในโบสถ์ข้างพระธาตุก็ปรากฏภาพเงาพระธาตุให้เห็นได้เช่นกัน
หากใครถามว่าทำไมเมืองเขลางค์นคร จึงมีปรากฎการณ์ภาพพระธาตุหัวกลับ ถึงสามแห่ง ในขณะที่จังหวัดอื่ๆ ไม่มีรายงานเรื่องนี้เลย ก็คงตอยได้ยาก "นายรอบรู้" ได้พยายามขบคิดว่าเรื่องของพระธาตุกลับหัว หรือเงาพระธาตุให้แง่คิดอะไรแก่เราบ้าง นอกไปจากการประชาสัมพันธ์ในแง่ของภาพปริศนา เพื่อเป็นจุดขายให้คนมาเที่ยวจังหวัดลำปางที่มักเป็นทางผ่าน จะเป็นความศรัทธาในความศักดิ์สิทธิ์ ความมหัศจรรย์ หรือสิ่งใด คงแล้วแต่มุมมองของแต่ละบุคคล "นายรอบรู้" หวังเพียงว่าสิ่งนั้นจะน้อมนำเราสู่การประพฤติดี ปฏิบัติชอบ ตามหลักธรรมแห่งองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า หลักธรรมที่เรียบง่ายแห่ศีล สมาธิ และปัญญา แต่หากผู้ใดปฎิบัติได้จริง ก็คงจะเกิดความมหัศจรรย์ขึ้นในชีวิต เฉกเช่นภาพพระธาตุหัวกลับที่เกิดจากหลักการง่ายๆ ของกล้องรูเข็ม แต่ปรากฎเป็นภาพอันน่าทึ่งชวนให้พิศวง
พระพม่า และลวดลายประดับแบบศิลปะพม่าในวัดศรีรองเมือง (คลิกดูภาพใหญ่)พระธาตุจอมปิง (คลิกดูภาพใหญ่)ภาพจิตกรรมต้นศรีมหาโพธิสามต้น ที่วิหารน้ำแต้ม (คลิกดูภาพใหญ่)

เที่ยวสนุก เที่ยวที่ไหน

นอกจากวัดวาอารามในศิลปะสถาปัตยกรรมล้านนาแล้ว ลำปางยังมีสิ่งน่ชมอีกมาก ที่ยกมานี้เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น

วัดศิลปะพม่า ในตัวเมืองลำปางมีวัดพม่าหลายแห่ง เช่น วัดศรีชุม วัดศรีรองเมือง วัดพระแก้วดอนเต้า วัดป่าฝาง เป็นต้น เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมพม่าในสมัยราชวงศ์คองบองตอนปลาย สกุลช่างมัณฑะเลย์ เอกลักษณ์ที่น่าชมคือ วิหารไม้หลังคาซ้อนกันสูงขึ้นไปหลายชั้น การประดับตกแต่งอาคารด้วยลายฉลุไม้ แผ่นโลหะสังกะสีผสมดีบุกฉลุลายอย่างละเอียด พระพม่าที่มีพระพักตร์อิ่มเอิบ และผ้าจีวรทำเป็นทำเป็นริ้วชัดเจน
นั่งรถม้าชมเมือง รถม้าเข้ามาในเมืองลำปางครั้งแรกประมาณปี พ.ศ. ๒๔๔๓ ปัจจุบันกลายเป็นพาหนะคู่เมืองลำปาง เอกลักษณ์หนึ่งเดียวที่จังหวัดอื่นไม่มี ใครสนใจนั่งรถม้าชมรอบตัวเมือง ก็มีจุดบริการหน้าศาลากลางจังหวัด ถ. บุญวาทย์ เยื้อง สภ.อ. เมือง อีกสองแห่งที่หน้าโรงแรมลำปางเวียงทอง และหน้าทางเข้าโรงแรมทิพย์ช้าง นั่งรถม้าช่วงเย็นๆ หรือค่ำจะได้ไม่ร้อนเกินไป แล้วคอยนับสัญลักษณ์ตราไก่ที่มีอยู่ทั่วไปในตัวเมือง
อุทยานแห่งชาติแจ้ซ้อน ไปทาง อ. เมืองปาน ห่างจากตัวเมืองลำปาง ๖๘ กม. เป็นแหล่งน้ำพุร้อนธรรมชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ ที่นี่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ห้องอาบน้ำแร่ที่ออกแบบกลมกลืนกับป่าเขาธรรมชาติ รวมทั้งที่พัก และที่กางเต็นท์ นอกจากนี้ยังมีน้ำตกงาม เช่น น้ำตกแจ้ซ้อน น้ำตกแม่มอญ น้ำตกแม่ขุน
ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย อยู่ริมถนนสายลำปาง - เชียงใหม่ ห่างจากตัวเมืองลำปางเพียงประมาณ ๓๐ กม. เป็นจุดหมายที่ไม่ควรพลาดสำหรับเด็กๆ และครอบครัว ชมการแสดงความสามารถของช้างไทย โดยเฉพาะการใช้งวงทำกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างน่าทึ่ง ใครสนใจการนั่งช้างชมทัศนียภาพโดยรอบก็มีให้บริการ
Home