
ไม่มีลูกตาลลอยแก้วมาให้ชิมหรอก แต่จะพาไปรู้จักกับลูกก่อแข็งโป๊กในป่าดงดิบเขาต่างหาก
ก่อเป็นเป็นพืชในกลุ่มไม้โอ๊ก
(oak) และเป็นพันธุ์ไม้เด่นของป่าดงดิบเขา ก่อมีลักษณะเด่นอยู่ที่มีผลแข็งและมีเปลือกคล้ายถ้วยหุ้มเอาไว้
บางคนอาจจินตนาการไปถึงลูกไม้ใส่หมวกก็ใกล้เคียง
ทั่วโลกมีพืชในกลุ่มไม้โอ๊กมากกว่าพันชนิด
พืชกลุ่มนี้มีปริมาณมากในเขตอบอุ่นของโลก แต่ในเขตกึ่งร้อนและเขตร้อนจะมีความหลากหลายสูงกว่ามาก
อย่างในประเทศไทยมีก่อพื้นเมืองประมาณ ๑๐๐ ชนิด ขณะที่ในประเทศอังกฤษมีเพียงแค่
๒ ชนิดเท่านั้น
ก่อในเมืองไทยสามารถแบ่งได้เป็นสี่พวกใหญ่
ๆ ด้วยกัน โดยพิจารณาจากลักษณะของเปลือกที่หุ้มผลนั่นเอง ถ้ามีเปลือกหนามหุ้มทั้งผล
เรียกว่า ก่อเดือย (สกุล Castanopsis) ถ้าเปลือกเป็นแผ่นแป้นบางๆ และแข็ง
เรียกว่า ก่อแป้น (สกุล Lithocarpus) ถ้าเปลือกหุ้มประมาณครึ่งผล มีริ้ว
บางทีมีขนนุ่มๆ เรียกว่า ก่อหมวก (สกุล Quercus) พวกสุดท้ายมีเพียงชนิดเดียว
ผลเป็นรูปสามเหลี่ยมคือ ก่อสามเหลี่ยมหรือก่อดอยช้าง (สกุล Trigonobalanus)
แม้ลูกก่อจะมีเปลือกแข็งเพียงใด
แต่ก็ไม่พ้นตกเป็นอาหารของสัตว์ป่า เริ่มตั้งแต่พวกแมลงมักเจาะลูกก่อเป็นรูกลมเพื่อกินเนื้อใน
ส่วนกระรอกและบ่างที่มีฟันแข็งแรงก็สามารถเจาะเข้าไปกินเนื้อในของลูกก่อได้
พอลูกก่อที่เหลือตกลงสู่พื้นดิน พวกหมูป่า เก้ง และกวางจะมาเก็บกิน
แม้กระทั่งคนก็ยังชอบกินลูกก่อ
โดยเอามาคั่วกับถ่านจนสุก แล้วกะเทาะเปลือกออกกินเนื้อหวานมัน
นึกออกแล้วใช่ไหม
เกาลัดนั่นเอง
|