
เข้าป่าหน้าฝน ไม่ต้องห่วงว่าจะไม่เจอทาก โดยเฉพาะคนที่ชอบเดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติหรือไปกางเต็นท์ในป่า
คงคุ้นกับภาพของทากตัวเรียวยาวคล้ายหนอนคืบกระดึ๊บ กระดึ๊บมาหาเรา
หรือหากมีเหตุให้เราต้องหยุดเดินอยู่กับที่ กลายเป็นเป้านิ่งให้ทากหลายตัวดาหน้าเข้ามาหา
ก็จะยิ่งเป็นภาพอันน่าหวาดหวั่นและขยะแขยงมากขึ้น...แต่..แต่อย่าเพิ่งรังเกียจเจ้าทากผู้อาภัพนี้เลย
เพราะมันเป็นสัตว์ที่มีประโยชน์มากทีเดียว
ในหน้าฝนเราพบทากมากเพราะเป็นช่วงที่ทากฟักจากไข่
แต่ในหน้าแล้งทากส่วนใหญ่จะจำศีล (ทากตัวเล็กๆ นี้มีช่วงสืบพันธุ์และวางไข่เป็นระยะเวลาถึง
1 ปีทีเดียว) เพราะทากชอบสภาพแวดล้อมที่ชื้น เพื่อช่วยให้มันหายใจได้ดี
ยิ่งกว่านั้นในการเคลื่อนที่กระดึ๊บๆ มันยังต้องอาศัยพื้นผิวที่เปียกชื้นด้วยจึงจะใช้แว่นดูดของมันยึดเกาะได้มั่นคง
ดังนั้นเราจึงไม่ค่อยพบทากอยู่ตามพื้นดินกลางแดดหรือพื้นที่ค่อนข้างแห้งแม้จะอยู่ในป่า
แต่ตรงไหนที่มีดินแฉะๆ ริมลำธาร พื้นป่ารกและชุ่มชื้นละก็ ระวังให้ดี
ทากสามารถดูดเลือดจากสัตว์และคนเรา
ก็เพราะในน้ำลายของมันมีสารฮีรูดิน ซึ่งทำให้เลือดไม่แข็งตัว เจ้าสารนี้แหละที่มนุษย์นำมาเป็นต้นแบบสร้างสารสังเคราะห์ทำครีมนวดลดอาการฟกช้ำ
ดำเขียว หรือรักษาโรคเส้นเลือดตีบหรืออุดตันตามอวัยวะต่างๆ ในร่างกาย
เช่น สมอง ปอด หัวใจ ฯลฯ แต่นักวิทยาศาสตร์ก็ยังค้นหาประโยชน์จากทากชนิดต่างๆ
ที่อาจจะให้ผลที่ดียิ่งขึ้นไปอีก ส่วนทากในเมืองไทยจะมีกี่ชนิด ก็มีคนศึกษาน้อยมาก

สำหรับนักเดินทาง รู้อย่างนี้แล้วก็อย่าด่วนตัดสินใจกำจัดชีวิตสัตว์เล็กๆ
นี้ด้วยความรังเกียจในหน้าตาและท่าทางของมันเลย ลองคิดเสียว่าบางทีมันอาจเป็นทากชนิดใหม่ของโลกซึ่งอาจช่วยชีวิตเราจากโรคร้ายในอนาคตก็ได้
|