
เวลาเดินเที่ยวตามสวนผลไม้หรือเส้นทางศึกษาธรรมชาติในป่า มักมีกระรอกกระแตออกมาทักทายให้เห็นอยู่เสมอ
พบคราวใดก็อดมองและชื่นชมท่วงท่าน่ารักของพวกมันไม่ได้ ความคุ้นเคยทำให้คนส่วนใหญ่ชอบเรียกกระรอกกระแตคล้องจองและคิดว่าเป็นสัตว์ชนิดเดียวกัน
ทั้งที่จริงพวกมันเป็นสัตว์คนละประเภท
สำหรับกระรอก
(Squirrel) เป็นสัตว์ฟันแทะ (Rodent) ในอันดับเดียวกับหนู สัตว์กลุ่มนี้มีฟันตัดบนขากรรไกรทั้งคู่ตั้งอยู่ห่างจากฟันบดเคี้ยวโดยไม่มีฟันเขี้ยวคั่นกลาง
ช่วยให้กินเมล็ดพืชและส่วนที่แข็งของพืชได้ โดยกระรอกอยู่ในวงศ์ Sciuridae
ทุกชนิดมีลำตัวเพรียวยาวและมีหางเป็นพู่ยาว หูและตามีขนาดใหญ่ อาศัยอยู่ทั้งบนต้นไม้และตามพื้นดิน
พวกบนต้นไม้ทำรังในโพรงไม้หรือสร้างรังด้วยกิ่งไม้และใบไม้ในบริเวณที่เปิดโล่ง
มีทั้งหากินกลางวันและกลางคืน บางชนิดมีแผ่นหนังขึงระหว่างขาหน้ากับขาหลัง
สามารถใช้กางออกเพื่อร่อนจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่ง เรียกกันว่า กระรอกบิน
ในเมืองไทยพบกระรอกทั้งหมด
๒๗ ชนิด โดยชนิดใหญ่ที่สุดคือพญากระรอกดำใหญ่(Black Giant Squirrel/Ratufa
bicolor) มีขนาดยาวประมาณ ๓๗ ซม.
ส่วนกระแต
(Treeshrew) มิใช่สัตว์ฟันแทะอย่างกระรอก แต่เป็นสัตว์ในวงศ์ Tupaiidae
เนื่องจากกระแตบางชนิดมีขนาดและลักษณะคล้ายกระรอกมาก จึงมักเรียกและจำแนกสับสนกัน
ทั้งนี้กระแตมีปลายจมูกยาวแหลมกว่ากระรอกและส่วนใหญ่มีหางยาวไม่เป็นพู่
หรือมีปลายหางเรียวแหลมกว่า กระแตชอบอาศัยบนต้นไม้และหากินเวลากลางวัน
โดยกินผลไม้ แมลง และสัตว์เล็กๆ เป็นอาหาร
ในเมืองไทยพบกระแตทั้งหมด
๕ ชนิด ชนิดที่พบบ่อยคือกระแตเหนือ (Northern Treeshew/Tupaia belangeri)
|