
คุณเคยเล่นเกมส์ตั้งชื่อให้กับก้อนเมฆกับเพื่อนๆ ไหม?
รูปทรงที่แตกต่างกันของเมฆสีขาวบนท้องฟ้า ไม่เพียงชวนให้จินตนาการถึงสิ่งหลากหลายอย่างไร้ขอบเขต
เมื่อมันสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ไม่รู้จบ แต่ลักษณะของเมฆยังบอกให้ทราบถึงสภาพอากาศได้อีกด้วย
คุณลองแหงนหน้าขึ้นมองฟ้าใสยามอากาศปลอดโปร่ง
จะเห็นเมฆเป็นก้อนคล้ายปุยฝ้ายลอยกระจายทั่วท้องฟ้า เมฆแบบนี้เรียกว่า
คิวมูลัส (Cumulus) หากเมฆคิวมูลัสมีขนาดใหญ่มาก ฝนอาจตกเป็นหย่อมๆ
ใต้เมฆบางก้อน แต่ถ้าเมฆเกิดก่อตัวสูงขึ้นไปจนเป็นก้อนหนาทึบคล้ายภูเขาขนาดใหญ่
คราวนี้เดาไม่ยากว่า ฝนต้องตกแน่ๆ เมฆฝนฟ้าคะนองแบบนี้เรียกว่า คิวมูโลนิมบัส
(Cumulonimbus) ยิ่งถ้ายอดเมฆด้านบนขยายออกจนดูเหมือนรูปทั่ง (anvil)
ฝนจะกระหน่ำหนักถึงขั้นพายุ และมีฟ้าแลบฟ้าร้องตามมาอย่างรุนแรง

นักอุตุนิยมวิทยาแบ่งเมฆตามรูปร่างออกเป็นสี่ลักษณะคือ เมฆเซอร์รัส
(cirrus) เมฆสเตรตัส (stratus) เมฆคิวมูลัส (cumulus) และ เมฆนิมบัส
(nimbus)
เมฆเซอร์รัสอยู่ระดับสูงที่สุดของเมฆทั้งมวล
มีลักษณะเป็นเส้นสีขาวปลายม้วนสะบัดคล้ายขนนก ถ้าเห็นเมฆแบบนี้แสดงว่าอากาศแจ่มใสดีตลอดวัน
คำว่า Cirrus มาจากภาษาละตินหมายถึง เส้นผมปลายม้วนโค้ง
เมฆสเตรตัสมีลักษณะเป็นแผ่นบางสีขาวคลุมทั่วท้องฟ้า
ตามความหมายของคำว่า Stratus เมฆสเตรตัสที่อยู่ในระดับต่ำจะเป็นแผ่นแนวนอนคล้ายหมอก
ทำให้ท้องฟ้าเป็นฝ้า
ถ้าเห็นเมฆชนิดนี้อาจมีฝนปรอยพรำลงมา
เมฆคิวมูลัสมีลักษณะเป็นก้อนอย่างที่กล่าวไปแล้ว
ลักษณะเช่นนี้ตรงกับคำว่า Cumulus นั่นเอง
สำหรับเมฆนิมบัสมีความหมายตรงตัวว่า
เมฆฝน ดังนั้นถ้าเห็นเมฆนิมบัสตั้งเค้าดำทะมึนมาเมื่อไหร่ ก็เตรียมหยิบร่มหรือหาที่หลบกำบังได้เลย
รีบหน่อยนะ
เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน!!!

|