Contact Us
สาระเพื่อนักเดินทาง และการท่องเที่ยว อย่างเข้าใจและรอบรู้
www.Thaitraveler.com
นายรอบรู้ชวนเที่ยว : ดูสนุก ดูที่ไหน
ชมพระราชวังตากอากาศ
ฉบับนี้
"นายรอบรู้"
ขอนำไปเที่ยวชมสถานตากอากาศของเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน โดยเฉพาะในสมัยรัชกาลที่ ๔, ๕ และ ๖ ซึ่งเป็นช่วงที่อิทธิพลของชาติตะวันตก กำลังขยายตัวสู่สังคมไทยมากขึ้น
รู้ไหมว่าวัฒนธรรมการพักผ่อนตากอากาศ เพิ่งเกิดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ นี่เอง เมื่อชาวตะวันตกที่อยู่ในสยาม ได้ขอพระราชทานที่ดินชายทะเลไว้เป็นที่พักผ่อน ตามความเชื่อว่าอากาศในที่แห้งหรือชายทะเล และการอาบน้ำทะเลนั้น เป็นสิ่งดีต่อสุขภาพ และหมู่ชนชั้นเจ้านายไทยก็เห็นคล้อยตาม คำว่า
"ตากอากาศ"
จึงปรากฏเป็นครั้งแรก มีบันทึกในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ สมัยรัชกาลที่ ๔ ซึ่งแต่งโดยเจ้าพระยาทิพากรวงศ์
รัชกาลที่ ๔ จึงทรงสร้าง "พระนครคีรี" ขึ้นที่เพชรบุรี เพื่อเป็นสถานพักตากอากาศ รองรับพระราชอาคันตุกะจากประเทศตะวันตกในปลายรัชกาล พระราชวังแห่งนี้แสดงถึงความทันสมัยของราชสำนักไทย ที่มีพระราชวังฤดูร้อนเช่นเดียวกับชาติตะวันตก ต่อมาความนิยมในการตากอากาศเพื่อรักษาสุขภาพ ก็แพร่หลายมากขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๕ และ ๖ จนเกิดการท่องเที่ยวเพื่อพักผ่อน เปลี่ยนบรรยากาศในหมู่ข้าราชการ คหบดี และสามัญชน
พระราชวังตากอากาศที่สร้างในสมัยแรก อย่างพระนครคีรีหรือเขาวัง ผสมผสานศิลปะดั้งเดิมของไทย กับแนวนิยมแบบจีน และตะวันตก โครงหลังคาและกระเบื้องคลุมมีทั้งแบบหลังคาเก๋งจีน หลังคาลาดชันแบบไทย หลังคาโดมกระจกแบบฝรั่ง เช่นเดียวกับลูกกรง ราวระเบียง หรือแม้แต่เครื่องเรือนเฟอร์นิเจอร์ ก็มีหลายแบบเช่นกัน
ในสมัยรัชกาลที่ ๕ มีการว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศ เข้ามารับราชการ มีทั้งช่างอังกฤษ อิตาเลียน และเยอรมัน อาคารจึงมีรูปแบบศิลปะตะวันตกเด่นชัด รวมถึงเทคนิคการก่อสร้างที่ทันสมัย ก็ทำให้อาคารมีรูปทรงใหญ่โตโอ่โถง และมีรายละเอียดวิจิตรตามไปด้วย
พระราชวังบางปะอินซึ่งสร้างในช่วงต้นรัชกาลที่ ๕ จะยังมีทั้งศิลปะตะวันตก ไทย จีน ญี่ปุ่น และแบบผสม ในพระที่นั่งองค์ต่างๆ เช่นเดียวกับพระจุฑาธุชราชฐานที่เกาะสีชัง แต่ภายหลังจากรัชกาลที่ ๕ เสด็จกลับจากประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ ในปี ๒๔๕๓ แล้ว การสร้างพระรามราชนิเวศน์ หรือพระราชวังบ้านปืน จะเป็นพระราชวังแบบโมเดิร์นสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นการวางผัง การทำหอคอย หน้าบันทรงโค้ง ผนังตึกโค้งทั้งภายในและภายนอก หรือการใช้เส้นโค้งพลิ้วไหวของลายพรรณพฤกษา กับลายเรขาคณิตมาตกแต่งตามช่องลม ราวลูกกรง โคมไฟ
เมื่อเข้าสู่สมัยรัชกาลที่ ๖ เป็นยุคของความรู้สึกชาตินิยม จึงหวนกลับไปสนใจศิลปกรรมและงานช่างโบราณ เกิดเป็นงานสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ขึ้น พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน จึงสร้างเป็นอาคารไม้ยกพื้นใต้ถุนโล่งแบบบ้านไทย เน้นความเรียบง่ายมีแทรกลายฉลุเพียงเล็กน้อย มุงด้วยกระเบื้องว่าวที่ทำขึ้นในประเทศ และเริ่มทำใช้ในรัชกาลนี้
การเที่ยวชมพระราชวังตากอากาศ ที่สร้างขึ้นในสมัยดังกล่าว เป็นโอกาสที่เราจะได้สัมผัสกับสถานที่ที่พระมหากษัตริย์เคยประทับ และโดยเฉพาะรูปแบบสถาปัตยกรรมของแต่ละวัง ที่มีความโดดเด่นแตกต่างกันไป รู้อย่างนี้แล้วก็ลองสังเกตจุดเล็กจุดน้อย อย่างการประดับตกแต่งส่วนต่างๆ ของอาคาร ประตูหน้าต่าง เสา หลังคา จะทำให้การเที่ยวชมสนุกและเพลิดเพลินยิ่งขึ้น
ดูที่ไหน
พระนครคีรี
หรือเขาวัง จ. เพชรบุรี สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๔ เป็นพระราชวังประทับแรมขนาดเล็ก แม้จะสร้างตามแบบสถาปัตยกรรมตะวันตก แต่ยังคงรักษาแบบแผนการก่อสร้างพระราชวัง ตามโบราณราชประเพณีไว้ โดยยังแบ่งเขตพระราชฐานเป็นสามเขต คือ เขตชั้นนอก ชั้นกลาง และชั้นใน ทั้งยังสร้างวัดในเขตพระราชฐาน แบบเดียวกับวัดพระแก้วในพระบรมมหาราชวังอีกด้วย
อาคารแบบตะวันตกมีพระที่นั่งสันถาคารสถาน ซึ่งเป็นหมู่พระที่นั่งขนาดใหญ่สำหรับรับรองแขกเมือง หอชัชวาลเวียงชัย สำหรับส่องกล้องทอดพระเนตรดูดาว ทำหลังคาเป็นโดม มุงด้วยกระจกโค้ง ห้อยโคมไฟ อาคารแบบผสมจีน ไทย ฝรั่ง มี พระที่นั่งราชธรรมสภาและปราโมทย์มไหสวรรย์ มุงหลังคาด้วยกระเบื้องกาบกล้วย หรือกระเบื้องดินเผาแบบจีน ประตูหน้าต่างเป็นวงโค้ง ตกแต่งด้วยลายปูนปั้น และเสาปลอมติดผนังทำหัวเสาแบบกรีก
สำหรับพระที่นั่งเวชยันต์วิเชียรปราสาท เป็นปรางค์ห้ายอดตามคติไตรภูมิ คือยอดกลางแทนเขาพระสุเมรุ อันเป็นที่ประทับของพระอินทร์ ปรางค์ทิศอีกสี่องค์ เปรียบดังทวีปทั้สี่ ซึ่งเป็นที่อยู่ของสัตว์และมนุษย์ และมีรูปแบบตะวันตกผสม คือการสร้างหอคอยหลังโดมไว้ทั้งสี่ทิศ
เปิดทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น.
พระราชวังบางปะอิน
จ. พระนครศรีอยุธยา รัชกาลที่ ๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี ๒๔๑๕ หลังครองราชย์ได้เพียง ๔ ปี โดยน่าจะได้แรงบันดาลใจมาจากพระราชวังยุโรป ที่เคยทอดพระเนตรที่กรุงปัตตาเวีย เมื่อคราวเสด็จประพาสชวาและสิงคโปร์เมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๔ การก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้ให้บริษัท Grassi Brothers & Co. สองพี่น้องนายช่างอิตาเลียน เป็นผู้ดำเนินการออกแบบและก่อสร้าง
วัดนิเวศธรรมประวัติตกแต่งด้วยรูปแบบศิลปะกอทิก รัชกาลที่ ๕ ทรงมีเจตนาให้คล้ายคลึงกับมหาวิหาร Notre-Dame de Paris ของฝรั่งเศส ซึ่งมีจุดเด่นที่ทำหอระฆังเป็นยอดสูงแหลมเสียดฟ้า
เปิดทุกวัน เวลา ๐๘.๐๐-๑๖.๐๐ น.
พระจุฑาธุชราชฐาน
เกาะสีชัง จ. ชลบุรี สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๓๕ ประกอบด้วยพระที่นั่งสี่องค์ ตำหนัก ๑๔ หลัง ศาลาหนึ่งหลัง ตั้งอยู่ตามชั้นเนินเขาลดหลั่นกันไป ท่ามกลางหมู่ต้นลั่นทมที่ออกดอกส่งกลิ่นหอมเย็น ตำหนักและอาคารที่ได้รับการบูรณะและเข้าชมได้แล้ว ได้แก่ ตึกวัฒนา ตึกเขียว ตึกผ่องศรี และตึกอภิรมย์ มีทั้งที่สร้างเป็นอาคารปูนและเรือนไม้หลังคาปั้นหยา ตกแต่งด้วยชายฉลุไม้โดยรอบ ส่วนใหญ่มีสถาปัตยกรรมแบบที่เรียกว่า Colonial style ซึ่งเป็นอิทธิพลจากตะวันตก
พระรามราชนิเวศน์ หรือพระราชวังบ้านปืน
อ. เมือง จ. เพชรบุรี สร้างขึ้นในปี ๒๔๕๓ หลังจากรัชกาลที่ ๕ เสด็จกลับจากประพาสยุโรปครั้งที่ ๒ โดยทรงมอบหมายให้นายคาร์ล ดอห์ริง (Karl Dohring) สถาปนิกชาวเยอรมัน สังกัดกรมรถไฟหลวงเป็นผู้ออกแบบ ด้วยการผสมผสานทั้งศิลปะแบบโรมาเนสก์ ซึ่งวางผังเป็นรูปดอกจิก ศิลปะบาโรกซึ่งนิยมทำหอคอยและหน้าบันทรงโค้ง รวมทั้งผนังตึกโค้งทั้งภายในและภายนอกอาคาร เพื่อสร้างทัศนียภาพลวงตา
นอกจากนี้ยังใช้ศิลปะแบบจุงเกนสติลหรืออาร์ตนูโว อันโดดเด่นด้วยลวดลายพรรณพฤกษาและเรขาคณิต ที่มีเส้นโค้งพลิ้วไหวอ่อนช้อย อีกทั้งยังนิยมใช้วัสดุที่มันเป็นเงาแวววาว อย่างเหล็ก ทองเหลือง แก้ว กระเบื้องเคลือบ และกระจกสี ประดับตกแต่งช่วยให้บรรยากาศภายในดูอ่อนหวาน พระราชวังแห่งนี้จึงทั้งโอ่โถง สง่างามและอ่อนหวานไปพร้อมกัน
เปิดทุกวัน เวลา ๐๘.๐๐-๑๗.๐๐ น.
พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน
ค่ายพระรามหก อ. ชะอำ จ. เพชรบุรี รัชกาลที่ ๖ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับรักษาพระองค์ โดยทรงวางผังด้วยพระองค์เอง พร้อมกับพระราชทานคำแนะนำและแนวคิดต่าง ๆ ให้นาย อี. มันเฟรดี้ สถาปนิกชาวอิตาเลียนเป็นผู้ออกแบบ พระราชนิเวศน์นี้มีความเรียบง่าย กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมของอากาศเมืองร้อน มีหมู่พระที่นั่งใหญ่สามองค์หันหน้าออกสู่ทะเล ได้แก่ พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ พระที่นั่งพิศาลสาคร พระที่นั่งสมุทพิมาน ทั้งสามองค์มีทางเดินเชื่อมต่อกัน โดยมีศาลาลงสรงของฝ่ายหน้าและฝ่ายในยื่นลงสู่ทะเล
เปิดทุกวัน เวลา ๐๘.๓๐-๑๖.๐๐ น.